ฉบับที่ 85 พฤศจิกายน ปี2552

ชีวิตที่งดงามที่สุดในโลก

คอลัมน์ท้ายเล่ม

เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์

 



 

ชีวิตที่งดงามที่สุดในโลก

        ผมมองดูลำต้นที่สูงใหญ่ ไล่สายตาขึ้นไปยังกิ่งก้านที่แผ่ขยาย มองดูใบดกหนาที่ให้ร่มเงาอันร่มรื่น ไม้ใหญ่ต้นนี้ทำให้ผมรู้สึกเย็นกายเย็นใจทุกครั้งที่เข้าใกล้ จนผมรู้สึกว่านี่คือต้นไม้ที่สวยงามที่สุดในโลก

           ความสวยงามที่ว่านี้ไม่มีรางวัลใด ๆ มารับรอง ไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมทางเดินภายในวัดต้นนี้ สำหรับผมความสวยงามนั้น อยู่ที่เขาได้คอยทำหน้าที่บังเปลวแดดที่ร้อนระอุ และบังฝนให้กับ พระภิกษุสงฆ์ที่เดินผ่านทุกวันอย่างต่อเนื่อง

           ผมมักได้ยินเรื่องราวของต้นไม้เสมอเมื่อเดินตามหลวงพ่อ ขณะที่เดินผ่านใต้ร่มไม้ใหญ่ ท่านบอกว่าต้นนั้นโตเคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่เริ่มสร้างวัด แล้วท่านก็ชี้ไปที่ไม้ต้นหนึ่ง ส่วนบางต้น มีอายุแก่กว่าผม เพราะปลูกตั้งแต่ผมยังไม่เกิด แต่มีอยู่ต้นหนึ่งที่หลวงพ่อรู้สึกเสียดาย เป็นต้นที่ปลูกคู่มากับวัด ได้ถูกพายุหักโค่นจนล้มเมื่อไม่นานมานี้ ความสูงใหญ่ของลำต้นพาดข้ามถนนเลยไปถึงรีมตลิ่งฝั่งตรงข้าม ในครั้งนั้นต้องระดมเจ้าหน้าที่มาช่วยกันขนย้ายออกไป โดยต้องเลื่อยออกเป็นท่อน ๆ เสียก่อน

           การจะตัดต้นไม้มักจะตัดในกรณีที่จำเป็น อย่างเช่นเมื่อต้นใดต้นหนึ่งล้มหรือตายจากไป และเมื่อตัดออกไปแล้วหลวงพ่อจะให้ปลูกต้นใหม่ขึ้นมาทดแทน

           บ่ายวันหนึ่งหลวงพ่อได้เดินมายังต้นไม้ที่สวยที่สุดในโลก ท่านหยุดและมองไปที่ไม้ใหญ่ต้นนี้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทุกสิ่งยังคงสวยงามเช่นเดิม แต่ที่เห็นในครั้งนี้แตกต่างไปจากเดิม

           ขณะที่ผมมองดูอยู่ก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อพูดขึ้นว่า "ถ้ายังมีไม้ต้นนี้อยู่ ถึงจะเป็นไม้ผุ ๆ เก่า ๆ คร่ำคร่าทรุดโทรม ใบไม่หนาแน่นมากเหมือนไม้หนุ่ม แต่เขาก็ยังมีร่มเงาให้" แล้วหลวงพ่อ ก็พูดถึงพระมหาเถระในวัดรูปหนึ่ง ที่อาพาธและเพิ่งมรณภาพไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านบอกว่า "สังขารของพระมหาเถระ ที่บุกเบิกสร้างวัดพระธรรมกายมาด้วยกันกับหลวงพ่อนี้ ก็เหมือนต้นไม้ ที่ผ่านกาลเวลา คร่ำคร่า ใบเหลือน้อย บังแดดบังฝนพอได้ แดดรั่วลงมาได้บ้าง แม้จะเป็นต้นไม้ที่ ผุ ๆ พัง ๆ แต่ก็ยังมีร่มเงา ยิ่งพอได้อยู่รวม ๆ กันเป็นหมู่ มันก็ครึ้ม ๆ กลายเป็นป่าที่อบอุ่นใจแก่หมู่ไม้ด้วยกัน"

           ผมดูลำต้นที่ก่อนนี้ยังเห็นยืนต้นเด่นเป็นสง่า มาบัดนี้ต้นไม้เหลือแต่ตอ

.....................

        ผมมองตอไม้และกองใบไม้แห้งที่ต้นไม้สวยที่สุดในโลก ฝากที้งไว้ให้ดูต่างหน้า ใบไม้แห้งเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นปุ๋ย ที่ส่งกำลังใจต่อให้กับไม้รุ่นที่กำลังจะโตตามมา และนี่คือความสวยงามสุดท้ายที่ผมได้เห็นจากไม้ต้นนี้

           ตลอดเส้นทางที่เดินจากกุฏิหลวงพ่อไปถึงหน้าโบสถ์ มักจะมีเรื่องราวของชีวิตสีเขียว ที่สวยงามเหล่านี้ให้ผมได้รับรู้อยู่เสมอ ยิ่งฤดูฝนย่างกรายมาเยือนด้วยแล้ว บรรดาต้นกล้าอ่อน ๆ ต่างก็แตกชำแรกแทรกดินขึ้นมาอย่างร่าเริง ทุกต้นเจริญงอกงามมีชีวิตชีวา หลวงพ่อย้ำว่า ให้ช่วย กันดูแลให้ดี ๆ รอให้แข็งแรงโตดีแล้วค่อยมาขุดนำเอาไปปลูก

         เป็นเรื่องธรรมดาของวงจรชีวิตที่ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากจากกันไปตามกาลเวลา แต่ตลอดนับสิบปีที่ผ่านฝน ผ่านหนาว ผลัดใบฤดูแล้วฤดูเล่า ผมยังมีโอกาสเห็นไม้ใหญ่อีกต้นหนึ่ง ที่ยังคงเข้มแข็งหยัดยืนอย่างอดทน สู้แตกใบใหม่ให้ร่มเงาเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนมาตลอดชีวิต เช่นนี้เป็นชีวิตที่น่านำเอามาเป็นแบบอย่าง

         เช่นเดียวกับเรื่องราวชีวิตของคนเรา ที่หลาย ๆ อย่าง ทั้งสังขารหรือความไม่สมบูรณ์ในปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยให้ได้สร้างบารมีอย่างสะดวก แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ได้มาเป็นกำแพงปิดกั้นหนทางที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า

       ทุกชีวิตย่อมพบเจออุปสรรคและฝ่าฟันความยากลำบาก แต่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ย่อมทำให้ชีวิตนั้นเข้มแข็งและงดงาม และความงดงามของชีวิตไม่ใช่แค่การมีเวลาดำรงชีพให้ยืนยาวเท่านั้น แต่ความงดงามอยู่ที่การได้ใช้เวลาที่มีทำให้เกิดคุณค่าสูงที่สุดแก่ชีวิต

           ชีวิตที่มุ่งสร้างคุณงามความดี หมั่นสั่งสมแต่บุญกุศลต่อเนื่อง ย่อมเป็นชีวิตที่งดงามที่สุด ในโลก

           ผมมองทิวแถวไม้ใหญ่น้อยต้นอื่น ๆ ที่ขึ้นเรียงรายตลอดแนวทางเดิน ผมเห็นหมู่ไม้ที่มีลำต้น กิ่งก้าน และใบที่ดกหนาแตกต่างกันไป แต่ทุกต้นต่างก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่

           ชีวิตที่เห็นอยู่นี้คือชีวิตที่งดงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

...................

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล