ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

ชาดก 500 ชาติ
สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

       ครั้งเมื่อองค์พระศาสดาเสด็จจากเทวโลกนั้น ได้ทรงกระทำพระปาฏิหาริย์เปิดโลกเสด็จลงทางบันไดแก้วมณี อันมี ณ ท่ามกลาง ท้าวสักกะทรงเชิญบาตรจีวรท้าวสุยามทรงเชิญวาลวิชนี ท้าวสหัมบดีพรหมทรงเชิญฉัตร เทพดาในหมื่นจักรวาลพากันบูชาด้วยของหอมและมาลาอันเป็นทิพย์ พอพระศาสดาเสด็จประทับ ณ เชิงบันได พระสารีบุตรเถรเจ้าถวายบังคมเป็นประถมทีเดียว บริษัทที่เหลือพากันถวายบังคมทีหลัง พระศาสดาทรงดำริในสมาคมนั้นว่า

        โมคคัลลานะปรากฏไปทั่วว่ามีฤทธิ์ อุบาลีปรากฏไปทั่วว่าทรงพระวินัย แต่ปัญญาคุณของสารีบุตรยังไม่ปรากฏเลย ยกเว้นเราผู้สัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วผู้อื่นที่จะได้นามว่ามีปัญญาเสมอเหมือนเธอไม่มีเลย เราต้องกระทำปัญญาคุณของเธอให้ปรากฏไว้ ครั้งนั้นพระองค์ทรงตั้งต้นถามปัญหาของปุถุชนก่อนพวกปุถุชนก็พากันกราบทูลแก้ปัญหานั้น ต่อจากนั้นทรงถามปัญหาในวิสัยแห่งเหล่าพระโสดาบัน เหล่าโสดาบันเท่านั้นก็พากันกราบทูลแก้ปัญหานั้นปัญหานั้นพวกปุถุชนไม่รู้เลย

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

         ต่อจากนั้นทรงถามปัญหาในวิสัยพระสกทาคามี พระอนาคามี พระขีณาสพ และพระมหาสาวกโดยลำดับ ท่านที่ดำรงในชั้นต่ำ ๆ ไม่ทราบปัญญาของชั้นที่สูงขึ้นไปนั้นเลย ท่านที่ดำรงในภูมิสูง ๆ เท่านั้น พากันกราบทูลแก้ แม้ถึงปัญหาในวิสัยแห่งอัครสาวก พระอัครสาวกกราบทูลแก้ได้ พวกอื่นไม่รู้เลย ต่อจากนั้นตรัสถามปัญหาในวิสัยแห่งพระสารีบุตรเถรเจ้า พระเถรเจ้าองค์เดียวกราบทูลแก้ได้ พวกอื่นไม่รู้เลย ในเวลานั้นคนอื่น ๆ ต่างก็มุ่งความสนใจไปยังพระสารีบุตร ตั้งแต่บัดนั้นคุณคือปัญญาอันมากของพระเถระเจ้าเถรเจ้าก็ได้ปรากฏไปในกลุ่มเทพยดาและมนุษย์

        “ พระเถระเจ้าที่กราบทูลอยู่กับพระศาสดานั้นมีนามว่าอะไรหรือท่าน ” “ ท่านเป็นธรรมเสนาบดี มีนามว่าสารีบุตรเถระเจ้า ” “ โอ้โห มีปัญญามากจริง ๆ น่านับถือ ” “ ท่านเป็นผู้เดียวที่สามารถถกปัญหายาก ๆ นั้นได้ ” ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสถามปัญหาในพุทธวิสัยกับพระสารีบุตรว่า “ ชนเหล่าใดเล่า มีธรรมอันกำหนดได้แล้วสิชนเหล่าใดเล่าที่ยังต้องศึกษา มีจำนวนมากในธรรมวินัยนี้ ดูก่อนท่านผู้ไร้ทุกข์ เธอมีปัญญารักษาตัวรอด ถูกเราถาม เชิญบอกความเป็นไปแห่งชนเหล่านั้นแก่เราดังนี้ สารีบุตร เธอพึงเห็นความแห่งภาษิตโดยย่อนี้ได้โดยพิสดาร อย่างไรเล่าหนอ ” 

        พระเถรเจ้าตรวจดูปัญหาแล้วเห็นว่า พระศาสดาตรัสถามปฏิปทาอันเป็นทางบรรลุแห่งพระเสขะและพระอเสขะ เลยหมดสงสัย คงกังขาในพระอัธยาศัยว่าอันปฏิปทาทางบรรลุอาจกล่าวแก้ได้ โดยมุขเป็นอันมากด้วยอำนาจขันธ์เป็นต้น  พระศาสดาทรงทราบว่า สารีบุตรหมดสงสัยในข้อปัญหา แต่ยังกังขาในอัธยาศัยของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงทรงประทานนัย ปัญหานั้นกระจ่างแก่พระเถระเจ้าตั้งร้อยนัยพันนัย ท่านยึดตามนัยที่พระศาสดาประทาน กราบทูลแก้ปัญหาในพุทธวิสัยได้ หลังจากวันนั้นเหล่าพวกภิกษุพากันนั่งในธรรมสภากล่าวถึงคุณคาถาของพระเถระเจ้าในวันหนึ่ง “ ผู้มีอายุทั้งหลาย พระสารีบุตรมีปัญญามากมีปัญญาหลักแหลม มีปัญญาว่องไว มีปัญญาคมคาย กราบทูลความแก้ปัญหาที่พระทศพลตรัสถามโดยย่อได้อย่างพิสดาร ” “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้นก็หาไม่ แม้แต่ในปางก่อน เธอก็เคยกล่าวแก้ความแห่งภาษิตโดยย่อได้อย่างพิสดารแล้วเหมือนกัน ” องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้วทรงนำอดีตนิทานมาตรัสเล่า ดังต่อไปนี้

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

       ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสีพระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดละมั่งอาศัยอยู่ในป่า พระราชาทรงพอพระหฤทัยในการล่าเนื้อ ทรงสมบูรณ์ด้วยพระกำลัง ถึงกับไม่ทรงนับมนุษย์อื่นว่าเป็นมนุษย์ไปเลย “ เอาล่ะ คราวนี้เราจะต้องล่าเนื้อให้ได้ พวกเจ้าต้องคอยต้อนสัตว์พวกนั้นไว้ให้ดี หากมันหนีไปได้ข้างผู้ใด เราต้องลงอาญาแก่ผู้นั้น ”

       “ ตาย ๆ ทำยังไงกันดีล่ะ มากี่ครั้ง ๆ ก็สัตว์พวกนี้วิ่งกระเจิงกันไปได้หมด คราวนี้ซวยแน่ ๆ ” “ ไม่เป็นไรข้ามีแผน พวกเราล้อมกันไว้ให้ดี เมื่อไม่มีรูโหว่แล้วพวกสัตว์จะหนีออกไปได้อย่างไร มีช่องทางเดียวที่จะวิ่งไปได้ก็คือ ตรงพระเจ้าพรหมทัตนี่แหละ ” ครั้งนั้นพระเจ้าพรหมทัตเห็นตัวละมั่งตัวหนึ่ง และหมายมั่นที่จะล่าเนื้อตัวนี้ให้ได้ เหล่าทหารได้กระทำกติกากำหนดช่องทางกัน พากันล้อมละเมาะใหญ่ไว้ ตีแผ่นดินด้วยไม้พลองเป็นต้น ละมั่งพระโพธิสัตว์ลุกขึ้นเลาะละเมาะไป ๓ รอบ เมื่อจะหนีก็มองดูช่องทางที่จะหนี มองไปรอบทิศ ทุกทิศเห็นฝูงคนยืนถือธนูรายเรียง แขนจรดแขน ธนูจรดธนู

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

        “ โอ้ย แย่แล้ว เราจะหนีไปทางไหนได้นี่ มีทหารล้อมเอาไว้หมด ไม่มีรูให้เราลอดออกไปได้เลย ” พลันสายก็เหลือบไปเห็นสถานที่ที่พระราชาประทับยืนเป็นช่องอยู่ “ เอ๊ะ ตรงนั่นมีช่องว่างอยู่นี่ มีทางรอดแล้วเรา ” ละมั่งนั้นจึงวิ่งไปตรงหน้าพระราชา เหมือนขว้างทรายใส่ตาที่กำลังลืม พระราชาเห็นละมั่งนั้นมาด้วยกำลังแรง ก็ปล่อยลูกศรไปเต็มแรงหมายจะปลิดชีวิตสัตว์นั้นให้ได้ “ มาแล้ว มาแล้ว เจ้าละมั่งเอ๋ย เสร็จเราแน่ ๆ ” ธรรมดาฝูงละมั่งเป็นสัตว์ฉลาด ที่จะลวงผู้ล่าได้ เมื่อลูกศรมาตรงหน้ามันก็หมอบเสียโดยเร็วแล้วหยุดนิ่ง เมื่อลูกศรมาข้างหลังก็วิ่งไปโดยรวดเร็ว เมื่อลูกศรมาทางเบื้องบนก็เอี้ยวหลังเสีย

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

      เมื่อลูกศรมาทางด้านข้างก็หลีกเสียหน่อย เมื่อลูกศรมาติด ๆ กันก็หมุนตัวล้มลง เมื่อลูกศรผ่านพ้นไปแล้ว จึงวิ่งหนีด้วยกำลังเร็วประหนึ่งวลาหกที่ถูกลมพัดกระจายไป ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อพระราชาเล็งลูกศรแล้วปล่อยให้ลูกธนูออกมาทางเจ้าละมั่ง มันรีบหมุนตัวล้มลงกับพื้น พระราชาเห็นดังนั้นก็ทรงดีพระทัย เข้าใจว่าพระองค์ได้ยิงถูกมันแล้ว “ เรายิงละมั่งได้แล้ว เราทำได้แล้ว ” ทันใดนั้นละมั่งกลับผลุดลุกวิ่งหนีโดยเร็วปานลม ทำลายวงล้อมไปได้ “ อะไรกัน เรายิงมันแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าละมั่งนั่นหนีไปทางไหนกัน เจ้าผู้ใดที่ปล่อยให้มันหนีไปได้ ” “ ทางพระองค์พระเจ้าค่ะ พวกกระหม่อมได้ล้อมวงกันอย่างดีแล้ว ไม่มีช่องให้เจ้าละมั่งหนีไปได้เลย มีแต่เพียงพระองค์เท่านั้นที่มีช่องให้มันหนีไป ”

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

        “ หือ น่าโมโหนักเชียว มันวิ่งหนีไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อลูกศรของเราปักไปที่ตัวมันแล้ว เราเห็นมันล้มลงกับพื้นแล้วนี่น่า ” “ อะไรกันพะยะค่ะ ที่พระองค์ทรงยิงได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” “ ชาวเราเอ๋ย พระราชาของเราทั้งหลาย ทรงยิงไม่มีพลาดเลย พระองค์ทรงยิงแผ่นดินได้แล้วล่ะ ” “ พวกนี้เยาะเราได้ ช่างไม่รู้ฝีมือของเราบ้างเลย เราต้องแสดงการใช้พระขรรค์จับละมั่งให้พวกเหล่านี้ดูสะแล้ว ” พระเจ้าพรหมทัตรู้สึกเสียหน้าที่เจ้าละมั่งหนีไปได้ พระองค์ทรงถือพระขรรค์แล้วทรงวิ่งเข้าไปทางที่เจ้าละมั่งหนีไปโดยเร็ว

       ครั้นทรงเห็นละมั่งนั้นแล้ว ก็ทรงติดตามไปถึง ๓ โยชน์ ละมั่งเข้าป่าไปแล้ว พระราชาเล่าก็ทรงเสด็จเข้าป่าเหมือนกัน ในป่านั้น ณ หนทางที่ละมั่งวิ่งไปมีบ่อลึกเป็นเหวประมาณ ๖๐ ศอก เกิดจากไม้ใหญ่ผุ บ่อนั้นมีน้ำประมาณ ๓๐ ศอก หญ้าคลุมมิดชิด “ หา ได้กลิ่นน้ำนี่น่า สงสัยทางข้างหน้าต้องเป็นบ่อน้ำแน่วิ่งหลบไปเสียดีกว่า ” “ จะหนีไปไหนเจ้าละมั่ง เราจะต้องจับเจ้าให้ได้ ”

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

       พระเจ้าพรหมทัต ไม่ทราบว่ามีบ่อลึกอยู่ข้างหน้าพระองค์วิ่งมาอย่างเร็วไม่ทันได้หลบจึงตกลงไปในหลุมนั้น ละมั่งเมื่อไม่ได้ยินเสียงพระบาทของท้าวเธอก็เข้าใจว่าคงตกลงในหลุมลึกเสียแล้ว จึงเดินกลับมาหา “ ช่วยด้วย ชะ ช่วยด้วย เราอยู่นี่ ช่วยด้วย ช่วยด้วย ” “ เราจะช่วยท่านให้ขึ้นมาเอง ท่านอย่ากลัวไปเลย ” เจ้าละมั่งช่วยพระราชาให้ขึ้นจากเหวลึก ๖๐ ศอกได้ทำการปลอบพระราชา แล้วให้ขึ้นหลังพาออกจากป่าส่งลง ณ ที่ไม่ห่างเสนา “ จากนี้ไปขอให้พระองค์ทรงดำรงอยู่ในศีล ๕ เถิด เราไปล่ะ ” “ ข้าแต่พญาละมั่งผู้เป็นนาย เชิญท่านมาสู่พระนครพาราณสีพร้อมกับเราเถิด เราจะถวายราชสมบัติในเมืองพาราณสี มีประมาณ ๑๒ โยชน์ให้แก่ท่าน ท่านจงครองราชสมบัตินั้นเถิด ”

       “ พวกข้าพระองค์เป็นเดรัจฉานไม่ต้องการด้วยราชสมบัติ แม้พระองค์มีความใยดีในข้า พระองค์ไซร้โปรดทรงรักษาศีลที่ข้าพระองค์ให้ไว้ ทรงรับให้แม้ชาวแว่นแคว้นรักษากันด้วยเถิด ” ท้าวเธอมีพระเนตรนองด้วยพระอัสสุชล ทรงรำลึกถึงคุณของละมั่งนั้นเรื่อยมา ครั้นเสนามาพร้อมกระบวนแล้วทรงแวดล้อมด้วยเสนาเสด็จไปพระนคร ตรัสให้นำธรรมเภรีไปเที่ยวตีป่าวร้อง ให้ชาวแว่นแคว้นทั่วหน้าพากันรักษาศีล ๕ แต่ตอนนั้นพระองค์ก็ไม่ได้เล่าคุณที่พระมหาสัตว์กระทำไว้แก่พระองค์ให้ใคร ๆ ฟัง 

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา 

      “ พวกเจ้าจงประกาศออกไปให้ชาวประชาทั้งหมดพากันรักษาศีลไว้ให้ดี ” พระเจ้าพรหมทัตเสวยพระกระยาหารมีรสเลิศต่าง ๆ ในเวลาเย็นเสร็จ ก็เสด็จบรรทมเหนือพระที่บรรทมอันอลงกต ครั้นเวลาใกล้รุ่ง ทรงระลึกถึงคุณของพระมหาสัตว์ จึงเสด็จลุกขึ้นประทับนั่งขัดบัลลังก์เหนือพระยี่ภู่ มีพระหฤทัยเปี่ยมด้วยพระปีติทรงเปล่งพระอุทาน
               ด้วยพระคาถา ๖ คาถาว่า
               บุรุษพึงหวังไว้ทีเดียว บัณฑิตไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ปรารถนาอย่างใด ได้เป็นอย่างนั้น.
               บุรุษพึงหวังไว้ทีเดียว บัณฑิตไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ได้รับความช่วยเหลือให้ขึ้นจากน้ำสู่บกได้.
       
               บุรุษพึงหวังไว้ทีเดียว บัณฑิตไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ปรารถนาอย่างใดได้เป็นอย่างนั้น.
               บุรุษพึงพยายามร่ำไป บัณฑิตไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นตนอยู่ว่า ได้รับความช่วยเหลือให้ขึ้นจากน้ำสู่บกได้.
               นรชนผู้มีปัญญา แม้ตกอยู่ในกองทุกข์ ก็ไม่ควรตัดความหวังในอันจะมาสู่ความสุข เพราะว่า ผัสสะอันไม่เกื้อกูล และเกื้อกูลมีอยู่มาก
               คนที่ไม่ใฝ่ฝันถึงเลยก็ต้องเข้าถึงความตาย.
               สิ่งที่ไม่คิดไว้ย่อมมีได้บ้าง สิ่งที่คิดไว้ย่อมพินาศไปได้บ้าง โภคะทั้งหลายของสตรีหรือบุรุษ จะสำเร็จได้ด้วยความคิดนึกไม่มีเลย.

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

        ขณะที่พระเจ้าพรหมทัตทรงเปล่งพระอุทานอยู่นั้น อรุณปรากฏ ท่านปุโรหิตมาเฝ้าเพื่อทูลถามสุขไสยาแต่เช้าตรู่ ท่านได้ยืนอยู่ที่พระทวาร พลันก็ได้ยินเสียงพระอุทานของท้าวเธอ ดำริว่า “ เมื่อวานพระราชาเสด็จไปล่าเนื้อ คงจักยิงละมั่งนั้นผิด ครั้นถูกพวกอำมาตย์มายั่วเย้า ก็ทรงติดตามละมั่งนั้นด้วยความขัตติยมานะว่าจักฆ่าเสีย หิ้วมันมา เลยไปตกเหวลึก ๖๐ ศอก พญาละมั่งมีใจสงสาร มิได้คิดถึงโทษของพระราชา คงจักช่วยพระราชาขึ้นได้เห็นจะเป็นด้วยเหตุนั้น ท้าวเธอจึงทรงเปล่งอุทาน ”

        ท่านปุโรหิตเมื่อได้ยินพระอุทานอันมีพยัญชนะบริบูรณ์ของพระราชา เหตุการณ์ที่พระราชาและพญาละมั่งกระทำไว้ได้ปรากฏแก่เขา เหมือนเงาปรากฏแก่ผู้ส่องหน้าที่กระจกเจียระไนฉะนั้น “ ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ข้าพระองค์ทราบเหตุการณ์ที่พระองค์กระทำไว้ในป่า พระองค์ทรงติดตามละมั่งตัวหนึ่งไปตกเหว ครั้นแล้ว ละมั่งนั้นกระทำการถมด้วยศิลาช่วยพระองค์ขึ้นจากเหวลึก พระองค์นั้นทรงรำลึกถึงคุณของละมั่งนั้น ทรงเปล่งพระอุทานแล้ว พระเจ้าข้า ” “ ไม่น่าเชื่อ ท่านปุโรหิตท่านทราบเรื่องราวนี้ได้อย่างไรกัน ท่านอยู่ในเหตุการณ์อย่างนั้นรึ เอ๊ะ หรือว่ามีใครรู้แล้วนำเรื่องนี้ไปบอกท่าน ”

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

        “ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน เมื่อคราวนั้น ข้าพระองค์หาได้อยู่ในที่นั้นไม่ และใครก็ไม่ได้บอกเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์เลย แต่ว่านักปราชญ์ทั้งหลายย่อมนำเนื้อความแห่งบทคาถาที่พระองค์ทรงภาษิตแล้วมาใคร่ครวญดูพระเจ้าข้า ” เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พระราชาทรงโปรดปุโรหิตท่านนี้มาก พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์เป็นอันมาก ตั้งแต่นั้นก็ได้ทรงอภิรมย์แต่การบุญ มีทาน ฝูงชนเล่าก็พากันอภิรมย์แต่การบุญ ที่ตายไปแล้วแน่นเนืองสวรรค์ อยู่มาวันหนึ่งพระราชาทรงดำริว่าจักทรงยิงเป้า ตรัสชวนปุโรหิตเสด็จสู่พระอุทยาน

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

        ครั้งนั้นท้าวสักกะเทวราชทอดพระเนตรเห็นเทวดาและเทพกันยาใหม่ ๆ มากมาย พระองค์ทรงใช้ญาณวิเศษทราบไปถึงเรื่องที่พระราชาขึ้นจากเหวได้เพราะละมั่ง แล้วทรงชักชวนให้ประชาชนดำรงอยู่ในศีล “ มหาชนพากันทำบุญด้วยอานุภาพของพระราชา เหตุนั้นแหละเทวโลกจึงบริบูรณ์ เราจักต้องทดลองท้าวเธอดูบ้าง ” ท้าวสักกะคิดได้ดังนั้นก็เหาะลงมายังอุทยาน เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงโก่งธนูสอดลูกศร ทันใดนั้นท้าวสักกะก็แสดงรูปละมั่งให้ปรากฎ

