ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

 ชาดก 500 ชาติ
พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

 

ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ


       ในพุทธกาลสมัย ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ อัคคาฬวเจดีย์ เมืองอาฬวีนั้น เป็นช่วงเดียวกับที่เมืองอาฬวีกำลังจะดำเนินการสร้างกุฏิให้แก่ภิกษุสงฆ์ขึ้น เหล่าภิกษุในเมืองต่างพากันออกรับบริจาค เที่ยวขอรับปัจจัยบริจาคในการสร้างกุฏิทั่วเมืองอาฬวี “ โยม อีกไม่นานในเมืองอาฬวีก็จะมีกุฏิให้พระแล้วนะ โยมบริจาคคราวนี้ จะส่งผลบุญมหาศาลเชียวนะ ไม่สนใจหรือโยม ”

 
ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ


     “ แหม จะพูดยังไงดีล่ะ เรื่องบุญมันเกี่ยงกันได้หรือค่ะหลวงพี่ ฉันบริจาคเท่าที่มีแล้วกันนะ ” “ แล้วโยมอีกท่านหนึ่งล่ะ ไม่สนใจจะบริจาคบ้างหรือ อย่าให้น้อยหน้ากันสิ บริจาคเยอะ ๆ เลยนะ ยิ่งเยอะยิ่งได้บุญ ”

 
ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

 
      “ อุ๊ย คือว่า ทำยังไงดีนี่เรา เงินก็ไม่ค่อยจะมี เอางี้แล้วกันหลวงพี่ เดี๋ยวกระผมไปหยิบเงินที่เก็บไว้ในบ้านมาให้ คงได้มากโขอยู่หรอก ” “ ขอบใจโยมทั้งสองมากเลยนะ ไว้อาตมาจะแวะมาเยี่ยมใหม่ อย่าลืมนะ ยิ่งบริจาคยิ่งดี ช่วย ๆ กันหน่อยนะ กุฏิพระจะได้เสร็จไว ๆ ” การที่พระภิกษุเที่ยวพากันขอรับบริจาคจากช้าวบ้านในครานั้น ได้สร้างความเดือดร้อน และสร้างความลำบากใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากบ่น


 ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     “ เฮ้อ จะทำยังไงดีนะ หลวงพี่ท่านเล่นมาของกันอย่างนี้ ครั้นจะไม่ให้ก็ใช่ที แต่บ่อย ๆ ครั้งเข้า ชาวบ้านอย่างเราก็เดือดร้อน ไม่ไหวเลย ” “ อ้าว ท่านเองก็เจอเหมือนกันเหรอ ข้าเองก็เพิ่งบริจาคปัจจัยไปเมื่อตะกี้ เล่นมาขอกันอย่างนี้ ไอ้เราก็ จะไม่ให้ก็ไม่ได้ เรื่องบุญอย่างนี้พวกเราปฏิเสธกันได้อย่างไรล่ะ ” “ ใช่ ๆ แต่จะให้เราไม่ให้ก็ไม่ได้นะ จะทำยังไงกันดีละเนี่ย เฮ้อ บริจาคทีก็ไม่ใช่น้อย ๆ เงินจะกินข้าวก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ”
 

    ความเดือดร้อนของชาวบ้านในครั้งนี้รู้ไปถึงองค์พระศาสดา เมื่อทราบความดังนั้นแล้ว จึงชุมนุมเหล่าภิกษุ ก่อนที่จะปรารภตักเตือนถึงเหตุในครั้งนั้น “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในชาติปางก่อน แม้แต่ผู้เป็นพระราชาเอง ปรารถนาจะขอร่มใบไม้และรองเท้าแค่คู่หนึ่ง ก็ยังไม่กล้าขอ ในท่ามกลางมหาชน เพราะเกรงกลัวหิริโอตับปะจะร้าวฉาน ยังต้องมากล่าวขอในที่ลับเลย การที่พวกเธอทำเช่นนี้นับว่าไม่สมควร ” 

 
ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     หลังจากปรารภเสร็จสิ้น องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณตรัสเล่า พรหมทัตตชาดกขึ้นดังนี้ ในอดีตกาล ครั้งในสมัยพระเจ้าปัญจาลราชครองราชย์ในอุตรปัญจลนคร กบิลรัฐ พระโพธิสัตว์ในคราวนั้น ได้เกิดอยู่ในตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง และได้บวชเป็นดาบสอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง

 

ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     อยู่มาวันหนึ่งดาบสนั้นได้เข้ามาในสวนหลวง ซึ่งอยู่ภายในเมืองอุตตรปัญจาลนคร พระเจ้าปัญจาลราชทรงเลื่อมใสดาบสผู้นั้นยิ่งนัก จึงได้นิมนต์ให้ดาบสผู้นั้น อาศัยอยู่ในเมืองนั้น โดยสั่งให้คนสร้างศาลาให้ดาบสพักอาศัยอยู่ภายในสวนหลวง  “ อืม ดาบสผู้นี้น่าเลื่อมใสยิ่งนัก เราจะสร้างศาลาให้ดาบสผู้นี้ได้อยู่ ท่านจะได้อยู่ในเมืองของเราไปนาน ๆ ”

     พอย่างเข้าสู่ฤดูฝนดาบสผู้นั้นก็ประสงค์ที่จะกลับเข้าป่าเพื่อไปบำเพ็ญเพียร ในการเดินทางครั้งนั้นจะต้องมีร่มกันฝนพร้อมกับรองเท้าอีกคู่หนึ่งด้วย ด้วยเหตุนี้ดาบสจึงคิดจะทูลของสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้กับพระราชา “ เอ้ จะกราบทูลพระราชาเยี่ยงไรดีนะ  ผู้ถูกขอน่ะ เวลาถูกใครขอต้องทุกข์ใจ ลำบากใจราวกับคนกำลังร้องไห้แน่ ๆ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราไปขอแล้วพระราชาเกิดตรัสว่าไม่มี เราไม่เป็นผู้ร้องไห้เองหรอกรึ จะให้มหาชนเห็นเรื่องแบบนี้ไม่ได้ เห็นทีเราคงต้องร้องขอสิ่งของจากพระราชาในที่ลับ ไม่เห็นเป็นที่เปิดเผยจะดีที่สุด ”

ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     เมื่อคิดได้เช่นนั้นดาบสจึงตัดสินใจเข้ากราบทูลพระราชาถึงสิ่งที่ตนประสงค์จะร้องขอ “ มหาบพิตร อาตมามีเรื่องจะกราบทูล แต่เกรงว่าตรงนี้จะมาเหมาะ เพราะเรื่องนี้เป็นความลับ ” “ โอ้ ได้สิท่าน มีเรื่องใดหรือท่านดาบส หากไม่สะดวกจะบอกตอนนี้งั้นเราสั่งให้ทหารออกไปก่อนก็ได้นะท่าน ”

     เมื่อทราบจากดาบสดังนั้นแล้วพระเจ้าปัญจาลราชจึงทรงรับสั่งทหารที่อยู่ในบริเวณนั้น ออกไปให้หมด “ ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าถอยห่างไปก่อน รอให้ดาบสทูลเรื่องที่ต้องการจะบอกกับข้า แล้วค่อยกลับเข้ามา ” “ พะย่ะค่ะ ” “ เอาล่ะ ท่านดาบสทีนี้คงจะบอกเราได้แล้วสินะ ว่าท่านมีเรื่องอะไรจะบอกกับเรา ”

ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     ถึงแม้ว่าพระเจ้าปัญจาลราชจะสั่งให้ทหารออกไปแล้ว แต่ดาบสนั้นก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่ยอมปริปากขอในสิ่งที่ต้องการ “ ....อืม จะดีหรือนี่ ถ้าหากเราทูลขอไป แล้วพระราชาเกิดไม่ทรงอนุญาตตามที่ขอ ไมตรีของเราทั้งสองจะไม่จบสิ้นกันเพียงเท่านี้หรอกรึ เฮ้อ อย่ากระนั้นเลย เอาไว้ถือโอกาสทูลขอเวลาอื่นดีกว่า... ”  “ ว่าอย่างไรละท่านดาบส ท่านมีสิ่งใดต้องการจะบอกกับเรารึ ใยท่านจึงเงียบไปเล่า ทหารเราก็สั่งให้ออกไปหมดแล้ว ท่านยังกังวลสิ่งใดอีกรึท่านดาบส ” “ มิใช่หรอกมหาบพิตรเอาเป็นว่าเรื่องของอาตมาเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยทูลให้มหาบพิตรทราบดีกว่า  วันนี้เชิญมหาบพิตรเสด็จเถิด แล้วพรุ่งนี้อาตมาค่อยทูลให้ทราบก็แล้วกัน ”

      “ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่านเถิดท่านดาบส เอาไว้พรุ่งนี้ ค่อยบอกเราก็ได้ หากท่านไม่สะดวกจะบอกเราในตอนนี้ ก็ตามแต่ท่านเถิด ” ไม่เพียงแต่ครานั้นเท่านั้น นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน กล่าวคือ ไม่ว่าพระราชาจะทูลถามสักกี่ครั้ง แต่ดาบสก็เอาแต่นิ่งเฉย ไม่กล้าเผยความต้องการทุกครั้งไปเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยไป จนล่วงเลยไปจนถึง 12 ปี

 
ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     ดาบสยังไม่ยอมปริปาก “ เอ้ ไฉนท่านดาบสถึงมีความในใจยังไงก็ไม่รู้ เป็นอย่างนี้มานานหลายปีแล้ว เพราะเหตุใดกันหนอ ” ความสงสัยในสิ่งที่ท่านดาบสจะทูลถามสุมอกจนพระราชาทนไม่ไหว จึงตัดสินใจที่จะเสด็จไปถามดาบสให้คลายความสงสัย “ พระคุณเจ้า บอกว่ามีความลับต้องการจะบอกกับเราแต่กลับไม่กล้าที่จะบอกให้เรารู้สักทีนี่ก็ล่วงเลยผ่านมาถึง 12 ปีแล้ว วันนี้ล่ะเราต้องรู้ให้ได้ ว่าท่านดาบสต้องการจะบอกสิ่งใดกับเรา ”

ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     ครั้นเมื่อพระราชาเสด็จมาถึงสวนหลวง ก็พบกับดาบสอยู่ที่นั้น จึงทรงตรัสถามดาบสถึงความลับที่ดาบสเก็บงำไว้เนิ่นนานถึง 12 ปี  “ พระคุณเจ้า ท่านต้องการจะบอกสิ่งใดกับเรากันแน่ เชิญท่านบอกมาเถิด นี่เราก็เดินทางมาหาท่านถึงที่นี่ ท่านคงไม่คิดจะปิดบังเราอีกแล้วนะท่าน ” “ ในเมื่อมหาบพิตรปราณีเราถึงเพียงนี้ เราก็จะ เรียนขอกับมหาบพิตรตามตรงเลยก็แล้วกัน ” “ พระคุณเจ้าต้องการสิ่งใด บอกเราเถิด เราจะถวายให้ ” “ มหาบพิตรเพียงแค่ต้องการร่มและรองเท้าคู่หนึ่ง ไว้ใช้สำหรับการเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อบำเพ็ญเพียร ” “ โอ้ พระคุณเจ้ามีเพียงของเล็กน้อยสองสิ่งนี้ท่านั้นเองดอกหรือ ที่ท่านต้องการจะขอจากเรา เพียงแค่ของสองสิ่งนี้ ท่านถึงกับเก็บงำไม่กล้าบอกเรา จนล่วงเลยมาถึง 12 ปีเชียวรึนี่ ” “ เจริญพร ”
 
