ท่านคุณานันทะ กับพันธกิจกอบกู้พระพุทธศาสนาในศีลังกา

วันที่ 26 มิย. พ.ศ.2558

ท่านคุณานันทะ

กับพันธกิจกอบกู้พระพุทธศาสนาในศีลังกา

 

           รัฐบาลได้สั่งห้ามชาวพุทธปะกอบพิธีทางศาสนาโดยเด็ดขาด วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาถูกยกเลิก เช่น วันวิสาขบูชาไม่ให้เป็นวันหยุดอีกต่อไป แล้วประกาศวันหยุดของศาสนาผู้ที่ครอบครอง แทน และสนับสนุนกาเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ ตำแหน่งระดับสูงสงวนไว้ให้กับผู้ที่นับถือศาสนาของผู้ปกคอง เท่านั้น ชาวพุทธหากว่าไม่ยอมเปลี่ยนศาสนาจะได้รับตำแหน่งชั้นล่างเท่านั้น มีวัดล้างเพิ่มขึ้น ที่ดินและ ทรัพย์สินของวัดล้างถูกยึดไปเป็นของรัฐ หรือของศาสนาอื่น พะภิกษุถูกวัยรุ่นศาสนาอื่นดูถูกดูหมิ่น ล้อเลียนในที่สาธาณะ ศาสนิกอื่นเขียนหนังสือหรือ บทความโจมตีพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง และได้รับ การสนับสนุนจากรัฐบาลในยุคนั้นอย่างเต็มที่


           เมื่อหนูน้อยไมเคิลอายุได้ ๑๒ ปี ก็ได้พบจุด หักเหในชีวิต เขาได้ไปเที่ยวงานวัดบนเขาแห่งหนึ่ง เขาช่วยงานเป็นอาสาสมัคสู้สึกอิ่มเอิบเพลิดเพลิน อยู่ในบรรยากาศหลายวันก็เลยตัดสินใจขอบวชเป็น สามเที่วัดนั้นนั่นเอง เขาได้รับนามว่า"คุานันทะ" ในวันบรรพชา สามเคุานันทะได้เทศน์โปรดญาติโยมในทันที เป็นการเทศน์กัณฑ์แกในชีวิตของ สามเสมีผู้มาฟังเป็นพัน ๆ คน โดยที่ผู้ฟังไม่รู้สึก อยากกลับบ้านเลยทั้ง ๆ ที่เป็นการเทศน์โต้งรุ่งและ เป็นกาเทศน์กัณฑ์แก ผู้คนเลื่องลือถึงความสามารถ และความสง่างามของสามเไปทั่วศีลังกา แม้จะ โด่งดัง สามเน้อยหาได้หลงใหลในคำสรรเสริญ ไม่ แต่กลับมุ่งพัฒนาตนเองในทุกด้าน เพื่อจะกอบกู้           ท่านคุณานันทะกับพันธกิจกอบกู้พระพุทธศาสนาในศีลังกา

           แต่กรุงศีลังกาไม่สิ้นคนดี เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วมา เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นในครอบคัว ชาวสิงหล เนื่องจากศีลังกาอยู่ภายใต้การปกครอง ของฝั่ง เขาจึงได้ชื่อภาษาฝั่งว่าไมเคิล ส่วนตัวแล้ว หนูน้อยไมเคิลมีอัธยาศัยที่ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา กล้าแสดงความคิดเห็น มีความทรงจำเป็นเยี่ยม และเปี่ยมไป ด้วยวาทศิลป์และปฏิภา

พระพุทธศาสนาให้ได้ ดังเช่น

           ๑ รักการฝึกฝนอบมตนเองเป็นอย่างมาก
           ๒ ฝึกแสดงธรรมอย่างสม่ำเสมอ และค้นคว้า หลักธรรมต่าง ๆ จนแตกฉาน
           ๓ สอนตนเองได้ว่า ท่านจะต้องรับภารกิจงานพะพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ในอนาคต

           เมื่อสามเณรอายุได้ ๒๑ ปี ก็ได้อุปสมบทที่วัดโคลัมโบ ที่เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ศาสนาอื่น สมัยนั้น ชาวพุทธเมื่อถูกรุกานจากศาสนาอื่นมักจะ

           ๑ สงบเสงี่ยมเจียมตัว พ้อมใจกันวางอุเบกขา
           ๒ ไม่กล้าเผชิญหน้าหรือโต้ตอบกันตรง ๆ
           ๓ แผ่เมตตาเพียงอย่างเดียว โดยไม่ปรับปรุง สิ่งใด ๆ ให้ดีขึ้น
           ๔ พากันดูดาย ไมกระตือรือร้นที่จะร่วมกันขจัดภัยพาลของพระพุทธศาสนา

           แต่ท่านคุานันทะมีบุคลิกไม่เหมือนชาวพุทธ ทั่วไป ท่านได้ฝึกตนอย่างยิ่งยวดในทุกรูปแบบ เป็นพุทธบุตรผู้เป็นพะแท้ ที่มุมานะในกาที่จะกอบกู้พะพุทธศาสนา ท่านได้ทำกาโต้วาทะกับบาทหลวง แห่งคิสต์ศาสนา ๕ คั้ง โดยใช้เวลาถึง ๙ ปีเศษ คือ ไม่ได้ต่อเนื่องกันทุกวัน พอเพลี่ยงพล้ำก็ไปซ้อม ใหม่ ไปประเมินผลหาจุดบกพร่องของตัว พอพร้อม ดีแล้วก็นัดกันมาโต้วาทะอีก พอเพลี่ยงพล้ำก็นัดไปซ้อมใหม่อีก จากหลักธรรมที่ประกอบด้วยเหตุและผล และประกอบด้วยเมตตาธรรมในการโต้วาทะ ไม่มีการทำให้เสียหน้าหือขายหน้า ทำให้ผู้ฟังเข้าใจพะพุทธศาสนาว่าเป็นคำสอนที่ดีมีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติและเทวดา

           การโต้วาทะตั้งแต่คั้งที่ ๑ ถึงคั้งที่ ๔ นั้น ทำให้ชื่อเสียงของท่านคุานันทะเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ชาวพุทธเเริ่มมีพลังใจในการที่จะมาช่วยท่านยอยกพะพุทธศาสนา และทำกิจกรรมทางพุทธศาสนามากขึ้น สามัคคีกันมากขึ้น ว่าอย่างไว่าตามกัน แม้ว่ายังถูกภาคัฐบาลกดขี่ข่มเหงอยู่ก็ตาม


           สัจธรรมต้องเป็นอมตะ           สัจจัง เว อมตา วาจา 


           การโต้วาทะครั้งที่ ๕ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี พศ ๒๔๑๖ เป็นการโต้วาทธรรมครั้งสำคัญที่สุด สาเหตุเกิดจากการที่ศาสนาอื่นได้กล่าวจ้วงจาบพระพุทธศาสนาอีก ท่านคุานันทะจึงกล่าวเชิญมา โต้วาทะกัน
เมืองปานะดุะ โดยแบ่งเวลาสนทนา ๒ วัน วม ๕ อบ มีเวลาพักเพื่อเตรียมเนื้อหามาโต้แย้งกัน ผลที่เกิดขึ้นปากฏว่าฝ่ายศาสนาอื่นพ่าย แพ้าราบคาบ ไม่กล้ามาเผชิญหน้ากับท่านอีกต่อไป ผลต่อเนื่องที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันชื่อ เฮนรี่ สตีลโอกอด ได้ไปอ่านพบเข้าและมีบทบาท ในการเข้าไปแก้กฎหมายต่าง ๆ เช่น ให้อังกฤษยกเลิกกฎหมายห้ามชาวพุทธฉลองวันสำคัญทางศาสนาของตน ดังนั้น ชาวพุทธจึงทำพิธีฉลอง วันวิสาขบูชาได้เป็นครั้งแรกในปี พศ ๒๔๒๘ หลังจากว่างเว้นมายาวนาน

           ศาสนิกอื่นที่มาร่วมฟังการโต้วาทธรรมในครั้งนั้น บางคนถึงกับเสื่อมศัทธาในศาสนาของตน หันมานับถือพุทธศาสนา การข่มเหงและเบียดเบียน ชาวพุทธก็หมดไป

           ตลอดชีวิตของท่านคุานันทะนั้นเป็นไปเพื่อ ความอยู่เป็นสุขของชาวพุทธทั้งประเทศ ไม่ให้ตกอยู่ ภายใต้อำนาจอยุติธมจากศาสนาอื่น เนื่องจากท่าน ทุ่มเททำงานศาสนาอย่างหนักไม่หยุดหย่อนเลย ท่านจึงอาพาธอยู่เนือง ๆ แพทย์บอกให้ท่านวางมือ เสียบ้าง แต่ท่านก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของแพทย์ จนกะทั่งท่านได้มภาพอย่างสงบด้วยสิริอายุเพียง ๖๗ ปีเท่านั้น แต่เป็นวันเวลาที่มีคุณค่า เพราะได้ทำหน้าที่เป็นพุทธบุตรผู้กอบกู้พะพุทธศาสนาในศีลังกาได้สำเร็จ ท่านจึงได้ไปเป็นเทพบุตผู้มีรัศมี กายสว่างไสว เสวยทิพยสมบัติในสรรวค์ชั้นดุสิตด้วยความปลื้มในบุญ


           เมื่อท่านคุานันทะลงมาจากดุสิตบุีเพียงหนึ่งเดียวยังทำได้ แล้วทำไมนักส้างบามีพันธุ์รื้ออวัฏฏะ ที่ลงมากันเป็นทีมอย่างพวกเาจะทำไม่ได้ เรา ทุกคนทำได้อยู่แล้ว จากนี้ไป เส้นทางการสร้างบารมี ของเราจะไม่มีวันมืดมิด เพราะเรามีพระพ่อผู้เป็นดุจ ตะวันธม คอยโชนแสงนำทางและต่อเติมพลังใจให้เราตลอดเวลา ถึงเวลาแล้วที่ทั้งฝ่ายบรรพชิต และ คฤหัสถ์ต้องฝึกตนให้เป็นประดุจดั่งท่านคุานันทะ ด้วยการหันมาศึกษาพุทธศาสนา และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังจนเข้าถึงพระแท้ในตัว จึงจะได้ชื่อว่าเป็น ชาวพุทธแท้ผู้พิทักษ์พะพุทธศาสนา           พันธกิจกายอยกพระพุทธศาสนา  ของนักส้างบามีพันธุ์รื้ออวัฏฏะ

           ยอดนักส้างบามีผู้มีหัวใจโชนนิรันดร์ทุกท่าน เมื่อเทียบเวลาในมนุษยโลกกับดุสิตบุีช่างเป็นช่วงเวลา
ที่สั้นเหลือเกิน เวลา ๑ ปีของเานั้น เท่ากับ ๖ ชั่วโมงในดุสิตบุรี เราสละทิพยสมบัติมาไม่กี่ชั่วโมง เพื่อเอาบารมีกลับไปให้ได้มากที่สุด ก่อนมาทุกท่าน ต่างมีมโนปิธานที่หาญกล้าว่า "จะลงมาเผยแผ่ พะพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลก และเพิ่มเติมบุญบารมีให้แก่กล้ามากยิ่งขึ้น แล้วจึงค่อย กลับขึ้นไปพักที่ดุสิตบุรี" ดังนั้น นอกจากจะรักษา พระพุทธศาสนาไม่ให้เสื่อมถอยลงไปแล้ว พันธกิจของนักส้างบามี พันธุ์รื้ออวัฏฏะ ยังจะฟื้นฟูให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูกว่าเดิม อีกทั้งจะเผยแผ่ไปทั่วโลกอีกด้วย แม้จะเป็นกองเสบียง ก็จะลุยเคียงบ่าเคียงไหล่ สนับสนุนโคงงานของหลวงพ่ออย่างเต็มกำลัง

           ชาวพุทธแท้..จะต้องรักพระพุทธศาสนา เมื่อ พระสงฆ์โดนรังแก ต้องไม่มัวสงบเสงี่ยมเจียมตัวเพราะกลัวตาย แล้ววางอุเบกขา ถ้าปะเทศไทยไม่มีพระ แล้วชาวพุทธจะอยู่ได้อย่างไร

           ชาวพุทธแท้..ต้องกล้าเผชิญหน้าหรือกล้าแสดงทัศนะให้เขารู้ว่าพระพุทธศาสนา นี่แหละสามาถนำผู้ปฏิบัติ ไปสู่สรรวค์นิพพานได้อย่างแท้จริง

           ชาวพุทธแท้..เมื่อพุทธศาสนากำลังมีภัย จะไม่มัวแผ่เมตตาแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะใช้ปัญญาหาทางปรับปรุงแก้ไข กระตือรือร้น สามัคคีร่วมใจกันขจัดภัยพาลของพระพุทธศาสนา

           เมื่อไที่พระแท้กับชาวพุทธแท้รวมพลัง เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว เมื่อนั้น ผู้ไม่หวังดีทั้งหลายย่อมมิอาจทำให้พุทธศาสนาเสื่อม หายไปจากผืนแผ่นดินไทยได้ และเมื่อไที่เราสามารถ ยอยกพระพุทธศาสนาให้สูงเด่นเป็นที่พึ่งแก่ชาวโลก ได้สำเร็จ เมื่อนั้นเราก็จะได้กลับไปเสวยทิพยสมบัติ ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ พร้อมกับบุญบารมีที่หนาแน่นกว่าเดิม..

           เราทุกคน คือผู้ส้างประวัติศาสตร์ในการ ยอยกพระพุทธศาสนา

           เราทุกคน คือผู้สร้างสันติภาพโลก

           เพราะเราทุกคน คือยอดนักส้างบารมีพันธุ์รือวัฏฏะ ผู้มุ่งปราบมาไปสู่ที่สุดแห่งธรรม

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0097488164901733 Mins