สรุปโอวาทประจำวัน ปี พ.ศ. ๒๕๕๗
> วันเสาร์ที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
หลวงพ่อปลื้มชาวไทใหญ่มาก ชาวไทใหญ่อยู่ที่แม่สาย จ.เชียงราย บริเวณรอยต่อเมียนมาร์ เขาเก็บเงินทั้งปีที่ได้มาจากการขายข้าวโพด และผลิตผลทางการเกษตรเพื่อให้ได้เงิน ๗๐๐ บาท นำมาเป็นค่าเดินทาง เพื่อมาโปรยกลีบดอกดาวรวย มากัน ๔ คันรถบัส เขาปลื้มกันมาก มาเพื่อการโปรยกลีบดอกดาวรวย เขารู้สึกว่าการมาครั้งนี้คุ้มค่ามาก ๆ เขาจะเคารพเทิดทูนพระภิกษุมาก เห็นพระเดินธุดงค์ก็ดีใจ มาเพื่อเอาบุญอย่างเดียว ตั้งใจกันทุกคนเลย ระหว่างทางที่ได้ไปโปรย แม้ว่าจะเหนื่อย จะเลอะเทอะอย่างไร พวกเขาก็ไม่รู้สึกอะไรเพราะปลื้มในบุญเป็นอย่างมาก
ความจริงก็เป็นอย่างที่หลวงพ่อบอกไปว่า เด็ดดอกไม้ยังสะเทือนถึงดวงดาวได้ เด็ดดอกดาวรวยก็จะสะเทือนไปทั่วภพสามเลย สะเทือนไปหมด ตลอดทั่วจักรวาล ลูกต้องตั้งใจทำหน้าที่ ให้ปลื้มปีติใจ เพราะเป็นการน้อมบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงปู่พระผู้ปราบมาร เราต้องตักตวงบุญกันให้เต็มที่
> วันอาทิตย์ที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
หลวงพ่อปลื้มชาวไทใหญ่มาก เก็บเงินทั้งปีเพื่อเป็นค่ารถสำหรับมาทําบุญโปรยกลีบดอกดาวรวย ออกเดินทางกันมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเมื่อมาเห็นพระเดินธุดงค์ ก็ดีใจเหมือนกับชาวเมียนมาร์ ติดใจยังไม่อยากกลับเมียนมาร์ เมื่อสักครู่ได้คุยกับชาวไทใหญ่ ถามเรื่องภาษาไทใหญ่ว่าเหมือนกับคนภาคเหนือไหม? ชาวไทใหญ่ตอบว่า พูดกันคนละอย่างเลย ภาษาไม่เหมือนกับคนภาคเหนือ พวกเขามากันเกือบสองร้อยคน กลับไปแล้วจะชวนญาติพี่น้องชุดใหม่ได้หมุนเวียนกันมา
งานธุดงค์จึงกลายเป็นงานเทศกาลชาวพุทธประจำปี มากันหลากหลายภาษา ความเคารพพระของชาวไทใหญ่กับชาวเมียนมาร์เรียกได้ว่าเป็นระดับสุดยอด ชาวไทยน้อยของเรายังห่าง เวลาชาวไทใหญ่เจอพระธุดงค์เขากราบลงที่พื้นเลย และถอดรองเท้าเข้ามาในลานธรรมวิหารคดหลวงพ่อเห็นแล้วน่าชื่นใจ
> วันจันทร์ที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
“ชาวไทใหญ่เขาทรหดอดทนลุยเอาบุญตลอดกันหลายวันแล้ว ตอนกลางคืนก็รับบุญเด็ดกลีบดอกดาวรวย เด็ดไปเรื่อย ๆ พอเที่ยงคืน เขาก็ไปช่วยกันแพ็คข้าวจนถึงตีห้า หกโมงเช้าก็ไปโปรยกลีบดอกดาวรวยต่ออีก หลวงพ่อถามเขาว่า “แล้วเอาเวลาที่ไหนไปพัก” เขาบอกว่า “พักในรถระหว่างเดินทางนั่งรถขาไปและขากลับ” เขาบอกอยากได้บุญกลับไปมาก ๆ มาเอาบุญ อะไรทุกอย่างที่เป็นบุญเขาปลื้มไปหมดทุกอย่าง ซึ่งมหัศจรรย์มาก พรุ่งนี้พวกเขาจะกลับกันแล้ว แต่จะไปเปลี่ยนให้ญาติพี่น้องชุดใหม่มาอีก ซึ่งเขาเป็นแบบนี้กันทั้งทีม หลวงพ่อดูหน้าแต่ละคนดูสดใส ดูไม่ออกว่าอดหลับอดนอนกันมาสี่ห้าวันแล้ว ระหว่างที่เขาโปรยกลีบดอกดาวรวยต้อนรับพระธุดงค์ก็กล่าวสาธุ ปลื้มปีติกัน เขาปลื้มในทุก ๆ บุญ ซึ่งชาวไทใหญ่ทางแม่สายนี้ จะออกนอกพื้นที่แต่ละครั้งก็ต้องทำเรื่องขออนุญาต พอถึงกำหนดเวลากลับ ก็ต้องกลับตามเวลาที่ขออนุญาตออกมานอกพื้นที่ แต่พวกเขาก็ยังดูสดใสกันมาก
ส่วนอีกชุดเป็นชาวมอญที่อยู่ในเมียนมาร์ทำงานที่มหาชัย ได้พาแม่ชีชาวเมียนมาร์มาด้วย หลายท่านแต่งชุดสีชมพูดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาตั้งใจมาแสวงบุญกันจริง ๆ แดดจะร้อนอย่างไรก็อดทนเพื่อเอาบุญจริง ๆ เขาปลื้มกันมาก ชาวเมียนมาร์บอกว่า ยังไม่อยากกลับไปเมียนมาร์ ซึ่งเขาจะมีความเคารพ และศรัทธาพระมาก ทำอย่างไรเราจะได้อย่างนั้นบ้าง คำพูดจะใส ๆ ตรง ๆ สมัยก่อนหลวงพ่อเจอแต่คนใส ๆ แบบนี้ ห้าสิบปีผ่านไปมันแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ซึ่งเกิดจากสังคมเปลี่ยนไปเป็นวัตถุนิยม เมื่อก่อนชาวไทยจะใส ๆ ซื่อ ๆ ดีกว่านี้ เมืองไทยน่าอยู่กว่านี้มาก ถึงแม้อะไรจะไม่สะดวกสบายเท่าสมัยนี้ เวลาหลวงพ่อไปต่างจังหวัดจะมีความสุขมาก มีสามีภรรยาชาวเมียนมาร์คู่หนึ่ง ฝ่ายภรรยาอยู่เมียนมาร์ แต่สามีมาขายชานมไข่มุกในเมืองไทย ทำงานส่งเงินไปให้ภรรยาเพื่อฝากให้ไปทำบุญกับวัดในเมียนมาร์ สามีภรรยาคู่นี้จะใส ๆ ซื่อ ๆ เขาจะคอยบอกรักภรรยาอยู่บ่อย ๆ ไม่นอกใจภรรยา บอกภรรยาว่าไม่ต้องทำงานอะไร ตัวเองจะคอยหาเงินส่งไปให้ใช้ ต่อมามีเหตุทำให้ภรรยาต้องมาหาสามีที่เมืองไทยเพราะสามีเปลี่ยนไป เมื่อมาถึงเมืองไทยแล้ว ตัวเธอก็ได้มาเล่าเรื่องนี้ให้กับผู้นำบุญคนหนึ่งฟัง ซึ่งผู้นำบุญก็ถามว่า สามีเปลี่ยนไปอย่างไร ตัวเธอบอกว่า "สามีสอนให้ท่อง สัมมา อะระหัง” ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจจึงมาหาที่เมืองไทย และได้ไปร่วมโปรยกลีบดอกดาวรวยด้วย ซึ่งเธอก็ปลื้มมาก ผู้นำบุญของเราถามภรรยาชาวเมียนมาร์ผู้นี้ว่า "สามีคุณน่ะ ขอได้มั้ย” ภรรยาชาวเมียนมาร์ถามว่า “ขอไปทำอะไร” ผู้นำบุญของเราตอบว่า "ขอไปบวช จะได้มาเดินธุดงค์แบบนี้บ้าง” เมื่อฟังเช่นนี้ภรรยาชาวเมียนมาร์ก็ตอบว่า “งั้นเอาไปได้เลย”