คนุท อาร์ลิง เบร็คเก้
เราจะหาความสุขอย่างง่ายๆ ได้อย่างไร
สิ่งที่ยอดเยี่ยมมักจะได้มายาก
หนทางที่ทอดยาวไปสู่ความยอดเยี่ยม
ไม่ได้ถูกปูไว้ด้วยกระเบื้องลายดอกไม้
ถ้อยคำนี้อาจเป็นทรรศนะการดำเนินชีวิตของ ใครหลายๆ คน บางคนแปะไว้หน้าประตูเรือนเพื่อให้มองเห็นก่อนออกไปทำงาน บางคนแปะไว้หน้าโต๊ะทำงานในระยะที่สายตามองเห็น ซึ่งมันก็เป็นกำลังใจที่ดี เพราะรายทางชีวิต ที่เราดำเนินอยู่นี้ มักจะเจอกรวดหินมากกว่าดอกไม้
แต่ถ้อยคำดีๆ บางคำ ก็เหมาะที่จะใช้ได้กับแค่บางเรื่องเท่านั้น เพราะสำหรับสิ่งที่ยอดเยี่ยมบางอย่าง คุณควรลบคำว่า "ยาก" ออกไป แล้วเขียนคำว่า "ง่าย" เข้ามาแทน อาทิเช่น เรื่องของการ ทำสมาธิ หนทางสู่ความสุขอันยอดเยี่ยมของมนุษย์ เพราะการนั่งสมาธินั้นง่ายมากๆ
บุคคลที่ช่วยยืนยันความจริงข้อนี้อีกท่าน คือชาวนอร์เวย์ อายุ ๗๓ ปี ชื่อ คุณคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ไม่ต้องแปลกใจถ้าคุณรู้สึกคุ้นๆ กับนามสกุลของท่าน เพราะท่านคือบิดาของคุณซิคเว่เบร็คเก้ ซึ่งเป็น CEO ผู้เปรื่องปราชญ์แห่งยุคของ DTAC นั่นเอง
ชีวิตเริ่มต้นของคุณลุงคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ก็ไม่ได้ปูด้วยกระเบื้องลายดอกไม้ เหมือนใครหลายๆ คน ท่านเกิดในครอบครัวของเกษตรกร เคยดูแลเลี้ยง แกะเป็นร้อยตัว และที่ฟาร์มนั้นได้เปิดให้ผู้คนมาเยี่ยมชม และในช่วงหนึ่งของประสบการณ์ชีวิต ก็เคย เป็นคุณครูนานนับ๑๐ ปี จากนั้นได้ก้าวมาสู่งานสังคมมากขึ้น ในสายการเมืองการปกครอง เริ่มจาก ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ และเคยทำงาน เป็นที่ปรึกษาฝ่ายพลังงาน คณะกรรมาธิการ ฝ่ายความยุติธรรมอีกด้วย
คุณลุงคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ได้มาเมืองไทย ครั้งแรก เมื่อ ๖ เดือนที่แล้ว มาเยี่ยมลูกชายสุดรัก คือ คุณซิคเว่ เบร็คเก้ ซึ่งทำงานเป็น CEO ของ DTAC อยู่ที่เมืองไทย ดูเหมือนว่าลูกชายของท่านจะชอบเมืองไทยมากๆเขาบอกว่า "พ่อมาเมืองไทยซักครั้งเถอะ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น" พอเดือนมิถุนายน คุณลุงคนุท อาร์ลิง เบร็คเก้ ก็ได้มาอยู่เมืองไทย สองสัปดาห์ และได้เล่าถึงความประทับใจ ในคราวที่มาเมืองไทยครั้งนั้นให้ฟังว่า
"วันหนึ่ง ผมได้ไปเยี่ยมชมอาณาจักรโบราณแห่งกรุงศรีอยุธยาด้วยตัวเอง แล้วผมก็หลงรัก เข้าเต็มเปา ผมชอบทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารไทยวัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย คนไทย แต่ถ้าให้ผมเลือกจริงๆ ว่า "ชอบอะไรที่สุด" บางทีผมอาจจะตอบว่า "ประเทศไทยไม่มีหิมะกระมัง"เพราะที่นอร์เวย์หนาวมาก ผมไม่ชอบหิมะเลยครับ"และที่สำคัญสิ่งที่คุณลุงคนุทประทับใจที่สุดก็คือ เมืองไทย มีพระพุทธศาสนา
"ผมสนใจพระพุทธศาสนามานาน และคิดว่าทุกศาสนาดีหมด แต่พระพุทธศาสนาแตกต่างออกไปเพราะในคำสอนมีแต่ เรื่องราวของสันติภาพ ความรัก และความสงบสุข เมื่อมองดูปัญหาต่างๆทั่วโลกเราจะพบว่าส่วนมากเกิดจากความขัดแย้ง ระหว่างศาสนา แต่เราจะไม่เจอในศาสนาพุทธเลย ศาสนาพุทธไม่เคยก่อสงคราม ไม่รุกรานใคร ที่สำคัญที่สุด พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสมาธิครับ ผมจึงรู้สึกว่า เมืองไทยนอกจากจะเป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาแล้วยังเป็นดินแดนแห่งสันติภาพด้วยครับ"
จากการเยือนเมืองไทยคราวนั้น ทำให้คุณลุงคนุท รู้สึกว่า"มาเมืองไทยเพียงครั้งเดียวคงไม่พอ เสียแล้ว" ท่านจึงได้ส่งจดหมายมาหาคุณบุญชัย เบญจรงคกุล ซึ่งเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนธุรกิจ (DTAC) ของคุณซิคเว่
ว่า "ผมจะมาประเทศไทยอีกครั้ง อยาก มาอยู่นานๆ เพื่อที่จะได้มีเวลาศึกษาพระพุทธศาสนา อยากจะมาแสวงหาทางนิพพาน" แล้วคุณบุญชัย เบญจรงคกุลก็ได้ตั้งใจมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่คุณลุง คนุท นั่นคือ การนั่งสมาธิในโครงการ The Middle Way ที่จังหวัดเชียงใหม่
และนี่คือประสบการณ์ภายในของคุณลุงคนุทอาร์ลิง เบร็คเก้ เมื่อได้ขึ้นไปปฏิบัติธรรม
"ผมชอบเมืองไทยมาก ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ผมเกิดความรู้สึกที่ Deep impression (ประทับใจอย่างสุดซึ้ง) ผมรู้สึกโชคดีกว่าชาวต่างชาติ คนอื่นๆ ที่มาเมืองไทยอย่างผิวเผิน แต่ผมได้มาเมืองไทยแบบเข้าถึงแก่นวัฒนธรรมไทย อย่างแท้จริง วัฒนธรรมไทยเป็นของมีค่า ผมสัมผัสได้ถึงความมีไมตรีจิตที่ทุกคนมอบให้จากรอยยิ้ม และการไหว้ ช่างเต็มไปด้วยมิตรภาพ และเรื่องอาหารผมได้รับความสะดวกจากกัลฯ วรรณา จิรกิติเตรียมให้เป็น อย่างดี ทั้งขนมปัง สปาเกตตี และอาหารไทย เธอเตรียมให้ทุกอย่างจนผมแฮปปี้มากๆ
ในวันแรกของการปฏิบัติธรรม คือ วันที่ ๔ ธันวาคม ที่ผ่านมา พระอาจารย์ได้แนะนำให้ผมรู้จัก Center of the body คือ ศูนย์กลางกาย วันนี้ ผมสามารถนึกถึงบับเบิล (Bubble หรือ ฟองสบู่) ไว้ที่ศูนย์กลางกายได้อย่างนุ่มนวล ผมรู้สึกว่า การนั่งสมาธินั้นง่าย เพียงแค่ผมนั่งลง แล้วก็หลับตา เบาๆ พร้อมกับขจัดความคิดในหัวสมองให้หายไป จากนั้นผมก็แค่เอา ใจมาวางนิ่งๆ และภาวนา "สัมมา อะระหัง"มันง่ายมาก
ในขณะนั้น ผมรู้สึกว่า ใจของผมสะอาด บางที เหมือนกับเคลิ้มหลับไป ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างมหัศจรรย์ สัมผัสได้ ถึงสันติภาพภายใน ซึ่งไม่เคย รู้สึกมาก่อนเลยว่า สันติภาพนั้นสัมผัสได้ และ วันต่อมา คือวันที่ ๕ ธันวาคม ได้มีกิจกรรมเป่า บับเบิล ร่วมกับคณะปฏิบัติธรรมที่สวนพนาวัฒน์ ผมใจสบายมาก สามารถย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้งและนึกถึงบับเบิล ในกลางท้องได้ชัดเจนเหมือนกับที่ผมลืมตาเห็นศาสนาพุทธไม่เคยก่อสงคราม ไม่รุกรานใคร ที่สำคัญที่สุด พระพุทธศาสนาสอนเรื่องสมาธิครับ
"ทั้งชีวิต ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย
แต่ประสบการณ์ที่ได้จากสมาธินั้นเป็นสิ่งที่ใหม่จริงๆ
และสมาธิยังมีอะไรให้ผมได้เรียนรู้อีกมาก ผมสนุกกับการเรียนรู้นี้เสียด้วย
ชีวิตมนุษย์ทุกคนจะเริ่มต้น ได้ก็ต่อเมื่อได้นั่งลง และหลับตาเบาๆ
นึกถึงดวงตะวันที่กลางกาย ซึ่งมันง่ายสำหรับทุกๆ
คนมากเลย
ต่อมาวันที่ ๖ ธันวาคม พระอาจารย์แนะนำให้รู้จักการแผ่ความรักความเมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ผมสามารถเห็น บับเบิลผุดเป็นสายอยู่ภายในเหมือนเมื่อตอนที่ผมเป่าได้ และขยายให้กว้างออกไปคลุมห้องปฏิบัติธรรมได้ (แต่ก็ติดอยู่ ที่กำแพง) และเช้าวันที่ ๗ ธันวาคม ผมวางใจสบายๆ นึกบับเบิลไว้ที่กลางท้อง และค่อยๆ ขยายบับเบิล ออกไปเรื่อยๆ คลุมห้องปฏิบัติธรรมจนทะลุกำแพง ออกไปได้ ผมยังขยายต่อไปคลุมสวนพนาวัฒน์ จนขยายคลุมโลกใบนี้ได้ ผมมีความสุขมากๆ happier สุขมากกว่า happy สุขยิ่งกว่าสุข และปรารถนาให้คนทั้งโลกมีความสุขด้วย
บ่อยครั้งที่มนุษย์มักทำเรื่องง่ายๆ ให้เป็นเรื่อง ยากและไม่ฉลาดที่จะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ดังนั้นชีวิตจึง พบกับเรื่องยากๆ อย่างไม่รู้จบ ซึ่งบางทีเราอาจจะยังขาดบทเรียนสำคัญอย่างหนึ่ง ของชีวิตไป คือ บทเรียนที่ว่าด้วยการ ทำเรื่องยากให้ เป็นเรื่องง่าย และการทำเรื่องง่ายอย่างง่ายๆ เรา สามารถก้าวไปสู่สุขอันยอดเยี่ยมได้โดยไม่ต้อง มองหากระเบื้องลายดอกไม้ไว้รองทางเดิน ดังประสบการณ์ที่คุณลุงคนุทได้ให้ข้อคิดไว้
"ทั้งชีวิต ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย แต่ประสบการณ์ที่ได้จากสมาธินั้นเป็นสิ่งที่ใหม่จริงๆ และสมาธิยัง มีอะไรให้ผมได้เรียนรู้อีกมาก ผมสนุกกับการเรียนรู้นี้เสียด้วยชีวิตมนุษย์ทุกคนจะเริ่มต้น ได้ก็ต่อเมื่อได้นั่งลง
และหลับตาเบาๆ นึกถึงดวงตะวันที่กลางกาย ซึ่งมันง่ายสำหรับทุกๆ คนมากเลย สมาธิจะทำให้คนเราเรียนรู้ว่า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนั้น จริงๆ ควรจะเป็นอะไรบ้าง อะไรคือความรู้สึกที่ผิด อะไรคือความรู้สึกชอบ อะไรคือความชั่ว และอะไรคือความดี ซึ่งชาวตะวันตกได้เสียเวลามากมาย เสียเวลาที่จะไปอ่านตำรา ร่ำเรียน แต่หารู้ไม่ว่าปรัชญาตะวันออก เช่น สมาธินั้น สามารถไขปัญหาข้อข้องใจเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายจริงๆ สมาธิเป็นแบบฝึกหัดที่ดีมากๆ ของชีวิต"
ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนทัศนคติบางอย่างของชีวิต เปลี่ยนถ้อยคำบางประโยคที่หน้าประตูเรือนหรือหน้าโต๊ะทำงานว่า "ถ้าชีวิตที่เรากำลังดำรงอยู่เป็นเรื่องลำบาก และความสุขในชีวิตหาได้ยากเกินไป จงนั่งลงและหลับตาเบาๆ นึกถึงดวงตะวันที่กลางกายแล้วคุณจะพบความสุขที่สัมผัสได้ ซึ่งมันง่ายสำหรับทุกๆ คน"