ฉบับที่ ๓๕ ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๘

คนพาลมีลักษณะอย่างไร คบแล้วมีโทษอย่างไร

 

หลวงพ่อเจ้าค่ะ มงคลชีวิตที่ ๑ สอนให้เราไม่คบคนพาล คนพาลมีลักษณะอย่างไร คบแล้วมีโทษอย่างไรเจ้าค่ะ ?

             การที่จะบอกว่าคนไหนเป็นคนพาล คนไหนเป็นคนดีนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มีคนพาลคนใด เขียนติดหน้าผากของตัวเอง ว่าฉันเป็นคนพาล

             แล้วเราจะเอามาตรฐานอะไรไปวัดว่า คนนี้เป็นพาล คนนั้นเป็นบัณฑิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรฐานทางโลก

             ยกตัวอย่าง จะเอามาตรฐานทางรูปร่างหน้าตา ว่าคนหล่อ คนสวย ไม่เป็นคนพาลก็ไม่ได้ เพราะคนหล่อ คนสวย ที่เป็นพาลก็เยอะ

             จะเอามาตรฐานทางด้านการศึกษามาวัดก็ไม่ได้ เพราะด็อกเตอร์บางคนเป็นโจรก็มี

             จะเอาความเป็นคนรวย คนจน มาเป็นมาตรฐานตัดสินก็ไม่ได้ เพราะว่าเศรษฐีพาลก็มี เศรษฐีดีก็มี คนจนพาลก็มี คนจนดีก็มี

             ลักษณะของคนพาลที่แท้จริง

             พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรง ให้มาตรฐานทางธรรมไว้ว่า ให้เอากรรมหรือการ กระทำนั่นแหละมาเป็นมาตรฐาน คือคนที่ทำกรรมดี ก็เรียกว่าคนดี คนที่ทำกรรมชั่ว ก็เรียกว่าคนชั่ว

             ส่วนคนพาล คือคนที่ชอบคิดชั่ว ชอบพูดชั่ว ชอบทำชั่วเป็นปกติ เป็นอาจิณ ไม่ใช่นานๆ ถึงจะเผลอไปทำสักครั้งหนึ่ง

             คิดชั่ว ได้แก่ คิดโลภ คิดพยาบาท คิดเห็นผิดเป็นชอบ

             พูดชั่ว ได้แก่ พูดโกหก พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ

             ทำชั่ว ได้แก่ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เจ้าชู้

             นี่คือลักษณะทั่วไปของคนพาล หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าคนชั่ว ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ใช้กรรมของเขาเองนั่นแหละเป็นเครื่องตัดสิน

             โทษของการคบคนพาล

             ถ้าหากเราหลงไปคบ กับคนพาลเข้า อุปมาก็เหมือนอย่าง กับเอาของแห้งไปวางไว้ใกล้ๆ ของเปียก แล้วไม่ระมัดระวังให้ดี เดี๋ยวของเปียกก็จะซึม เข้าไปในของแห้ง ของแห้งก็จะกลายเป็นของเปียกไป

             หรือเหมือนอย่างกับเอาอาหารที่มีรสจืดมาวางไว้ใกล้ๆ อาหารที่มีรสขม เดี๋ยวอาหารรสจืดก็จะพลอย มีรสขมตามไปด้วย

             คนเราก็เหมือนกัน ถ้าไปอยู่ใกล้ๆ คนพาล เดี๋ยวก็จะติดนิสัยพาล ติดนิสัยชั่วของเขามา

             เมื่อเข้าใกล้คนพาล คบกับคนพาล สิ่งแรกที่จะทำให้เราเสียคือ วินิจฉัย หรือการตัดสินใจ ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร เราจะตัดสินไม่ออก แล้วจะมีความเห็นผิด เป็นชอบตามเขาไปด้วย เพราะว่า คนพาลจะมีวิธีการ ตัดสินใจไม่เหมือนคนดี หลังจากที่เราคิดผิดๆ ก็จะพูดผิดๆ ทำผิดๆ ตามมา

             เพราะฉะนั้น สังคมใดมีคนพาลเข้าไปอยู่ จึงมักจะเกิดความวุ่นวาย และไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทยของเราเท่านั้น แม้ประเทศอื่นๆ ก็เหมือนกัน ถ้าครั้งใดได้คนพาล เข้ามาบริหารบ้านเมือง ไม่ว่าจะในระดับไหน ก็มักจะทำให้เกิด ความวุ่นวายตามมาทั้งนั้น

             บางครั้งทำให้เกิดสงครามตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน จนกระทั่งถึงระดับโลกก็มี เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสอนนักหนาว่าอย่าคบคนพาล

             ประเภทของคนพาล คนพาลแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ

             ๑. พาลภายนอก ได้แก่ คนเลว คนชั่ว ทั้งหลายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

             ๒. พาลภายใน ได้แก่ ตัวเราเอง ถ้าครั้งใดเผลอไปคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เข้า เราก็คือคนพาลเหมือนกัน

             เมื่อรู้อย่างนี้แล้วรีบแก้ไขเสีย ไม่ใช่มัวแต่ผัดผ่อนรอ ให้คนอื่นเขาแก้ไขกันเสียก่อน แล้วเราจะแก้ไขตัวเอง เป็นคนสุดท้าย ถ้าอย่างนี้เราก็คือ คนพาลตัวจริง และจะเป็นพาลไป ข้ามภพข้ามชาติทีเดียว 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล