ล้อม ดัลการ์ด เยนเซน

วันที่ 01 กค. พ.ศ.2558

 

ล้อม ดัลการ์ด เยนเซน

ครอบครัวสวรรค์ ที่มีอยู่จริงในดลกมนุษย์

 

 

        ก่อนที่เตียงของใครจะหักหรือเรือรักจะอับปาง ลง เรื่องราวต่อไปนี้อาจเป็นยาสมานรอยร้าวได้อย่างทันกาล มีครอบครัวหนึ่งใน ประเทศเดนมาร์ก สามีเป็น โรคปวดหัว ภรรยาเป็นโรคเลือดร้อน และลูกสาวเป็น โรคเอาแต่ใจ แล้วชีวิตครอบครัวจะเป็นสุขสดใสได้อย่างไรล่ะทีนี้

 

        คุณล้อม ดัลการ์ด เยนเซน แม่บ้านของครอบครัว ดังกล่าว มีเรื่องจริงผ่านจอที่เป็นประสบการณ์ตรงของเธอมาเล่าให้ฟัง และก่อนที่เธอจะเล่า ขอจั่วหัวให้ ผู้อ่านได้ทราบสักนิดก่อนว่า

 

        นางลำยองจอมขี้เมา เป็นฉายาหนึ่งของเธอ ซึ่งเหล่าเพื่อนฝูงนำเสนอ นางยักษ์เลือดร้อน เป็นนาม ที่สามีข้างกายตั้งให้ และคุณแม่ยักษ์ เป็นคำที่ลูกๆ เรียกขาน แต่อย่าเพิ่งหวั่นเกรงไป เพราะตอนนี้เธอเป็นนางฟ้าใจดีประจำบ้านไปเสียแล้ว

 

เงื่อนปมแห่งรอยร้าวในหัวใจ

       "สามีของดิฉันทำงานเป็นผู้ดูแลปั๊มน้ำมันทั่วทวีปยุโรปกว่า ๑๘ ประเทศ งานมากมายขนาดนี้ เวลาที่เหลือให้กับครอบครัว จึงกลายเป็นแค่เศษเวลา เท่านั้น ตอนนั้นรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง ทั้งเหงาและเคว้ง สามีกลับบ้านอาทิตย์ละครั้ง กลับทีก็ ตี ๑ ตี ๒ เราก็หลับแล้ว ตอนเช้าอยากทานอาหารพร้อมหน้ากันทั้งพ่อ แม่ ลูก ก็ไม่มีโอกาส เพราะเขาตื่นสาย เขากลับมาซักเสื้อผ้าแล้วก็กลับไปทำงานต่อกลับบ้านมาแต่ละครั้งเขาจะบอกว่า "เหนื่อย" จะปรึกษา อะไรก็ไม่ได้ บรรยากาศไม่เคยเป็นใจ เจอหน้าทีไรบรรยากาศเป็นโจรทุกที ความตึงเครียดจึงก่อตัวขึ้น มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง ถ้าเขาโมโหใส่ เราก็โมโหสวน ไม่มีใครยอมใคร ต่างคนต่างเป็นเหมือนก็อตซิลลาพ่นไฟใส่กัน เราเป็นคนโมโหร้ายมาก กระทั่งลูกๆ ยังเรียกว่า แม่ยักษ์ž ถ้าโมโหเมื่อไร จาน ชาม ติดปีกปลิวว่อน จนสามีขยาด พอเครียดก็กลุ้ม พอ กลุ้มก็กรึ๊บค่ะ ทั้งเหล้าทั้งไวน์ ตอนเช้ากรึ๊บ เย็นกรึ๊บต่อมาก็เช้าขวด เย็นขวด และนี่จึงเป็นที่มาของฉายา นางลำยองจอมขี้เมาที่เพื่อนๆ ตั้งให้"



จุดคลี่คลายแรกของชีวิต

         "เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ดิฉันได้รู้จัก วัดพุทธเดนมาร์ก พอได้ไปเห็นบรรยากาศของการปฏิบัติธรรมแล้วประทับใจทันที จึงไปทำบุญอย่างต่อเนื่อง เดือนมีนาคมก็ติด DMC และชอบฟังเสียง ของหลวงพ่อธัมมชโยเทศน์มากๆ เสียงของหลวงพ่อ เย็นๆ ฟังแล้วสบายใจ ถ้ามีเรื่องฟุ้งขึ้นมาพอได้ยินก็หายทันที หลังจากที่ดิฉันรู้จัก DMC แล้ว ก็ได้นั่งสมาธิทุกวัน เวลานั่งสมาธิก็ภาวนา "สัมมา อะระหัง" ไปเรื่อยๆ สักพักตัวก็พองใหญ่ขึ้นๆ ดิฉันก็นึกกลัวค่ะ จึงลืมตาแล้วเริ่มนั่งใหม่ พอนั่งนิ่งไปสักครู่ ต่อมาตัวยืด ยืดแล้วยืดอีกจนกลัวว่าถ้ายืดมากไปกว่านี้อาจจะถึงเพดาน หลังคาบ้านอาจจะถล่มลงมา จึงลืมตาค่ะ ตอนที่ตัวพองใหญ่ ก็นึกว่าตัวเองเป็นยักษ์มาเกิด พอมาครั้งที่ ๒ ตัวยืด ก็คิดว่าตัวเองเป็นเปรต มีเหตุให้ล้มเลิกกลางคันทุกทีวันต่อมา ก็คิดว่าจะเป็นเปรตเป็นยักษ์ก็แล้ว แต่บุญแต่กรรมก็แล้วกัน จึงลองนั่งใหม่เพราะอย่างน้อย สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากตัวยืด ตัวขยาย คือ ความสุข เบา สบาย อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พอนั่งอีกครั้ง วางใจนิ่งๆ ที่ศูนย์กลางกาย ทีนี้ตัวหายไปเลยแต่ใจมีความสุขมากๆ สุขแบบบอกไม่ถูก พอนั่งแล้วดี มีความสุขก็บอกต่อกับสามีค่ะ

 

มิสเตอร์พาราเซตามอล

        สามีของดิฉันชื่อ ไมเคิล ดัลการ์ด เยน เซน อายุ ๓๙ ปี เขาเป็นโรคปวดหัว พอปวดก็กินแต่ ยาพาราเซตามอล กินแล้วกินอีก วันหนึ่งดิฉัน จึงบอกว่า "หยุดเถอะ อย่าทานยาอีกเลย มา นั่งสมาธิดีกว่า" เขาก็เชื่อค่ะ เขานั่งหลับตานิ่งไปนาน มากๆ พอลืมตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาทำก็คือ ยกมือไหว้ดิฉันค่ะ เขาบอกว่า "ขอบคุณ ขอบคุณคุณมากๆ ที่พาผมมานั่งสมาธิ ผมมีความสุขมากๆ ผมหายปวดหัวแล้ว" ดิฉันก็ถามว่า "YOU เห็นอะไรบ้างล่ะ" เขาตอบว่า "ผมเห็นดวงตะวัน สว่างไปหมดเลย" แล้วเขาก็ย้อนถามค่ะ"คุณล่ะนั่งแล้วสว่างไหม" ดิฉันก็บอกว่า "ฉันไม่เคยสว่างเลย แต่ฉันตัวเบา ตัวหายแค่นี้ก็พอใจล่ะ" ยังไม่หมดคำถามแค่นี้นะคะ ยังมีหน้ามาถามเราต่อแบบชวนงอนนักว่า "แล้ว ยูเลียล่ะ (หมายถึงลูกสาวของเราค่ะ) เธอนั่งมืดเหมือนแม่ไหม" เราก็นึกว่า "หนอย ฟังคำถามเข้าสิ...ช่างกล้านัก"สุดแสนคับแค้นใจค่ะ เพราะลูกสาว ก็นั่งไม่เคยมืดเลยนั่งทีไรสว่างทุกที"

 

จากลูกหมีกลายเป็นลูกแก้ว

       "ลูกสาวที่กำลังพูดถึงนี้ เธอชื่อ น้องยูเลีย อายุ ๗ ขวบแล้ว พฤติกรรมก่อนนั่งสมาธิ โมโหร้าย ไม่ถูกใจอะไรจะกรี๊ดข่มขวัญข้าศึก พี่ชายทำอะไรไม่สบอารมณ์จะกัดและตี ชอบเถียงพ่อกับแม่ เวลาเถียง จะถลึงตา แล้วก็จะเดินกระทืบเท้าเสียงดังใส่ ปิดประตูปัง บางครั้งสามีถึงกับรำพึงว่า "เลือดแม่แรง"

 

จนกระทั่งดิฉันพายูเลียดู DMC และหัดนั่งสมาธิ โดยอธิบายเป็นภาษาเดนมาร์กให้ฟังว่า ให้นึกถึงสิ่งที่ชอบมาไว้กลางท้อง เธอรักตุ๊กตาหมี สีน้ำตาลมากเวลานั่งก็เอามาด้วยทุกครั้ง เวลาถาม ว่านั่งเป็นอย่างไรบ้าง เธอก็บอกว่า หนูเอาลูกหมีไว้กลางท้อง แล้วก็เห็นลูกหมีจากสีน้ำตาล กลายเป็น สีชมพู สนุกดี วันต่อมา เธอก็เล่าว่า ลูกหมีที่อยู่ในท้องของหนูออกมาเยอะเป็นแถวๆ แล้วลูกหมีก็กลายเป็นลูกแก้ว หนูไม่อยากนั่งอีกแล้วล่ะ ทำไมหนูเห็นแต่ลูกแก้วดิฉันได้แต่ตะลึง รีบบอกไปว่า ดี...ดีแล้วลูก ลูกแก้ววิเศษกว่าลูกหมีอีกนะจากนั้นครอบครัวของดิฉันก็ได้กลับไปเมืองไทย พระอาจารย์ท่านบอกให้ยูเลีย รักษาดวงแก้วไว้ให้ดี และเข้าไปในดวงแก้วนี้ให้ได้ ต่อมายูเลียก็เล่าว่า คุณแม่ขา ลูกแก้วแปลงร่างเป็นองค์พระแล้วค่ะ มีองค์พระมุดออกมาจากลูกแก้ว อยู่ในท้องของหนูองค์ใหญ่มากค่ะ ดิฉันก็ถามว่า ใหญ่แค่ไหนลูก เธอตอบว่าใหญ่เท่ากับตึก ๔ ชั้นค่ะแม่ ดิฉันเป็นอึ้งค่ะ องค์พระขนาดเท่าตึก ๔ ชั้นไปอยู่ในกลางท้องเล็กๆ ของเธอได้อย่างไร

 

จากนั้นนิสัยของหนูน้อยยูเลียก็เปลี่ยนไป

       พอกลับมาถึงเดนมาร์ก ลูกก็พยายามให้ยูเลียนั่งสมาธิทุกวัน ถ้ามีเพื่อนมาเล่นด้วย เธอก็จะชวนเพื่อนนั่งสมาธิด้วยกัน บางทีนั่งๆ อยู่ เธอลืมตามาแล้วถามว่า "แม่เปิดไฟทำไม" ดิฉันก็บอกว่า "ไม่ได้ เปิด" เธอบอกว่า "แม่ไม่ได้เปิดแล้วทำไมห้องมันสว่างล่ะ" แล้วเธอก็นั่งสมาธิต่อ มีบางวันเธอบอกว่า สมาธิดีจังเลย แล้วก็รำพึงว่ามีความสุขจังเลยครั้งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวมาที่เดนมาร์กท่านสอนญาติโยมให้กราบเท้าคุณพ่อ คุณแม่ทุกวันก่อนนอนจะได้พรจากแม่ พอได้ยินก็เฉยๆ ไม่ได้อธิบายอะไรให้ยูเลียฟัง พอตกเย็นวันนั้นก่อนเข้านอน ยูเลียก็ดึงแขนดิฉันไปค่ะ มา แม่มานั่ง แล้วก็ก้มกราบที่เท้า ดิฉันก็อึกอักๆ ให้พรลูกก็ไม่เป็นค่ะไม่ทันตั้งตัว เธอก็เอามือแม่ไปลูบหัวแล้วบอกว่า พูดซิแม่ พูดซิ ดิฉันจึงพูดไปด้วยความตื่นเต้นว่า ขอให้ลูกเป็นเด็กเก่งและดีนะลูกนะ ปลื้มมากค่ะ ยูเลียไม่รู้ภาษาไทย แต่กลับฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวได้เข้าใจและจำมาปฏิบัติได้ถูกต้อง เธอกราบแม่และท่องนะโม ๓ จบ ก่อนนอนทุกคืน