       ระหว่างพระราชาและเป้า ด้วยอนุภาพของท้าวเธอ พระราชาทรงเห็นแล้วก็ไม่ได้ปล่อยลูกศร “ เอ๊ะ นั่นพญาละมั่งนี่ ไม่ได้ ๆ เรายิงไม่ได้ ” ทันใดนั้นท้าวสักกะก็เข้าทรงในสรีระของปุโรหิตแล้วกล่าวกับพระเจ้าพรหมทัต “ ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระปรีชาอันประเสริฐ พระองค์ทรงสอดลูกศรอันมีปีก อันจะกำจัดความแกล้วกล้าของปรปักษ์ได้เข้าในแล่งแล้ว จะทรงลังเลอะไรอยู่อีกเล่า ลูกศรที่ทรงยิงไปแล้วต้องฆ่าละมั่งได้ทันที ละมั่งนี้คงเป็นพระกระยาหารของพระราชาได้โดยแท้ ”

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา

      “ แม้เราจะรู้จักชัดความข้อนี้ว่า เนื้อเป็นอาหารของกษัตริย์ ก็แต่ว่าเราจะบูชาคุณที่ละมั่งได้ทำไว้แก่เราในครั้งก่อน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่ฆ่าละมั่งนี้ ” “ ข้าแต่มหาราชาผู้เป็นใหญ่แห่งทิศ นั่นมิใช่เนื้อ นั่นเป็นท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่กว่าอสูร ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งมนุษย์ พระองค์จงทรงฆ่าท้าวสักกเทวราชนั้นเสีย แล้วจักได้เป็นใหญ่ในหมู่อมรเทพ ” “ ข้าแต่พระราชาผู้องอาจประเสริฐกว่านรชน ถ้าว่าพระองค์ยังทรงลังเลที่จะฆ่าละมั่งผู้ซึ่งเป็นพระสหาย พระองค์พร้อมด้วยพระราชโอรส และพระราชชายา จักต้องไปยังเวตรณีนรกของพญายม ”

         “ ถึงแม้ว่าเรา และชาวชนบททั้งหมด ลูกเมียและหมู่สหายจะพากันไปยังเวตรณีนรกของพญายมนั่นก็ตาม ถึงกระนั้น เราก็จะไม่ฆ่าผู้ที่ให้ชีวิตเราเป็นอันขาด ” “ ละมั่งตัวนี้ทำคุณแก่เรา เมื่อคราวถึงความยาก ตัวคนเดียวในป่าเปลี่ยวแสนร้าย เราระลึกได้อยู่ถึงบุรพกิจเช่นนั้น ที่ละมั่งตัวนี้กระทำแก่เรา รู้คุณอยู่จะพึงฆ่าได้อย่างไรกันเล่า ” ลำดับนั้น ท้าวสักกะออกจากสรีระท่านปุโรหิต นิรมิตอัตภาพเป็นท้าวสักกะสถิตบนอากาศ แล้วทรงแสดงพระคุณของพระราชา

       “ ขอพระองค์ผู้ทรงโปรดปรานมิตรยิ่งนัก จงทรงพระชนม์ชีพอยู่ยืนนานเถิด พระองค์จงทรงปกครองราชสมบัติในคุณธรรมเถิด จงทรงมีหมู่นารีบำรุงบำเรอจงทรงบันเทิงพระหฤทัยในแว่นแคว้น เหมือนท้าววาสวะบันเทิงอยู่ในไตรทิพย์ฉะนั้น ” “ ขอพระองค์อย่าทรงพระพิโรธ จงมีพระหฤทัยผ่องใสอยู่เป็นนิตย์ทรงกระทำสมณพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมทั้งปวงให้เป็นแขกควรต้อนรับ ครั้นทรงบำเพ็ญทานและเสวยบ้างตามอานุภาพแล้ว ชาวโลกไม่ติเตียนพระองค์ได้ จงเสด็จเข้าถึงสัคคสถานเถิด ”

ชาดก 500 ชาติ สรภชาดก-ชาดกว่าด้วยละมั่งทำคุณแก่พระราชา 

    พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อนสารีบุตรก็ย่อมรู้ความแห่งภาษิตโดยย่ออย่างพิสดารเหมือนกัน ”

 
พระราชาในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระอานนท์
ปุโรหิตในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระสารีบุตร
เนื้อละมั่ง เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล