ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: อรรถกถาปาทัญชลิชาดก ว่าด้วยปาทัญชลีราชกุมาร

อรรถกถา ปาทัญชลิชาดก

ว่าด้วย ปาทัญชลีราชกุมาร


               ในอดีตกาล สมัยพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี มีท่านอำมาตย์อยู่ท่านหนึ่งทำหน้าที่คอยสั่งสอนถ่ายทอดศาสตร์และศิลป์ด้านต่างๆให้กับพระโอรส ซึ่งมีพระนามว่า ปาทัญชลี 

 

               วันหนึ่งขณะที่ท่านอำมาตย์ให้การถวายการเรียนการสอนอยู่นั้น พระโอรสทรงเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีสดผ่านหน้าต่างบานใหญ่ "องค์ชาย" "องค์ชาย" "เป็นอะไรหรือพะย่ะข้า" "ปะ..เปล่า" "ไม่มีอะไร" "ทรงเรียนต่อเลยไหมพะย่ะข้า" ท่านอำมาตย์เอ่ยถาม  ด้านองค์ชายมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ "อย่างนั้นก็ได้ "  ครึ่งชั่วโมงต่อมา ขณะที่ท่านอำมาตย์กำลังอธิบายอย่างเข้าได้เข้าเข็ม  ด้านพระโอรสที่กำลังนั่งเรียนถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยปากขึ้น "ข้าไม่อยากเรียนแล้ว หยุดเถิด สอนต่อไปความรู้ก็ไม่เข้าสมองอยู่ดี" ท่านอำมาตย์ชะงักค้าง "ต่ออีกหน่อยเถิด ตอนนี้ช่วงเนื้อหาสำคัญ อีกแค่บทเดียวก็จบแล้ว" "ไม่เอาข้าอยากนอน วันพรุ่งนี้ค่อยต่อ" ขณะนั้นองค์ชายก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังที่นอน ก่อนทั้งตัวลงบนเตียงนุ่มสีขาว  "ออกไปซิ!" "พะย่ะข้า" 

 

              หลังจากนั้นเป็นต้นมา เหตุการณ์เช่นเดิมก็วนซ้ำไปมา จนท่านอำมาตย์เอือมระอา เมื่อเวลาผ่านไปพระราชาได้สิ้นชีวิตลง เหล่าอำมาตย์จัดงานถวายพระเพลิงเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ก่อนจะปรึกษาหาลือว่า จะอภิเษกปาทัญชลีกุมารราชครองราชย์สมบัติต่อจากพระราชาองค์ก่อน แต่ก่อนที่เหล่าขุนนางจะตัดสินใจ "เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งแต่งตั้งได้ไหม" ท่านอำมาตย์ประจำพระองค์เอ่ย "ทำไมถึงท่านปฏิเสธเช่นนี้" "เนื่องจากข้านั้นเป็นครูคอยถวายการสอนพระโอรสตั้งแต่พระองค์ยังเยาว์วัย พระกุมารนี้มีพระทัยโลเล เชื่องช้า พวกเราน่าจะทดลองดูก่อน แล้วค่อยอภิเษกพระโอรสขึ้นเป็นราชา" หลังจากเหล่าขุนนางได้ฟังเหตุผลแล้วต่างเห็นด้วยกับความคิดนี้

 

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%871.jpg

 

                จากนั้นเหล่าข้าทาสบริวาร ต่างช่วยการจัดเตรียมสถานการณ์ต่างๆ จนกระทั้งวันหนึ่ง "พระโอรสพะย่ะข้า" "มีอะไรหรือ" "ช่วยไปดูการตัดสิน ของนักโทษผู้หนึ่งได้ไหม" "ได้สิ" "งั้นเชิญตามกระหม่อมมาทางนี้" ก่อนที่ท่านอำมาตย์เดินนำหน้าไป จนกระทั่งถึงท้องพระโรงขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเหล่าอำมาตย์ขุนนางมากหน้าหลายตายืนประจำตำแหน่งกันอย่างเรียบร้อย "ทำไมเหล่าขุนนางมากันเยอะขนาดนี้ ท่านเรียกประชุมหรอ" "เปล่าพะย่ะข้า"

 

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%872.jpg

 

