ถาม.. คนที่ได้ทรัพย์มาโดยไม่ชอบ เช่น ไปโกงเขามา ถ้าแบ่งเอาส่วนหนึ่งมาทำบุญ จะได้บุญหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ.. ในเมื่อไปโกงเขามา ไม่ว่าโกงเอามาทำบุญ หรือโกงเอามาใช้เอง ก็ผิดตั้งแต่ต้นเสียแล้ว คือ
.....๑. ผิดศีล บาปเกิดตั้งแต่คิดจะโกงเขาแล้ว พอลงมือโกง บาปเกิดเต็มที่เลย
.....๒. ผิดกฎหมาย ถ้าเขาจับได้ ก็ต้องติดคุกติดตาราง ผิดศีล มีนรกรออยู่ ส่วนผิดกฎหมาย มีคุกตารางรออยู่ เพราะฉะนั้น แม้สามารถหลุดพ้นจากกฎหมายได้ แต่ว่าหนีไม่พ้นนรกหรอกนะ
.....๓. ก่อศัตรู คุณไปโกงเอาของเขามา ถึงเขาจะจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน แต่ว่าที่เขาจะไม่ผูกใจเจ็บนั้น เป็นไม่มี คุณได้ก่อศัตรูขึ้นมาแล้ว แถมยังเป็นหลักประกันอีกว่า ตราบใดยังต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสาร คุณมีศัตรูคู่กัดแน่นอนที่คุณบอกว่า ได้แบ่งทรัพย์นั้นมาทำบุญด้วย ก็แสดงว่าการโกงครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเอามาเป็นของตัวเอง ซึ่งบาปเกิด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อีกส่วนหนึ่งแบ่งไปทำบุญ เราลองมาดูกันว่า จะได้บุญมากน้อยแค่ไหน
องค์ประกอบของการทำบุญ ให้ได้บุญอย่างเต็มที่นั้น มีอยู่ ๔ ประการด้วยกัน คือ
๑. วัตถุบริสุทธิ์
๒. เจตนา หรือว่าความตั้งใจบริสุทธิ์
๓. ผู้ให้บริสุทธิ์
๔. ผู้รับบริสุทธิ์
ถ้าครบทั้ง ๔ ประการนี้ ได้บุญเต็มที่เลย
.....ส่วนกรณีที่ได้รับทรัพย์มาโดยไม่ชอบ แล้วแบ่งส่วนหนึ่งมาทำบุญนั้น เราลองมาดูกันว่า ในองค์ประกอบของการทำบุญทั้ง ๔ ประการอย่างที่ว่ามานี้ มีอะไรไม่บริสุทธิ์ หรือะไรบกพร่องบ้าง
ประการที่ ๑ วัตถุทาน คือ ทรัพย์ที่คุณจะเอาไปทำบุญครั้งนี้ ก็ไปโกงเขามา แล้วจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร วัตถุไม่บริสุทธิ์นะลูกเอ๊ย เพราะมีเชื้อบาปปนอยู่ในนั้นเต็มที่เลย
ประการที่ ๒ เจตนา เจตนาโกงเขามา บาปเกิดเต็มที่ ส่วนที่แบ่งเอาไปทำบุญ เจตนาก็บริสุทธิ์แค่ครึ่งเดียว เพราะฉะนั้น ในกรณีนี้บาปเกิด ๑๐๐ แต่บุญเกิดแค่ ๕๐ เท่านั้น แล้วมันคุ้มกันไหมล่ะ
ประการที่ ๓ ผู้ให้ ผู้ให้ไม่บริสุทธิ์แน่นอน เพราะว่าผิดทั้งศีล ผิดทั้งกฎหมาย ศีลขาดก็เหมือนอย่างกับคนที่ตกลงไปในบ่อโคลน เนื้อตัวสกปรกเสียแล้ว แม้จะหิ้วขึ้นมาเขียนคิ้วทาปากอย่างไร ก็ไม่สวยหรอก
ประการที่ ๔ ผู้รับ คือ พระสงฆ์องค์เจ้า ซึ่งไม่ว่าคุณจะเอาของที่โกงเขามา หรือว่าเอาของบริสุทธิ์มาถวาย ท่านไม่รู้ว่าคุณได้มาอย่างไร ท่านจึงบริสุทธิ์
.....ใน ๔ ส่วนคุณย่ำแย่ไปแล้วอย่างน้อยก็ ๒ ส่วนครึ่ง ซึ่งความจริงอยากจะพูดว่า ย่ำแย่ไปแล้วตั้ง ๓ ส่วน เพราะฉะนั้น ได้บุญน้อย แต่ได้บาปมาก ไม่คุ้มกันเลย
.....ระหว่างนั้นถ้าถูกเขาจับได้ ต้องไปติดคุกติดตารางเสียอีก คุณจะยิ่งซึ้งว่าบาปนั้นหนักหนาขนาดไหน นี่คือการมองเฉพาะในชาติปัจจุบัน
.....หรือว่าคุณเป็นคนที่ฉลาดเหลือเกิน สามารถหลบเงื้อมมือของกฎหมายไปได้ แม้คุณจะหนีกฎหมายได้ แต่คุณหนีกฎของสังสารวัฏ คือกฎแห่งกรรมไม่ได้หรอก และนรกกำลังรอคุณแล้วบาปที่เกิดจากการกระทำโง่ๆ ของคุณ จะห่อหุ้มใจ จะติดอยู่ในใจของคุณ ทำให้คุณมีวินิจฉัยเสีย คือต่อแต่นี้ไปไม่ว่าจะตัดสินใจอะไร ก็จะตัดสินใจอย่างผิดๆ พลาดๆ
.....เพราะว่าใน ๔ ส่วน ผิดไปเสียแล้วตั้ง ๒ ส่วนครึ่งถึง ๓ ส่วน ถ้าขับรถยนต์ ก็เป็นประเภทชอบขับตามไหล่ทาง ขับไปได้เดี๋ยวเดียวก็ตกถนน
.....เมื่อมีวินิจฉัยเสียติดอยู่ในใจตั้งแต่ตอนนี้ ภพชาติต่อไป วินิจฉัยยิ่งเสียหนักเข้าไปอีก และภพชาติต่อไป ทันทีที่เกิดมา คุณจะมีศัตรูที่ได้ก่อเอาไว้ตั้งแต่ชาตินี้ตามไปด้วย เจอกันเมื่อไหร่ ก็ได้คู่กัดเมื่อนั้น ซึ่งเขาจะตามกัดคุณตั้งแต่ชาตินี้เป็นต้นไป เพราะคุณโกงเขาเอาไว้ อย่าหวังว่าจะเป็นสุขเลย
.....ยังไม่พอ บุญที่พอได้บ้าง จากการแบ่งทรัพย์ที่โกงเขามาไปทำบุญ ผลบุญอาจจะส่งให้คุณมีฐานะร่ำรวย หรือว่ามีทรัพย์สินเงินทองในภพเบื้องหน้าบ้าง แต่ว่าทรัพย์เหล่านั้นอยู่กับคุณไม่นานหรอก เดี๋ยวก็จะถูกคนอื่นมาโกงไปบ้าง คุณโกงเขาไว้อย่างไร คุณก็จะถูกเขาโกงไปอย่างนั้น ตามกรรมที่คุณก่อไว้
.....แต่ถึงตอนนั้นคุณก็ลืมแล้วว่าเคยโกงเขามาก่อน คุณก็เลยโกรธแค้นทีเดียว " หน็อยแน่ เจ้าหมอนี่มาโกงฉันได้ " ซึ่งคนที่โกงนั้น อาจจะเป็นคนๆ เดียวกับที่คุณเคยโกงเขา หรือว่าอาจจะเป็นคนละคนกันก็ได้ เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงใช้กรรมเก่าของคุณ แต่ว่าเป็นช่วงก่อเวรใหม่ของเจ้าหมอนั่นเป็นอันว่า คุณได้ศัตรูใหม่เพิ่มขึ้นอีก ศัตรูเก่าที่คุณไปโกงเขามา ก็หนักพอแรงอยู่แล้ว ยังต้องมาคอยตามล้างตามผลาญศัตรูใหม่ที่โกงคุณอีก สรุปแล้ว ไม่มีอะไรคุ้มสักนิดเลย
.....เพราะฉะนั้น อยากจะทำบุญทำทานอะไร ก็ก้มหน้าก้มตา ใช้เรี่ยวใช้แรงของเราไปหาทรัพย์ เพื่อให้ทรัพย์นั้นบริสุทธิ์ ใสเหมือนอย่างกับหยาดน้ำฝน ใสเหมือนอย่างกับหยาดน้ำค้างกลางหาว
.....ถึงแม้ว่าจะน้อย แต่ก็เป็นทรัพย์ของเราที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ ทำแล้วได้บุญเต็มอิ่ม เต็มที่ ทีเดียว
.....ไปโกงเขา แม้ได้ทรัพย์มามากมาย ทำแล้วได้บุญไม่เต็มอิ่ม แต่บาปเกิดเต็มที่เลย แถมยังเพาะศัตรูเข้าไปอีก เพราะฉะนั้น อย่าได้ไปทำกันนะลูก