สงเคราะห์ญาติ
การสงเคราะห์ญาติเป็นเรื่องดี ควรทำอย่างยิ่ง แต่หลายๆคนต้องได้รับความเดือดร้อน เพราะสงเคราะห์ญาติไม่เป็น แล้วมาบ่นว่า 'ทำดีไม่ได้ดี' แท้จริงหากทำดีให้ถูกหลักเกณฑ์ย่อมได้ดี
เรื่องสงเคราะห์ญาตินี้ โยมพ่อได้ทำให้เห็นเป็นแบบอย่างยังจำได้ เมื่ออาตมายังเรียนอยู่ชั้นประถม วันหนึ่งเพื่อนของโยมพ่อมาขอยืมเงิน ๑ หมื่นบาท (ซึ่งสมัยนั้นมีค่ามาก เพราะก๋วยเตี๋ยวยังราคาชามละ ๑ สลึงเท่านั้น) โยมพ่อตอบว่า
'บ้านนี้ไม่มีเงินให้ใครยืม'
เพื่อนของโยมพ่อจึงเปลี่ยนเป็นขอกู้ โยมพ่อก็ตอบว่า
'บ้านนี้ไม่มีเงินให้ใครกู้ มีแต่เงินช่วย' แล้วท่านก็พูดต่อว่า
'เงินหมื่น ไม่ใช่ว่าจะไม่มี มี แต่ให้ไปไม่ได้ เพราะจำเป็นต้องใช้ในเรื่องต่างๆ เหมือนกัน หากให้ยืมไปแล้ว ถึงคราวจำเป็นต้องใช้ แล้วเพื่อนนำเงินมาคืนไม่ทัน ช้าไปเพียงวันสองวันฉันก็จะแย่ แล้วจะพลอยทำให้มองหน้ากันไม่สนิท
เพราะฉะนั้น ในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน ก็เอาไปเถอะหนึ่งพันบาทและเงินพันบาทนี้ ถ้าหากยืมไปแล้วสามารถเอามาใช้คืนได้ก็เอามาคืน จะได้ไว้ช่วยพรรคพวกคนอื่นๆ ต่อไป แต่ถ้าไม่สามารถเอามาคืนได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องหลบลี้หนีหน้าไป เพราะถือว่าได้ยกให้แล้ว และถ้าอยากจะได้เงินให้ครบหมื่น ก็ไปหาพรรคพวกที่มีน้ำใจอย่างฉันนี้อีก ๙ คน ก็จะได้เงินครบหมื่นตามต้องการ...
เพื่อนของโยมพ่อคนนี้หายหน้าหายตาไปเป็นปี วันหนึ่งเขาก็เอาเงินมาคืน และพยายามให้ดอกเบี้ยกับโยมพ่อ แต่โยมพ่อไม่รับ แต่บอกให้เขานำเงินที่เขาคิดว่าเป็นดอกเบี้ยนี้ไปฝากธนาคารเผื่อว่าเพื่อนคนอื่นๆ เดือดร้อน เขาจะได้ช่วยเหลือต่อๆ ไปอีก
เมื่อโยมพ่อควักเงินให้ใคร ท่านมักคำนึงว่า
๑. ไม่ทำให้ท่านและครอบครัวเดือดร้อน
๒. ไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่คิดจะช่วยจริงๆ
โยมพ่อจะไม่ให้ใครยืมเงิน ถ้าให้ก็ให้ไปเลย เพราะฉะนั้นบ้านเราจะไม่เคยไปทวงหนี้ใครและไม่เคยให้ใครมาทวงหนี้เรา ทั้งไม่เสียชื่อและไม่โกหกใคร ตลอดชีวิตจึงไม่เคยได้ยินท่านบ่นเลยว่าทําดีไม่ได้ดี