           จากนั้นท่านอำมาตย์เชิญ พระโอรสนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างๆ  "วันนี้คือวันตัดสินนักโทษคดีลักทรัพย์ จากความผิดของเจ้าคือ ติดคุกใต้ดินเป็นเวลาทั้งหมด ห้าปี" "เดี๋ยวก่อนสิ!" "ทำไมถึงตัดสินเช่นนี้ ท่านนั้นยังไม่ได้สืบพยานหลักฐาน แล้วตัดสินว่ากระผมเป็นคนทำผิดได้ล่ะ แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย ท่านช่วยพิจารณาใหม่ได้ไหม" จำเลยพูดอ้อนวอน "พานักโทษไป!" "ทำไมถึงทำเช่นนี้!" จำเลยได้แต่ร้องโอดครวญ ก่อนหันหน้าไปทางปาทัญชลีกุมาร  "องค์ชาย กระหม่อมไม่เคยกระทำความผิดแม้แต่น้อย ได้โปรดช่วยหม่อมฉันเถอะ" ด้านองค์ชายที่ตอนนี้นั่งนิ่งทอดสายตามองไปที่ นักโทษ ด้วยสีหน้าหนักใจ

 

              " พระองค์หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าอำมาตย์คนนี้ต่างหากที่ใส่ร้ายหม่อมฉัน พระองค์ได้โปรด พิจารณาเรื่องนี้อีกรอบ!" เสียงตะโกนโวยวายดังไปทั่วห้องโถง" อย่ามาจับข้านะ ข้าไม่ผิด" พยายามดิ้นให้หลุดออกจากการจับกุมของเหล่าทหาร "ปล่อยข้านะ..." "องค์ชายได้โปรด" ก่อนที่นักโทษคนนั้น จะถูกทหารลากออกไป จนลับตา

 

             เมื่อทุกอย่างเงียบลง ท่านอำมาตย์หันมาทางพระโอรส แล้วเอ่ยถามขึ้น "พระองค์ทรงเป็นอะไรหรือ ทำไมถึงทรงเม้ม พระโอษฐ์เช่นนั้น" ท่านอำมาตย์เอ่ย แต่ก็ไม่มีแม้แต่คำตอบที่ตอบโต้กลับมาแม้แต่น้อย "ถ้าพระองค์ยังคงเงียบกระหม่อมนั้นไม่สามารถรู้ใจได้" มีเรื่องหนึ่งที่กระหม่อมจะอธิบายเรื่องหนึ่งกับพระองค์ "ทหาร..เจ้าไปพานักโทษมาสิ" "ขอรับ" จากนั้นไม่นาน จำเลยที่ท่านอำมาตย์พึ่งตัดสินไปก้าวเท้าเข้ามายังท้องพระโรงอีกครั้งเหล่าขุนนาง อำมาตย์มาดูการตัดสินเริ่มซุบซิบๆไปต่างๆนาๆ "การตัดสินครั้งนี้ คือบททดสอบเรื่องปฏิภาณไหวพริบของพระองค์ ก่อนที่จะรับตำแหน่งพระราชา" จากนั้นจึงหันไปทางนักโทษ ก่อนเอ่ย "ท่านช่วยเฉลย เรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนที่อยู่ในนี้ฟังได้ไหม" "ขอรับ เมื่อสองวันก่อนขณะที่กระผมนั่งทำงานอยู่ ท่านอำมาตย์เข้ามาขอให้ช่วยร่วมมือกันการวางแผนทดสอบครั้งนี้" ท่ามกลางเสียงฮือฮาของเหล่าขุนนาง

 

               "พระโอรสที่จะมารับบทบาทพระราชาในอนาคต ปาทัญชลีราชกุมารพระองค์นี้ ทรงไม่ทราบว่าสิ่งใดเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม สิ่งใดเป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ปาทัญชลีราชกุมารพระองค์นี้ นอกจากจะเม้มพระโอฐแล้ว ย่อมไม่ทรงทราบเหตุการณ์สักนิดหนึ่งเลย"

               พวกอำมาตย์เมื่อรู้ว่า ปาทัญชลีราชกุมารทรงเหลวไหล จึงอภิเษกพระโพธิสัตว์ขึ้น
ครองราชย์สมบัติแทน

 

               ณ โรงธรรม ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยบรรดาพระภิกษุสงฆ์  กำลังฟังพระศาสดาไขข้อข้องใจเรื่องพระโลฬุทายีเถระ เรื่องขัดคอเหล่าภิกษุสงฆ์  ว่าพระมหาสาวกเหล่านี้จะรู้อะไรทัดเทียมเราหรือ  จนเหล่าภิกษุไม่ค่อยสบายใจจึงนำเรื่องมาคุยกัน พระศาสดาจึงตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อน โลฬุทายีก็ไม่รู้อะไรๆ อย่างอื่นยิ่งกว่านั้น"


               พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก.
               ปาทัญชลีราชกุมารในครั้งนั้น ได้เป็น
พระโลฬุทายีในครั้งนี้
               ส่วนอำมาตย์บัณฑิต คือ เราตถาคต นี้แล.

                         

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล