อันตชาดก ว่าด้วย ที่สุด ๓ ประเภท คนชั่วสรรเสริญกันเอง
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภคนทั้งสองคือพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะนั้นนั่นแหละ จึงตรัสเรื่องนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นรุกขเทวดาอยู่ที่ต้นละหุ่ง ในบริเวณบ้านแห่งหนึ่ง.
ในกาลนั้น ชาวบ้านลากโคแก่ซึ่งตายในบ้านนั้น ไปทิ้งที่ป่าละหุ่งใกล้ประตูบ้าน. มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมากินเนื้อของโคแก่ตัวนั้น. มีกาตัวหนึ่งบินมาจับอยู่ที่ต้นละหุ่งเห็นดังนั้นจึงคิดว่า ถ้ากระไร เรากล่าวคุณกถาอันไม่มีจริงของสุนัขจิ้งจอกตัวนี้แล้วจะได้กินเนื้อ
" ข้าแต่พระยาเนื้อ ร่างกายของท่านเหมือนร่างกายโคอุสุภราช ความองอาจของท่านเหมือนดังราชสีห์ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่ท่าน ทำอย่างไรข้าพเจ้าจึงจักได้อาหารสักหน่อย."
สุนัขจิ้งจอกได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่สองว่า
" กุลบุตรย่อมรู้จักสรรเสริญกุลบุตร ดูก่อนกาผู้มีสร้อยคองามดุจนกยูง เชิญท่านลงจากต้นละหุ่งมากินเนื้อให้สบายเถิด.. "
รุกขเทวดาเห็นกิริยาของสัตว์ทั้งสองนั้นจึงกล่าวว่า
" บรรดามฤคชาติทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกเป็นเลวที่สุด บรรดาปักษีทั้งหลาย กาเป็นเลวที่สุด บรรดารุกขชาติทั้งหลาย ต้นละหุ่งเป็นเลวที่สุด ที่สุดทั้ง ๓ ประเภทมาสมาคมกันแล้ว."
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
สุนัขจิ้งจอกในกาลนั้น ได้เป็น พระเทวทัต
กาในกาลนั้น ได้เป็น พระโกกาลิกะ
ส่วนรุกขเทวดา คือ เราตถาคต ฉะนี้แล.
* ต้นละหุ่ง ต้นไม้มีพิษ