ผู้ที่อยู่ในโลกนี้ที่ยังสนุกสนานเพลิดเพลิน เพราะไม่เห็นภัยในวัฏสงสารทั้ง ๆ ที่ตัวผ่านมาแล้วในอบายภูมิ แต่พอมาเกิดใหม่ก็ลืม แล้วภาพข้างหน้า ภาพของอบายก็มองไม่เห็น เห็นแต่สัตว์เดรัจฉานก็ไม่รู้ว่า นั่นคือหนึ่งในอบายภูมิ นึกว่าเกิดมาเพื่อให้มนุษย์ได้กินได้ใช้งาน คิดอยู่แค่นี้เพราะเห็นแค่นี้ แต่ความจริงแล้วสัตว์เดรัจฉานเป็นหนึ่งในอบายภูมิ ซึ่งตัวก็เคยไปเกิด แต่ตัวไม่รู้
กระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงไปรู้ไปเห็น จึงนำมาบอก นั่นแหละถึงจะเข้าใจได้ แต่บางพวกเมื่อไม่ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังไม่เห็นภัยในวัฏสงสาร พวกนี้ก็มักจะไปอบาย นี่อันตราย อันตรายมาก ๆ ทีเดียวพระ คือ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสารต้องถือว่าเป็นยอดมนุษย์ทีเดียวที่เห็นภัยในวัฏสงสาร แล้วก็ปลีกตัวออกจากเครื่องกังวลทั้งหมด มาแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ เพราะถ้าคลุกคลีกันอยู่ในโลกจะไม่มีเวลาที่จะมาศึกษาเรื่องความจริงของชีวิตความจริงของชีวิตจะศึกษาได้ก็ต่อเมื่อปลอดกังวลใจจะต้องไม่มีห่วงใยในคน สัตว์ สิ่งของ ทรัพย์สินเงินทอง สมบัติต่าง ๆ ต้องปลอดกังวล แล้วก็ต้องฝึกใจหยุดใจนิ่ง จึงจะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ถึงจะมีรู้ มีญาณ มีธรรมจักขุ มีญาณทัสสนะเกิดขึ้นนั่นแหละ จึงจะเห็นภัยในวัฏสงสาร ต้องปลีกตัวออกมาอย่างนั้น จึงจะเห็นทางหลุดทางพ้น การหลุดพ้นเป็นเป้าหมายของทุก ๆ ชีวิตถ้ายังติดอยู่ในทรัพย์ ในสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ ก็จะไม่เห็นภัยในวัฏสงสาร ต้องไม่ติดสิ่งเหล่านี้ ถึงจะหลุดจะพ้นได้ เพราะฉะนั้นการหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าไม่หลุดตรงนี้ ไม่พ้นตรงนี้ก็อันตราย
วันเสาร์ที่ ๒๖ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๖
จากหนังสือชีวิตสมณะ.....จัดพิมพ์ปี พ.ศ.๒๕๔๖