 

ครอบครัวสวรรค์

       ตอนนี้ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวสวรรค์แล้วค่ะดิฉันหักดิบเทเหล้าเผาบุหรี่ไปตั้งแต่วันที่ ๒ เมษายน ปีที่แล้ว จาก "แม่ยักษ์" เปลี่ยนเป็น "แม่ยิ้ม" ของลูก "เป็นนางฟ้าใจดี" ของสามี ส่วนตัว ของสามีดิฉันนั้นก็ทำหน้าที่กัลยาณมิตรไม่เคย หยุดก๊อปปี้ซีดีวิธีการนั่งสมาธิแล้วเอาไปแจกเพื่อนๆ ไม่นานเขาก็เล่าว่า เพื่อนสนิทของผมนั่งดีกว่าผมอีกเพื่อนอีกคนไม่สูบบุหรี่แล้ว ถ้านึกอยากสูบบุหรี่ก็นั่งหลับตา เขาเลยไม่อยากสูบ แถมเจ้านายใหญ่ก็นั่งดีกว่าผมอีกนะ พอถามว่า นั่งดียังไง เขาก็จะตอบว่าเอาไว้ผมไปเล่าให้พระอาจารย์ฟังเองดีกว่าฝรั่งนั่งแล้วสว่าง แต่คนไทยนั่ง แล้วชอบมืด"เราฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม"

 

       จากเรื่องราวชีวิตของครอบครัวดังกล่าวเมื่อพิจารณาแล้ว เงื่อนปมของปัญหาบางอย่างอาจไม่ต่าง กันกับหลายๆ ครอบครัว นั่นคือ เมื่อคู่รักแต่งงานกันจนกระทั่งมีพยานรักเกิดขึ้น ความรับผิดชอบต่างๆ ก็มีมากขึ้น บางครั้งเมื่องานรัดตัว ปัญหาจุกจิก ภายในครอบครัวรุมเร้า ทำให้เราลืมรายละเอียดบาง อย่างของชีวิตรักไป รายละเอียดที่ว่า คือ ความเข้าอก เข้าใจกันเหมือนวันเก่าๆ ใจของเราเป็นต้นตอของสิ่งต่างๆ มากมาย เป็นได้ทั้งต้นเหตุแห่งความทุกข์ หรือต้นทางของความสุข เมื่อใจต่างสีหรือเมื่อความละเอียดของใจต่างกันก็ยากที่ "ใจ" ดวงนี้จะ "เข้าใจ" ดวงใจอีกดวงได้ ดังนั้น หากรักในเรือนใจเริ่มชำรุด ลองเริ่มต้นแก้ปัญหาด้วยการ "หยุดใจ"เมื่อใจหยุดได้ ใจก็จะละเอียดอ่อน นุ่มนวล เราจะมองเห็นใจของกันและกัน ซึ่งใจดวงนั้นจะสัมผัสได้ถึงความรักอันบริสุทธิ์ที่มีมากขึ้นกว่าเดิม แล้วครอบครัวของเราจะเป็น"ครอบครัวสวรรค์" ที่มีอยู่จริงในโลกมนุษย์

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011078159014384 Mins