ฉบับที่ 71 กันยายน ปี 2551

หลวงพ่อตอบปัญหา กตัญญูกตเวทีดีอย่างไร

คนโบราณบอกไว้ว่าคนที่มีความกตัญญูกตเวที ชีวิตของเขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง อยากทราบว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

 

 คนที่มีความกตัญญูกตเวทีก็คือคนที่รู้คุณ แล้วก็รักที่จะประกาศคุณ ซึ่งเคยได้รับมาจากผู้อื่น คนที่มีความกตัญญูกตเวทีเป็นคนโชคดีตั้งแต่เริ่มต้น โชคดีตรงไหน โชคดีตรงที่เขาเกิดมา ก็ได้เจอคนดี คนมีน้ำใจ เพราะเขาเคยได้รับน้ำใจมาจากคนดี

          

   ทีนี้ บางคนตลอดชีวิตไม่เคยมีใครหยิบยื่นพระคุณมาให้กับเขาเลย ไม่ว่าเขาจะตกทุกข์ได้ยากอย่างไร ไม่เคยมีใครหยิบยื่นมาโอบอุ้ม มาช่วยเหลือ มาหอบหิ้วเขาเลย เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาเกิดความรู้สึกอย่างไร เกิดความรู้สึกว่าโลกทั้งโลกมีแต่ความแห้งแล้ง มีแต่คนใจแคบ มีแต่ตัวใครตัวมัน แต่ถ้าเขาเป็นคนโชคดี ได้เจอคนดีที่พร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้ แล้วเขาก็ได้รับด้วยตัวของเขาเอง

           ถ้าคนๆ นี้เขาได้คิดอย่างที่ว่านี้ เพราะว่าเขาได้รับความมีน้ำใจมาแล้ว เมื่อเขาได้รับความมีน้ำใจมาแล้ว แล้วเขาก็รู้คุณค่าของความมีน้ำใจนั้นด้วย เขาเรียกว่าคนมีความกตัญญู คือคนรู้คุณที่เขาเคยทำให้กับตัวเอง

           แต่ว่าถ้าคนไหนทั้งๆ ที่เขาก็ยื่นมือยื่นไม้มาหอบหิ้วมาช่วยเหลือ ทำให้ตัวพ้นทุกข์พ้นยากแล้ว ก็ยังนึกถึงคุณเขาไม่ออก ฟ้องว่าคนนี้ใจบอดเสียแล้ว ตาอาจจะยังดีอยู่ แต่ใจบอด บอดตรงที่มองความดีของคนอื่นไม่เห็น ทั้งๆ ที่ความดีนั้นได้ถูกหยิบยื่นมาให้ตัวเขาเอง คนประเภทนี้แหละอันตราย เพราะ

           ๑. เขาก็จะมองคนทั้งหลายที่ไม่เคยหยิบยื่นความสุข ความสะดวก ความสบายให้เขามาเลยเหมือนอย่างกับคนไม่รู้จัก หรือบางทีจะเห็นเป็นศัตรูเสียด้วยซ้ำ

          ๒. แม้แต่คนที่หยิบยื่นให้ความช่วยเหลือเขามาแล้ว เขาก็ยังมองไม่เห็นความดีอีก เมื่อเป็นอย่างนี้ โลกทั้งโลกได้กลายเป็นโลกมืดสำหรับเขาเสียแล้ว คนประเภทนี้เลยไม่มีความสุขตลอดชีวิต นี่คือสภาพจิตใจของคนเราที่มันแตกต่างกันระหว่างคนมีความกตัญญู กับคนไม่มีความกตัญญู

         ทีนี้ ยังมีอีกขั้นหนึ่งอีก บางคนมีความกตัญญู รู้ว่าเขามีคุณกับเรา แต่ว่าแค่นี้ยังไม่พอ ต้องยิ่งกว่านั้น ขออภัย สุนัขบางตัวเราเลี้ยงให้อาหาร ถึงเวลามันยังรู้คุณเรา เพราะฉะนั้นคนไหน ใครเขาทำความดีให้แล้วไม่รู้คุณ คนไทยหรือว่าคนโบราณจึงมีคำว่าหนักๆ กับคนไม่รู้คุณคน เขาเปรียบเทียบไว้เยอะแยะ แต่ทีนี้ สุนัขบางตัวอีกเหมือนกัน นอกจากรู้คุณเจ้าของแล้ว มันยังช่วยเฝ้าบ้านเสียอีกด้วย นั่นก็เป็นวิธีตอบแทนคุณอย่างหนึ่งของสุนัข มันทำได้แค่นั้น

         แต่คนรู้คุณ แล้วไม่คิดแทนคุณ ตรงนี้ไม่ใช่เสียแล้ว เขาก็มีจิตใจดีงาม ดีงามขนาดไหน ขนาดรู้คุณก็คือขนาดชั้นอนุบาล รู้คุณแล้ว แต่ว่าถ้าเมื่อไรคิดตอบแทนคุณ แค่คิดตอบแทนคุณเท่านั้น ว่าเขามีพระคุณต่อเรา มีโอกาสเราต้องตอบแทนคุณเขาบ้าง แค่คิดตอบแทนเท่านั้น ระดับธรรมะในจิตใจของเขายกขึ้นสู่ชั้นประถมได้แล้ว แล้วเมื่อไรลงมือประกาศคุณของผู้ที่มีพระคุณแก่เราให้ชาวโลกรู้ ประกาศคุณก่อนว่าท่านผู้นั้น หรือท่านผู้นี้ เคยมีพระคุณกับเราอย่างนั้น อย่างนี้ จิตใจ หรือธรรมะประจำใจคนๆ นี้ ยกระดับอีกระดับขึ้นสู่ระดับมัธยมเลย

        ถ้าลงมือตอบแทนพระคุณท่านให้สมกับที่ท่านเคยมีพระคุณต่อเรา ถ้าอย่างนี้ละก็ คนที่มีจิตใจระดับนี้ฟ้องว่าอย่างไร ฟ้องว่าในใจของเขาไม่เคยคิดเรื่องร้ายเลย คิดแต่เรื่องดี มองโลกก็มองโลกดีๆ ตรงตามความเป็นจริง มองโลกนี้อย่างสวยงาม มองคนก็มองในแง่ดี โลกนี้ยังมีคนดีอยู่ แล้วเราเองก็จะต้องเป็นคนดีอีกคนหนึ่งในโลกนี้ให้ได้ แล้วเมื่อความคิดอย่างนี้เกิดขึ้น การทุ่มเทเค้นศักยภาพในตัวเองไปทำความดีก็เกิดขึ้น เมื่อคนเราเค้นศักยภาพในตัวเองไปทำดีเสียแล้ว มันไม่มีเวลาที่จะไปฟุ้งซ่าน ไม่มีเวลาไปอิจฉาตาร้อนใคร มันมีแต่เวลาสำหรับคิดดี พูดดี ทำดี แล้วมันก็จะต้องได้อย่างเดียว คือได้ดี คือได้ความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป

        เพราะฉะนั้นปู่ย่าตายายของเราพูดถูก ว่าคนมีความกตัญญูกตเวทีแล้วจะต้องรุ่งเรือง เรามีปู่ย่าตาทวดดีๆ ฉลาดๆ อย่างนี้ ก็เป็นหน้าที่ของเรา เชื่อท่าน แล้วก็ทำตามท่าน สุดชีวิตจิตใจเลย แล้วบ้านเมืองไทยจะเจริญ

   
 
...ฉะนั้นปู่ย่าตายายของเราพูดถูก  ว่าคนที่มีความกตัญญู กตเวทีแล้วต้องเจริญรุ่งเรือง   เราทีปู่ย่าตาทวดดีๆ  ฉลาดๆ  
อย่างนี้ก็เป็นหน้าที่ของเราเชื่อท่านแล้ว
ทำตามท่านสุดชีวิตจิตใจเลย     แล้วบ้านเมืองไทยจะเจริญ...

 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล