อยากให้ช่วยกันคิด..มากๆ ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
และสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น..คุ้มไหม...???
ประการที่1 อยากให้ช่วยหันมาดูกันว่า กำลังสับสนอะไรกันรึเปล่า ในเมื่อตลาดหลักทรัพย์ได้ถือนโยบายมาโดยตลอดว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่รับธุรกิจที่มีความชัดเจนว่ามีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมต่ำ โดยไม่รับธุรกิจบุหรี่ ยาสูบ อาบอบนวด การพนัน แต่ทำไม..จึงจะยกเว้นธุรกิจน้ำเมาให้เข้าจดทะเบียนได้ ซึ่งก็มีคำกล่าวอย่างชัดเจนที่เขียนไว้หน้าทางเข้าห้องประชุมใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นของท่านอาจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ว่า “สิ่งที่ถูกต้องคือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดคือผิด แม้ทุกคนทำสิ่งนั้น”
ประการที่2 จากที่คณะบริหารบอกว่า จะให้ธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหุ้น เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทย และเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุน ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศไทย
โดยให้แยกปัญหาด้านสังคมและสุขภาพออกจากกัน เพราะสิ่งนี้แก้ไขได้โดยการรณรงค์ออกกฎหมายควบคุมป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น จากจุดนี้ อยากให้ช่วยกันคิดอีกนิดว่า ดูเหมือนจะมีผลดีด้านเศรษฐกิจขึ้นบ้าง แต่หากธุรกิจทำให้เกิดการมอมเมาและก่อทุกข์ให้กับหมู่ชนจำนวนมาก จะคุ้มกันไหม...
ประการที่ 3 จะคุ้มหรือ..หากธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว อ้างว่าทำให้ตลาดหุ้นไทยจะดูมีสีสันมากขึ้น และการทำอย่างนี้ทำให้ทุกคนหลงเข้าใจผิดไปว่าธุรกิจน้ำเมา เป็นธุรกิจที่สังคมให้การยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน โดยไม่รังเกียจมันเลย
ประการที่ 4 อย่ากลัวสูญเสีย เงินรายได้ที่ได้จากการประกอบธุรกิจน้ำเมา ที่นำมาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เพื่อเป็นการไถ่บาปอย่างหนึ่ง โดยการชดเชยต่อผลร้ายที่ได้มอบให้กับหมู่ชนจำนวนมหาศาล ซึ่งไม่ว่าจะนำน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ ธุรกิจน้ำเมานี้ ก็ยังคงส่งเสริมช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้อยู่แล้ว เพื่อเป็นการโฆษณาสินค้า หรือสร้างภาพพจน์ที่ดี หรือแม้แต่หวังดีด้วยความจริงใจก็ตาม
ประการที่5 หากอยากจะให้ตลาดหุ้นน่าสนใจ มีสีสัน ควรจะปรับที่ความยุติธรรมในการควบคุมกรอบของการซื้อขายหุ้น ความมีจรรยาบรรณที่ดี ที่ทำให้ประชาชนไว้วางใจ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาหุ้นใหญ่ที่เป็นหุ้นน้ำเมามาเข้าตลาด
ประการที่ 6 มีคนบอกว่า..การห้ามเอาน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เพราะไม่ได้ช่วยให้คนดื่มเหล้าลดลง ซึ่งถ้าจะห้ามแบบนี้ ทำไมไม่ห้ามธุรกิจฆ่าสัตว์ตัดชีวิตบ้าง ถึงแม้ว่า การเอาน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์ จะไม่ใช่เป็นการส่งเสริมให้มีการดื่มโดยตรง แต่เท่ากับเป็นการแสดงว่าตลาดหลักทรัพย์ให้การสนับสนุน ซึ่งแท้จริงแล้วตลาดหลักทรัพย์ต้องเป็นสถาบันของชาติที่สนับสนุนนโยบายและศาสนาของรัฐที่ไม่เบี่ยงเบน เพราะผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เหมือนเข้าทำนองว่า หมอบอกคนไข้ ว่าห้ามกินเหล้า แต่เอาขวดเหล้าตั้งไว้บนโต๊ะ ส่วนเรื่องการฆ่าสัตว์ เป็นภาวะที่เลยเถิด และเลี่ยงไม่ได้มานานแล้ว แต่เรื่องการเอาน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นเป็นภาวะแรกที่พึ่งจะเริ่ม หากเรายอมเพิกเฉย อีกไม่นานพลเมืองของชาติก็ต้องตกเป็นทาสของสิ่งมอมเมาเหล่านี้
ประการที่ 7 หากไม่รับหลักทรัพย์นี้ ตลาดหุ้นไทยจะเสียโอกาส ให้กับตลาดหุ้นต่างชาติ ดูเหมือนจะเป็นการพลาดโอกาส แต่แท้จริงแล้วเรากำลังได้โอกาสเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในระยะยาวซึ่งธุรกิจนี้ ไปอยู่ในประเทศไหน ก็ทำลายสังคมของประเทศนั้นๆ จะมัวไปมองดูว่าได้เปรียบในเรื่องหนทางแห่งความเสื่อมกันทำไม และเราเองก็คงไม่อยากได้ชื่อว่าเราเป็นประเทศที่ผลิตสุราส่งออกได้มากที่สุดในโลก
ประการที่ 8 ได้เตรียมตัวจะเข้าตลาดหลักทรัพย์มานานแล้ว ทำไมมาค้านเอาตอนนี้ ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เรื่องนี้ไม่เคยเสนอให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ทราบ ฝ่ายบริหารชวนธุรกิจนี้เข้ามาเอง ไม่น่าเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในการลงทุนเพราะ ความเชื่อมั่นที่ว่า น่าจะมาจากมาตรฐานที่ดีของธุรกิจ ที่ไม่ใช่ธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ทำลายและมอมเมาชนหมู่มากของชาติมากกว่า
ประการที่ 9 การที่รัฐบาลสนับสนุนรณรงค์ให้ลดละเลิกการบริโภคน้ำเมา ก็ต้องห้ามไม่ให้นำเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงนโยบายที่เชื่อมโยงและสอดคล้องต่อกันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องแก่สังคม
ประการที่ 10 การนำน้ำเมาเข้าตลาดหุ้นดูเผินๆเหมือนมีผลดีทางเศรษฐกิจ แต่หากมาดูถึงส่วนได้ส่วนเสียที่เกิดขึ้นแล้ว ประเทศชาติต้องสูญเสียเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเท่าไหร่ เพื่อชดเชยต่อผลร้ายที่เกิดขึ้นของคนทั้งชาติในแต่ละครอบครัวทั้งร่างกายและสภาวะจิตใจ ในเมื่อแต่ละชีวิตที่เป็นลูกเป็นหลานเขา ที่ต้องตายจากไปเพราะน้ำเมา เป็นความสูญเสียไปประเมินค่าเป็นเงินมิได้เลย
ข้อดีที่เกิดขึ้น หากไม่เอาธุรกิจน้ำเมาเข้าตลาดหลักทรัพย์
1. เป็นการจัดประเภทธุรกิจที่ใช้แหล่งเงินทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยไม่ต้องการแหล่งเงินไปจมอยู่กับธุรกิจที่เป็นพิษภัยต่อสังคม
2. เป็นการแสดงภาพพจน์ถึงการไม่เห็นชอบต่อธุรกิจ ที่มีผลร้ายต่อสังคม โดยห้ามแบบเสมอภาคไมเลือกปฏิบัติ
3. ตลาดทุนสามารถจะขยายตัวได้หากเศรษฐกิจขยายตัว โดยไม่ต้องพึ่งธุรกรรมที่เป็นสีเทา
4. แสดงให้เห็นถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ใจกว้างที่ยอมรับสังคมรอบข้าง มิใช่คำนึงแต่ประโยชน์ของหมู่ชนของตนเองเพียงฝ่ายเดียว