ฉบับที่ 104 มิถุนายน ปี2554

เส้นทางแห่งความสุข อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องเอื้อม

ผลการปฏิบัติธรรม
เรื่อง : ธัมม์ วิชชา

 

เส้นทางแห่งความสุข

อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องเอื้อม

          ชีวิตนี้เป็นของน้อยและประมาทไม่ได้ เพราะผู้ที่ประมาทก็เหมือนคนที่ตายแล้ว การดำเนินชีวิตอยู่ในความไม่ประมาทคือการดำเนินจิตอยู่บนเส้นทางสายกลาง ซึ่งอยู่ภายในตัวของมนุษย์ทุกคน การดำเนินชีวิตอยู่ในเส้นทางสายกลาง คือ การดำเนินชีวิตด้วยการทำใจให้หยุด ให้นิ่ง ความหยุดนิ่งนั้นเองจะนำทางเราไปสู่ความสุขอันไม่มีประมาณ ดังเรื่องเล่าจากประสบการณ์ภายในของพระธรรมกายเหล่านี้

 



 

 

      "อาตมาดีใจมาก ๆ ที่ได้มาบวชในโครงการ ๑ แสนรูป รุ่นที่ ๓ ซึ่งการบวชครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๓ ในชีวิตเช่นกัน ครั้งที่ ๑ อาตมาเคยบวชอยู่ ๑๕ วัน ซึ่งเป็นการบวชตามประเพณี ครั้งที่ ๒ บวชที่วัด ต่างจังหวัด ตอนนั้นไม่ได้ศึกษาธรรมะได้แต่ฝึกสมาธิ แบบนั่งเพื่อให้ได้ฤทธิ์ เคยนั่งสมาธิหน้าโลงศพที่มีศพอยู่จริง ๆ นั่งจากเที่ยงคืนไปจนถึง ๖ โมงเช้า จิตนิ่งดีมาก ๆ ตอนนั้นบวชได้เกือบปี แต่สุดท้ายก็ลาสิกขาออกไปมีครอบครัว

       "ก่อนบวชอาตมาทำงานในผับแห่งหนึ่ง ย่าน ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ อยู่กับภรรยาซึ่งเป็น ผู้จัดการผับ ส่วนอาตมาอยู่ประจำที่เคาน์เตอร์บาร์น้ำ คอยจัดเครื่องดื่มให้พนักงานเอาไปเสิร์ฟแขกที่ โต๊ะ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุไรเหมือนกันว่า ตั้งแต่สึกออกมา ชีวิต วนเวียนอยู่กับคนผิดศีล ทั้งอบายมุข เหล้า บุหรี่ อาตมาอยากหนีออกมาจากตรงนั้นมาก แต่ก็หนี ไม่พ้น คงเป็นเวรเป็นกรรม แล้วต่อมาก็ทะเลาะกับภรรยาบ่อย ๆ เพราะเธอชอบดื่มเหล้า วันหนึ่งเราทะเลาะกันหนักมาก อยู่ในอารมณ์ที่ทั้งเบื่อ ทั้งเซ็ง และคิดเสียใจว่า "ฉันไม่น่าสึกออกมาเลยจริง ๆ"ž เริ่มรู้สึกว่านี่ไม่ใช่โลกของเรา คิดถึงผ้าเหลืองอย่างจับใจ อยากเป็นกบฏกับชีวิตทางโลกเสียแล้ว

        "วันหนึ่ง อาตมาได้เห็นป้ายชวนบวชพระโครงการ ๑ แสนรูปทั่วไทย แล้วคำว่า "บวชฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย"ž ก็ทำให้ยิ้มได้ ดีใจมากที่จะได้กลับไปห่มผ้าเหลืองอีกครั้ง จึงรีบโทรศัพท์ไปสมัครบวชทันที 

 



 

          "การได้บวชในโครงการนี้นับเป็นบุญมหาศาล ได้เรียนรู้ธรรมะมากมายอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เรียนรู้เรื่องกฎแห่งกรรม ได้ฝึกความเป็นพระแท้ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาบวช ไม่อย่างนั้นก็ยังอยู่ ที่บาร์น้ำ เตรียมเหล้าไปเสิร์ฟให้คนดื่ม นึกแล้วก็หวาดเสียว และสิ่งที่ทำให้มีกำลังใจในการฝึกฝนตนเองอย่างไม่ย่อท้อ คือ การได้นั่งสมาธิทุกวัน

          "อาตมานั่งสมาธิตามที่หลวงพ่อและพระอาจารย์สอน โดยเริ่มต้นจากทำใจสบาย ๆ ปิดตาเบา ๆ ไม่กดเปลือกตา แล้วก็ทำหน้ายิ้ม ๆ ทำแบบคนมีความสุข โดยเอาใจไปไว้กลางท้องเหนือ สะดือ ๒ นิ้วมือ และภาวนา "สัมมา อะระหังž" ไปเรื่อย ๆ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงในกะโหลกดัง...บึ้บ แล้วสมองก็โล่งไปเลย เย็นไปทั้งกะโหลก ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ตัวเบาเหมือนจะลอยได้ แล้วก็เห็นดวงแก้วเป็นลูกกลม ๆ ใหญ่ประมาณนิ้วหัวแม่มือ ลอยขึ้นมาในท้อง อาตมาดีใจมาก แต่พอจ้อง ดวงแก้วก็หายไป

          "พอมาฟังคุณครูไม่ใหญ่สอนในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาว่า "อย่าไปจ้อง ให้ทำเฉย ๆž" จึงรู้วิธี คราวนี้นั่งใหม่ พอเห็นดวงแก้วอีก ก็ทำ เฉย ๆ ยิ่งเฉย ใจก็ยิ่งนิ่ง ดวงแก้วก็ยิ่งใส ใสเหมือน น้ำ และมีแสงสว่างในตัวเองด้วย ตอนนั้นมีความสุขมาก สุขแบบอยากให้ทุกคนมีความสุขอย่างนี้ ...สุขดีที่หนึ่งเลย หลังจากนั้นก็ได้มาบรรพชาที่ วัดพระธรรมกาย ดวงแก้วก็ยังอยู่ตลอดเวลา อาตมา ปีติน้ำตาคลอทั้งวัน รู้สึกรักวัดพระธรรมกายมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จัก แต่เหมือนคุ้นเคยกับวัดมานาน



 

          "หลังจากบวชแล้ว ประสบการณ์ก็พัฒนาขึ้น วันหนึ่งขณะนั่งมองดวงแก้วอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนได้ เข้าไปอยู่ในดวงแก้วนั้น พอทำนิ่ง ๆ ก็เห็นองค์พระ ขึ้นมาเลย ไม่รู้ท่านมาอย่างไร เป็นองค์ใหญ่ครอบตัวไว้ แล้วตัวก็ลอย ๆ เบา ๆ ภาพของท่านก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ท่านมีเกตุเป็นรูปดอกบัวตูม มีจมูก โด่ง ๆ ผิวกายใสเหมือนน้ำ แล้วดวงแก้วก็ยังสว่างอยู่ในท้องด้วย พอลืมตาแล้วรู้สึกสดชื่นมาก ยิ้ม ได้คนเดียว มีแต่ความเบิกบานใจ ตอนนี้ทั้งดวงแก้ว และองค์พระก็ยังอยู่ ท่านอยู่กับอาตมาเสมอ เหมือน จะคอยสอน คอยเตือนตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันนี้ท่านก็ใสมากจนมองทะลุได้ และจะนึกให้ใหญ่ขึ้น ก็ได้ เล็กลงก็ได้ ดวงใจอาตมาเป็นสุขทั้งกลางวัน กลางคืนŽ"

 


 

          "ก่อนมาบวชอาตมามีอาชีพเป็นช่างเทคนิค รับติดตั้งจานดาวเทียมทุกชนิด ทุกยี่ห้อ รวมทั้งจานดาวธรรมด้วย และรับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดทั่วราชอาณาจักร อะไรเสียขอให้บอก ถ้ามาถึงมือ ..เป็นซ่อมได้ อาตมามาวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี โดยมากับคุณยายและแม่ แต่พอเริ่มทำงานก็ไม่ค่อยได้มา พออายุ ๒๘ ปี ได้ไปบวชอยู่ที่ วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ บวชนานถึง ๙ เดือน มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะ ได้นั่งสมาธิ ได้เดินธุดงค์ไปจังหวัดเชียงใหม่ แต่ด้วยความจำเป็นบางประการ จึงต้องลาสิกขา แต่ก็ยังนั่งสมาธิมาตลอด

          "โยมน้องสาวของอาตมาเป็นผู้นำบุญอยู่ที่ประเทศเยอรมนี เป็นประเภท "มาทุกครั้ง ทำทุกบุญ ถวายทุกอย่าง"ž เธอบอกว่า "อยากได้บุญบวช แต่บวชไม่ได้ž" จะขอให้อาตมาบวชแทน ส่วนโยมแม่ บอกว่า ไหน ๆ ก็เคยบวชมาแล้ว น่าจะบวชอีกสักที จะได้ลองนั่งสมาธิแบบวัดพระธรรมกายดูž ใจจริงอยากบวชให้โยมแม่อยู่แล้ว อาตมาเลยยิงคำถามกลับไปสั้น ๆ ๓ คำว่า บวชวันไหน?ž

          "อาตมาบวชด้วยความตั้งใจ จึงฝึกกิจวัตรทุกอย่างไม่ให้ขาด ไม่ให้บกพร่อง เพราะอยากให้โยมพ่อ โยมแม่ และญาติโยมทั้งหลายที่สนับสนุนโครงการ มีส่วนในบุญบวชครั้งนี้อย่างเต็มที่ พอมาอยู่ในโครงการ ได้นั่งสมาธิวันละ ๔-๕ เวลา ก็รู้สึกสนุกมาก อาตมาจะจัดวางร่างกายตามที่พระอาจารย์ สอน และวางใจสบาย ๆ ตั้งหลังให้ตรง แล้วก็กำหนดจิตให้นิ่ง ๆ โดยนึกเอาความรู้สึกไต่ไปตามฐานที่ ๑ ไปจนถึงฐานที่ ๗ ทำซ้ำไปซ้ำมา อยู่ ๆ ก็เห็นแสงสว่างพุ่งเข้ามาตรงหว่างคิ้ว ความสว่างที่เห็นมีลักษณะเป็นลูกกลม ๆ ใส ๆ เหมือนดวงแก้ว ใหญ่ประมาณนิ้วหัวแม่มือ อาตมาก็นึกให้ความสว่าง นั้นไหลลงไปในรูจมูก และสูดลมหายใจเข้า ทำความ รู้สึกให้ไหลขึ้นไปตามสันจมูก ไต่ไปเรื่อย ๆ ตามฐานต่าง ๆ ตอนนั้นสมาธิดีมาก ไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ร้อน ไม่หนาว ไม่ปวด ไม่ชา ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย พอมาถึงฐานที่ ๗ จิตก็จดจ่ออยู่ตรงนั้น ใจมันเบาสบาย โล่งไปหมด แล้วความสว่างก็ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ อยู่กับความสว่างจนหมดเวลา วันต่อมานั่งสมาธิอีกก็สว่างแบบเดิมอีก

          "จนผ่านไป ๑ สัปดาห์ ขณะที่จิตตั้งอยู่ในความสว่างตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อาตมาก็ เห็นจุดเล็ก ๆ ค่อย ๆ ก่อตัวขยายใหญ่ขึ้นเป็นวง ซ้อน ๆ กันขึ้นมา เป็นความสว่างซ้อนความสว่างที่อยู่ในความสว่าง ที่เคลื่อนตามกันขึ้นมาตลอดเวลา พอมองดูเฉย ๆ อยู่ ๆ ก็เห็นองค์พระเป็นเงา ราง ๆ พอเอาจิตไปจับ ภาพท่านก็ชัดเลย ลักษณะ ของท่านเหมือนพระแก้วมรกต ใหญ่ประมาณ ๑ ฝ่ามือ นั่งสมาธินิ่ง ๆ หลับตาปริ่ม ๆ พริ้ม ๆ มีสันจมูกโด่ง ผิวพรรณใสเป็นแก้ว คล้ายพระพุทธรูป ที่ทำมาจากเรซิน (resin) มีฉัพพรรณรังสีพุ่งออกมาจากกลางท้อง เป็นดวงกลม ๆ สว่าง ๆ ขยายซ้อน กันขึ้นมาตลอดเวลา ตอนนั้นรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่งที่มีแต่ความสงบ เย็นสบาย

          "พอลืมตาแล้ว องค์พระก็ยังอยู่ ท่านอยู่กับอาตมาตลอดเวลา เดี๋ยวนี้พอหลับตา ไม่ต้องไต่ความ รู้สึกไปตามฐานต่าง ๆ แล้ว อาตมาสามารถเอาจิต ไปตั้งนิ่ง ๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ได้เลย ถ้าใจ สงบดี องค์พระใส ๆ ก็จะมาเป็นปกติ ทำให้มีแต่ความปีติยินดี จิตใจปลอดโปร่ง ไม่มีความกังวลใจเลย "อาตมาภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ที่สามารถเอาใจไปสัมผัสกับองค์พระได้ เพียงแค่ทำใจนิ่ง ๆ และหลับตาลงเท่านั้นเองŽ"

 


 

          "ก่อนมาบวชอาตมาได้ไปทำกิจกรรมอาสาพัฒนา ช่วยเด็กยากจนที่โรงเรียนเก่า วันหนึ่งก็มีอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนไปพบท่านผู้อำนวยการ เพื่อขอให้ท่านช่วยตามคนไปบวช ท่านก็เลยให้อาตมาพาอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนไปหาคนที่มีแนวโน้มว่าน่า จะบวช ขณะที่กำลังเดินไปยังบ้านเป้าหมาย อุบาสิกา แก้วท่านหนึ่งก็พูดกับอาตมาว่า คนพาไปก็น่าจะสมัครบวชก่อนนะž อาตมาก็ตอบไปทันทีว่า ไม่บวช ครับž แต่เขาก็พูดชวนอีก บวชเถอะ บวชทดแทน คุณบิดามารดา แล้วบวชฟรีไม่ต้องใช้เงินพ่อแม่นะž อาตมาก็ชักจะลังเล พอกลับบ้านไปเล่าให้โยมแม่ฟัง โยมแม่ก็บอกว่า บวชเลยž อาตมาจึงโอเค เพราะตั้งใจจะบวชให้ท่านอยู่แล้ว

 


 

          "ตั้งแต่วันแรกที่เข้าโครงการ อาตมาพยายาม ฝึกฝนตัวเองทุกอย่าง เพื่อให้โยมพ่อ โยมแม่ และหมู่ญาติ ได้บุญกันเยอะ ๆ แล้วโครงการนี้ก็มี พระอาจารย์และพระพี่เลี้ยงที่ประเสริฐที่สุด ทุกรูปดูแลดีมาก แถมยังสอนนั่งสมาธิเก่งอีกด้วย วันแรกที่นั่งสมาธิ อาตมายังนั่งไม่ค่อยได้ เพราะนั่งทีไรจะ มีอาการวูบเหมือนโดนดึงขึ้นไป คล้ายถูกกระชาก อย่างแรง รู้สึกหวาดเสียวจนต้องลืมตา และถ้านั่ง นาน ๆ ก็จะปวดขา ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ พอวันที่ ๒ ของการอบรม พระอาจารย์เอาดวงแก้ว มาให้ดู สอนให้รู้จักศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ท่านบอกว่าเวลานั่งสมาธิให้ทำตัวสบาย ๆ แค่หลับตา ลงเท่านั้น อาตมามองดวงแก้วที่อยู่ในมือพระอาจารย์ นิ่ง ๆ พอหลับตาปุ๊บ ก็เอาภาพดวงแก้วมาใส่ไว้ในใจ ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ฟังเสียงพระอาจารย์ ไป ทำตามไปเรื่อย ๆ นึกให้มีเครื่องหมายบวกอยู่ ในท้อง เอาลูกแก้วไปวางไว้ตรงกลาง แล้วก็มองไปเรื่อย ๆ นิ่ง ๆ นึกอยู่อย่างนั้น แล้วอยู่ ๆ ก็เหมือน มีคนเอาไฟฉายมาส่องใส่ตา พอมองไปแสงนั้นก็สว่าง ขึ้น สว่างกว่าไฟฉาย แล้วความรู้สึกก็เหมือนกำลัง แหวกลูกแก้วออก ใจมันจ้องแต่ตรงนั้น ไม่มีความฟุ้งซ่านเลย แล้วก็เห็นดวงแก้วเยอะมาก ดวงแก้ว ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาข้างบนเรื่อย ๆ ตอนแรกรู้สึกตกใจ และแน่นหน้าอก เพราะกลัวดวงแก้วจะพุ่งขึ้นมาชน จึงลืมตา พอไปถามพระอาจารย์ ท่านก็แนะนำว่าให้ มองผ่านดวงแก้วเข้าไปเลย


          "คราวนี้พอนั่งใหม่ สักพักดวงแก้วก็มาแบบเดิม จึงมองผ่านดวงแก้วไปนิ่ง ๆ แล้วดวงแก้วก็ผ่าน ตัวไปอย่างแผ่วเบา รู้สึกเย็นไปทั้งตัว สบายมาก ๆ สดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอทำใจนิ่ง ๆ อีก ก็เห็นตรงกลางของดวงแก้วเป็นเศียรพระ มีดอกบัว ตูมสวยมาก ทีแรกก็สะดุ้งนิดหน่อย เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย พอตั้งสมาธิได้ก็มอง ผ่านเศียรพระไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ ก็เห็นเป็นองค์พระทั้งองค์เลย ตอนแรกก็ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง สลับไปสลับมา แล้วไม่นานก็หมดเวลา

          "ตั้งแต่นั้นมา อาตมาสามารถตัดเรื่องราวภายนอกได้ง่าย ไม่มีความกังวล หลับตาไม่นานก็เห็น องค์พระเลย แล้วนั่งทุกวันก็เห็นท่านชัดขึ้นทุกวัน จนตอนนี้เห็นชัดมาก ๆ องค์พระใหญ่ประมาณ ๑ คืบ นั่งสมาธินิ่ง ๆ อยู่ในตัว ท่านสวยมาก ใสมาก ใสเหมือนกระจก แล้วก็มีดวงแก้ววิ่งขึ้นมาตลอดเวลา บางดวงใหญ่มาก ล้อมตัวอาตมาไว้เลย ทำให้อาตมา รู้สึกเหมือนมีเกราะป้องกันตัว แล้วทั้งอาตมาทั้งองค์พระก็สว่างไสวไปหมด ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร เดินไปไหน ถ้าจิตใจไม่สั่นไหว ก็จะเห็นองค์พระได้ เสมอ อาตมารู้สึกว่าท่านยิ้มให้ตลอดเวลา เหมือนท่านคอยอาตมาอยู่ในศูนย์กลางกาย องค์พระทำให้ อาตมามีความสุขมาก มีจิตใจเบิกบาน ไม่เครียด ไม่วุ่นวายใจเลยŽ

          หยุดได้ จึงเห็นพระ ละได้ จึงเห็นธรรม อยากมีชีวิตที่ไร้ความทุกข์ พึงรู้จักนำใจไปสู่แหล่งแห่งความสุข ..แหล่งความสุขที่ว่านี้ อยู่ในกลางกายของเราทุกคน ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เหนือสะดือ ๒ นิ้วมือŽ สุขใจที่จะนิ่ง นิ่งอย่างเป็นสุข ณ ตำแหน่ง นั้น ความสุขอันเป็นนิรันดร์อยู่ใกล้ ๆ อยู่ในใจ ไม่ต้องเอื้อมจริง ๆ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล