เมื่อไหลผ่านจากปาก แอลกอฮอล์ในเหล้าจะซึมซ่านเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่จะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหารและกระจายเข้าสู่กระแสเลือดภายในเวลาเพียง 5 นาที ก่อนจะส่งต่อไปยังเซลล์ เนื้อเยื่อของเหลวทุกแห่งในร่างกาย และอวัยวะต่าง ๆ ภายในเวลา 10-30 นาที ทั้งนี้จะสามารถตรวจพบแอลกอฮอล์ในเลือดได้ภายในเวลา 5 นาทีหลังจากเริ่มดื่ม
ช่องปากและลำคอ
เกิดอาการระคายเคืองในช่องปากและลำคอ อย่างที่นักดื่มเรียกกันว่า “ เหล้าบาดคอ “
ผิวหนังและหลอดเลือด
ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ส่งผลให้เห็นอย่างชัดเจนเริ่มได้ตั้งแต่ผิวหนัง หลอดเลือดที่ขยายตัวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ส่งผลให้หน้าแดง ตัวแดง ในทางตรงข้าม ผู้ดื่มบางรายอาจมีอาการเส้นโลหิตหดตัว ทำให้หน้าซีด ซึ่งจัดเป็นอันตรายต่อชีวิตมากกว่า
เซลล์
เมื่อการหมุนเวียนของเลือดเร็วขึ้นไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เซลล์ทุกเซลล์จะทำงานไวขึ้นกว่าปกติจนเกิดความจำเป็นในช่วงระยะสั้น ๆ ทำให้การทำงานของอวัยวะแปรปรวนไปจากปกติในเวลาต่อมา และกดการทำงานของเซลล์ให้ทำงานน้อยลง และทำลายเซลล์ไปในที่สุด
สมอง
แอลกอฮอล์มีพิษโดยตรงต่อสมอง ทำให้เซลล์ขยายตัวมากขึ้น เกิดอาการที่เรียกว่า “ สมองบวม “ นานเข้าจะเกิดการสูญเสียของเหลวในเซลล์สมอง เซลล์สมองลีบเหี่ยว เสื่อม และตายลง จากการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากสุราจะพบว่าเนื้อสมองลีบเหี่ยว มีสีซีดจาง จากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์ได้อย่างชัดเจน
หัวใจ
หัวใจจะถูกกระตุ้นให้สูบฉีดโลหิตเร็วขึ้น ทำงานหนักขึ้น ในระยะยาวจะทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อแปรปรวน สารที่มีหน้าที่สำคัญในการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจลดต่ำลง ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดโลหิตเมื่อหัวใจทำงานหนักขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจจะเริ่มหนาขึ้นเกิดโรคหัวใจโต มีอาการหัวใจวายหรือหัวใจล้มเหลวตามมาในที่สุด
กระเพาะอาหาร
โรคที่พบได้บ่อยในหมู่นักดื่ม คือ โรคกระเพาะ แอลกอฮอล์ในระดับความเข้าข้นต่ำเพียงร้อยละ 10 จะทำให้มีการกระตุ้นน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ส่งผลทำให้เกิดแผลในกระเพาะและลำไส้ ขณะที่แอลกอฮอล์ในความเข้มข้นสูง จะทำให้เกิดอาการเยื่อบุกกระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน เมื่อดื่มจัดติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้มีเลือดออดในกรเพาะ อาเจียนเป็นสีดำ อุจจาระดำ อาการน่ากลัวที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ดื่มบางรายก็คือ การฉีกขาดของเยื่อหลอดอาหาร อันเกิดจากการอาเจียนหรือขย้อนอย่างรุนแรง ผู้ป่วยอาเจียนมีเลือดปนออกมาบ่อย ๆ อาจเสียเลือดมาก ต้องทำการรักษาโดยผ่าตัดเย็บรอยฉีกขาดของเยื่อบุดังกล่าว
ตับ
เนื่องจากตับเป็นแหล่งสันดาปที่สำคัญของแอลกอฮอล์ ตับจึงเป็นอวัยวะที่ได้รับพิษจากเหล้ามากที่สุด เซลล์ตับที่ถูกทำลายจะมีไขมันเข้าไปแทนที่ ทำให้เกิดการคั่งของไขมันในตับ ซึ่งเป็นสาเหตุแรก ๆ ของอาการตับอักเสบ ส่งผลให้เซลล์ตับถูกทำลายเพิ่มมากขึ้น เมื่อเซลล์ตับตายลงถึงระดับหนึ่ง จะมีการสร้างพังพืดขึ้นที่บริเวณนั้นในลักษณะคล้ายแผลเป็น ทำให้เนื้อตับที่เคยอ่อนนุ่ม แข็งตัวขึ้น เกิดอาการที่เรียกว่า “ ตับแข็ง ” ในที่สุด
ตับเป็นเสมือนโรงงานสร้างพลังงานให้แก่ร่างกาย สร้างสารเคมีที่จำเป็น เช่น น้ำดี วิตามิน สารที่ทำให้เลือดแข็งตัว ทั้งยังช่วยขจัดสารพิษในร่างกาย การสูญเสียเซลล์ตับทุกเซลล์เป็นการสูญเสียที่ถาวรและไม่มีการสร้างขึ้นทดแทน ความรุนแรงของโรคตับแข็งจึงขึ้นอยู่กับปริมาณของเนื้อตับที่สูญเสียไป ยิ่งเนื้อตับถูกทำลายมากเท่าไร โอกาสที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ระบบอวัยวะ
แอลกอฮอล์ในเหล้ามีผลทำให้เกิดพิษต่อระบบสำคัญต่างๆ ของร่างกาย ตั้งแต่ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ระบบการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน ระบบประสาทต่างๆ ขาดการควบคุมดังนี้
ระดับแอลกอฮอล์ในเลือด |
ผลต่อร่างกาย |
30 มก .% |
รู้สึกสนุกสนาน รื่นเริง |
50-150 มก .% |
เดินไม่ตรงทาง โซเซ เนื่องจากเสียการควบคุมระบบกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหว การตัดสินใจช้าลง สมรรถภาพในการมองเห็นลดลง |
150-300 มก .% |
สับสน ง่วงงง ซึม ไม่ตอบสนอง ต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆพูดไม่ชัด การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายไม่ประสานกัน |
300-500 มก .% |
เสียการควบคุมกล้ามเนื้อ การมองเห็นเลือนลาง ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ระบบหายใจถูกกด บางรายอาจหายใจไม่ออกและเสียชีวิต |
500 มก .% |
สภาพร่างกายวิกฤต สูญเสียประสาทสัมผัสต่าง ๆ ไม่รู้สึกตัว หายใจช้าลง และอาจถึงแก่ชีวิตได้หากแก้ไขไม่ทัน |
คาถาอดเหล้า
โดย นพ . บุญเลิศ จุลเกียรติ กรรมการสมาคมป้องกันปัญหาจากสุราแห่งประเทศไทยและอดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูมิพล
คงเป็นไปไม่ได้ที่จะรณรงค์ให้ทุกๆ คนเลิกดื่มสุรา เพราะคนส่วนหนึ่งยังสามารถควบคุมการดื่มให้อยู่ในระดับที่ยังไม่เกิดโทษให้เห็นได้อย่างชัดเจน และยังโชคดีที่ยังไม่ได้รับผลกระทบขั้นรุนแรงโดยตรงจากการดื่มสุราอย่างไรก็ตาม ยังมีบุคคลอีก 3 กลุ่ม ที่จำเป็นต้องงดเหล้าโดยเด็ดขาดได้แก่
ผู้ที่เคยบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยเพราะเหล้ามาแล้ว
ผู้ที่มีพฤติกรรมในการกินเหล้าที่ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน
ผู้ที่ยังมีหนี้สินอยู่
ผู้ใดก็ตามที่เข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งในสามข้อนี้ หรือบางคนว่าไปแล้วอาจเข้าข่ายครบทั้งสามข้อก็ได จะต้องฉุกคิดและพยายามอดเหล้าให้ได้เด็ดขาด
ผู้ที่ติดเหล้าอยู่ เมื่ออดเหล้าจะต้องผจญกับมารอย่างน้อย 2 ตัว
มารตัวแรก ก็คือ มารภายใน คือความรู้สึกอยากสุราที่เกิดจากสภาพที่เคยติดอยู่
มารตัวที่สอง คือมารภายนอก อันได้แก่เสียงชักชวนจากเพื่อนฝูงที่เคยดื่มด้วยกันมา
การต่อสู้กับมารตัวแรก ให้ใช้สติเป็นอาวุธ การเรียกสติ ให้ใช้คาถาเตือนตนเองว่า “ เหล้าคือยาพิษ ” โดยให้ท่องทุกครั้งที่เห็นเหล้าไม่ว่าจะเป็นในแก้ว ในขวด ในไห ในตู้ หรือในร้านขายเหล้า
การต่อสู้กับมารตัวที่สอง ให้ใช้ปัญญาเป็นอาวุธ โดยพิจารณาหลักความจริงที่ว่า ทุกคนรู้ว่าการดื่มเหล้าเป็นสิ่งไม่ดี และโดยธรรมชาติของคนนั้นไม่อยากเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเรา เมื่อเราถูกชวนให้ดื่มเหล้าแล้วเราปฏิเสธ ผู้ชวนมักตัดพ้อ หว่านล้อม ชักชวนให้เรากินให้ได้ โดยเฉพาะเพื่อนที่เคยร่วมวงกินกันเป็นประจำ ทั้งนี้เพราะผู้ชวนมักจะทนไม่ได้ที่จะถูกปฏิเสธ เนื่องจากจิตใต้สำนึกจะรู้สึกว่า ผู้ที่ปฏิเสธไม่ดื่มเหล้ากับตนนั้นเป็นคนดีกว่าตน หากเราปฏิเสธเมื่อถูกชวน แต่กลับตัดพ้อ หว่านล้อม ชักชวนอย่างไม่ลดละแล้ว ให้ท่องคาถาที่สองว่า “ เพื่อนคนไหนชวนกินเหล้าไม่ใช่เพื่อนแท้ ” โดยท่องในใจ อย่าให้ผู้ชวนได้ยินเป็นอันขาด
คาถาที่สาม เป็นคาถาเพื่อให้เกิดสัมมาทิฏฐิ โดยให้ท่องทุกเช้าและก่อนนอนว่า “ เราจะแก่แบบลายคราม ไม่ใช่แก่แบบไอ้แก่ขี้เมา ” คนเรานั้นต้องแก่ลงทุกวัน แก่อย่างลายครามคือ ยิ่งแก่ยิ่งมีค่า เป็นที่เคารพนับถือ แต่หากยังกินเหล้าต่อไป ก็คงจะไม่พ้นความเป็นไอ้แก่ขี้เมา ที่อาจจบชีวิตอยู่ข้างถนนก็ได้
Copyright 2004 สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขถนนติวานนท์อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์0-2590-3968 , 0-2951-0402 โทรสาร 0-2951-0271, 0-2590-3968
Copyright 2004 Burean of Non Communicaable Disease [ NCD ] All rights reserved