     “ เพราะเหตุใดกันหรือ จึงทำให้พระคุณเจ้า ไม่กล้าเอ่ยปากขอสิ่งสองสิ่งนี้ มันมิใช่สิ่งที่มากมายแต่อย่างใดเลย พระคุณเจ้าจะว่าไปแล้ว ถ้าสำหรับพระคุณเจ้าแล้วละก็ต่อให้มากมายยิ่งกว่านี้นัก เราก็พร้อมที่จะให้ได้อยู่แล้ว ” “ มหาบพิตร ในการขอ ผู้ขอย่อมได้อยู่สองอย่าง ก็คือได้หรือไม่ได้เท่านั้น ผู้ที่ถูกขอนั้น เมื่อให้สิ่งของกับผู้อื่นไปก็เปรียบเหมือนกับคนร้องไห้ เพราะต้องโดนคนอื่นมาขอ
 ในทางกลับกันผู้ขอนั้นเล่า เมื่อถูกปฏิเสธในการที่จะให้ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนร้องไห้เช่นกัน ก็ต้องเศร้าใจ เมื่อถูกปฏิเสธนั้นเอง ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงใคร่อยากขอในสิ่งที่ต้องการกับมหาบพิตร ก็ต่อเมื่ออยู่ในที่ลับเท่านั้น เพื่อที่มหาชนจะได้ไม่ต้องเห็นมหาบพิตรและอาตมาอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกับคนร้องไห้นั้นเอง ” เมื่อทราบถึงเหตุผลที่ดาบสแจ้งให้ทราบแล้ว พระราชาถึงกับตะลึงงั้น มาคาดคิดมาก่อนว่า
 

ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

      ด้วยสิ่งของเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดาบสถึงกับไม่กล้าเอ่ยปากขอมานานถึง 12 ปี “ น่าเลื่อมใสจริง ๆ พระคุณเจ้าเมื่อเราได้ฟังคำของท่านแล้ว เราจะไม่ให้ท่านได้อย่างไร ท่านต้องอดทนลำบากไม่กล้าขอเรามาถึง 12 ปี เอาอย่างนี้ดีไหม เราจะขอถวายวัวแดงหนึ่งพันตัวให้ท่านไปเลย พร้อมด้วยวัวจ่าฝูงอีกหนึ่งตัวให้แก่ท่านด้วย ”
 

ชาดก 500 ชาติ พรหมทัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ขอกับผู้ถูกขอ

     “ อย่ากระนั้นเลยมหาบพิตร อาตมาไม่ได้ต้องการวัตถุที่ต้องรับผิดชอบถึงขนาดนั้นหรอก ขอพระองค์ประทานร่มให้เราสักหนึ่งคัน และรองเท้านสักหนึ่งคู่ ก็เพียงพอแล้ว ” เมื่อพระราชาได้รับทราบถึงความต้องการของดาบสแล้ว ก็ทรงอนุญาตมอบสิ่งของตามที่ดาบสขอมา “ เมื่อพระคุณเจ้าต้องการดังนั้น เราก็พร้อมจะมอบให้มิขัดข้อง ขอให้พระคุณเจ้าเข้าป่าบำเพ็ญเพียรอย่างปลอดภัยด้วยเถิด ”
 
      “ เจริญพรมหาบพิตร ขอถวายพระพรมหาบิตร ขอพระองค์อย่าทรงประมาท จงรักษาศีล กระทำอุโบสถกรรมเถิด ” นับแต่นั้นมาดาบสก็เข้าไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าและใช้ชีวิตอยู่ในนั้นจนสิ้นอายุขัย องค์พระศาสดาครั้นทรงนำชาดกเรื่องนี้มาตรัสเล่าแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า 
 


พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเกิดเป็นพระอานนท์
ส่วนดาบสในครั้งนั้น เสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้า

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล