ฉบับที่ 48 ตุลาคม ปี 2549

ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ๒๖๖ วัด

พุทธบุตร ๒๖๖ วัดภาคใต้

เรื่อง : นักข่าวหัวเพชรลูกพระธัมฯ

 

 

 

              มูลนิธิธรรมกายและวัดพระธรรมกาย ได้จัดพิธีถวายสังฆทานแด่คณะสงฆ์ ๒๖๖ วัดและ พิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ในเหตุการณ์ความไม่สงบ ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ ๑๖ จัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ ณ หอประชุมโรงเรียนเบญจมราชูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยพิธีในช่วงเช้ามีการทำบุญตักบาตรอาหารแห้ง และช่วงสายมีรายการเสวนาธรรม หลังจากนั้นเป็น พิธีถวายจตุปัจจัยไทยธรรมเป็นสังฆทาน อีกทั้งได้มอบเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่ ทหารและตำรวจที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่แห่งนี้อีกด้วย

พระครูโสภณชัยรัต เจ้าอาวาสวัดชัยรัตนาราม (วัดบ้านไทย) อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

            งานในวันนี้ได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณพระอุดมธรรมคณี เจ้าคณะจังหวัด ปัตตานี มาเป็นประธานสงฆ์ และมีคุณพรรณี แก่นสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คุณวินัย คุรุวรรณพัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี อีกทั้งในงานนี้ มีพุทธบริษัท ๔ ทั้งใน ๔ จังหวัดภาคใต้และที่ เดินทางมาจากต่างจังหวัด มาร่วมงานกันอย่างคึกคักเบิกบานบันเทิงบุญ ได้บุญใหญ่กันถ้วนหน้า

              ฉบับนี้เรามาทำความรู้จัก และเยี่ยมเยือนพระสงฆ์ผู้ทุ่มเท และหยัดสู้ เพื่อความคงอยู่ของ พระพุทธศาสนาในดินแดนจังหวัดนราธิวาสกัน

              พุทธบุตรรูปนี้ท่านทำหน้าที่เจ้าอาวาส เป็นผู้นำในการสร้างความดี สร้างบุญบารมี ของชาวบ้าน ในแถบใกล้เคียงกับพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง พื้นที่ สีแดง ท่านมีนามว่า พระครูโสภณชัยรัต พรรษา ๑๖ เจ้าอาวาสวัดชัยรัตนาราม (วัดบ้านไทย) อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ท่านได้เมตตาเล่าถึง ความเป็นอยู่ในสถานการณ์ที่หาความความปลอดภัยได้ยากยิ่งให้ฟังว่า

 

                 "อาตมาไม่ใช่คนในพื้นที่ บวชที่กรุงเทพฯ มาอยู่ที่นี่ ญาติโยมไปนิมนต์มาอยู่ได้ ๗ ปีแล้ว เมื่อก่อนทุกคนอยู่ด้วยความอุ่นใจ ตอนนี้หลายอย่างมันเปลี่ยนไปตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นในพื้นที่ เป็นระยะเวลา ๒ ปีแล้วที่ออกไปบิณฑบาตไม่ได้ ชาวบ้านบอกว่า มันไม่คุ้มกันที่จะเอาชีวิตไปแลก เขาเป็นห่วงกัน ชาวบ้านที่เป็นชาวพุทธมีไม่มากก็จริง แต่เขาก็แบ่งวันกันที่จะหมุนเวียนนำอาหารมาถวายที่วัด"

                   มีหลายครัวเรือนตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มา ได้ย้ายถิ่นฐานไปเพราะความกลัว หลวงพ่อท่านก็เป็น รูปหนึ่งที่มีสิทธิ์จะย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ แต่เพราะอะไร ณ วันนี้ยังมีท่านอยู่อย่างสง่างามในพื้นที่วัดแห่งนี้ "อาตมามีญาติจากกรุงเทพฯ และที่ราชบุรีบ้านเกิดมานิมนต์ให้กลับไปอยู่ เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย อาตมาบอกว่า ทิ้งญาติโยม ทิ้งชาวบ้านที่นี่ไปแล้วเขาจะอยู่อย่างอุ่นใจได้ยังไงถ้าไม่มีพระ อีกทั้งวัดก็จะร้างไปถ้าพระไม่อยู่ จึงอยากรักษาวัด รักษาพระพุทธศาสนาไว้ ยังไงเสียเราอุทิศชีวิตนี้ให้กับพระพุทธศาสนาแล้ว เป็นพุทธบุตรแล้ว จะตายไปก็ไม่เป็นไร ยอมตายไม่ยอมถอย เมื่อมีเหตุให้ต้องไปกิจนิมนต์ข้างนอก อาตมาก็จะรับเพราะ อยากไปทำหน้าที่ ของพระ แต่ก็จะระมัดระวังตัวมากขึ้น"

                 

            หลวงพ่อเป็นพระรูปหนึ่ง ที่ประสบกับเหตุการณ์ ถูกปองทำร้ายและไม่ต้องการให้พระอยู่ที่นี่
"ตอนต้นปี พ.ศ. ๒๕๔๙ นี้มีเหตุการณ์ โยนระเบิดกระสุนเข้ามาหลังโบสถ์ ดีนะที่โดน ต้นมะพร้าวไม่มีใครเป็นอะไร ส่วนทุกๆ เดือน ทุกวัน ก็ได้ยินคำขู่ให้ระหวาดระแวงตลอดเวลา เขาต้องการไม่ให้พระอยู่ในพื้นที่นี้ พยายามสร้างกระแสให้ออกไปให้ได้ ยิ่งในช่วงนี้เป็นงานทำบุญเดือนสิบของชาวบ้าน ก็มีการแจ้งมาว่า ให้ระวัง ลูกระเบิดอยู่ในปิ่นโต บางวัดก็โดนมาแล้ว และพระผู้ใหญ่ก็แจ้งมาว่า ปลายปีนี้จะวางระเบิดในวัดประมาณ ๒ วัดในปลายปีนี้ที่ จ.นราธิวาสอีก ตอนนี้จะรับสังฆทานจากใครก็ต้องดูหน้ากันก่อนว่าเป็นใคร ถ้าคนไหนชาวบ้านไม่รู้จัก ก็จะไม่ออกไปรับ บรรยากาศของการสร้างบุญมันเปลี่ยนไปมากทีเดียว แม้กระทั่งเทศกาลกฐิน เจ้าภาพกฐินของแต่ละวัดก็หายากมาก เพราะเขาไม่กล้ามาทำบุญกัน"

              ท่านได้เล่าถึงการจัดงานถวายไทยธรรม ทั้ง ๒๖๖ วัดใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ หมู่คณะวัดพระธรรมกายว่า

              "เมื่อเกิดเหตุการณ์กับวัดและพระ มีหลายหน่วยงานพยามมาเยี่ยมเยือนและช่วยเหลือ แต่ทำไมเมื่อเวลาผ่านไป ยังไม่เห็นจะมีหน่วยงาน นั้น มาให้การช่วยเหลืออย่างที่ตั้งใจเอาไว้เลย ถ้าไม่ได้วัดพระธรรมกายมาให้ความช่วยเหลือ ก็คงไม่มีใครคิดจะมาเหลียวแล และตอนนี้ทหารในวัดเล่าให้ฟังว่า มีการสั่งห้ามไม่ให้ทหารมาคุ้มครองพระในวัดอีก ให้ถอยกำลังออกไป แล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้พระท่านจะมีใครมาสนใจดูแลอีก การสร้างบุญ ทำบุญ ของหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย ท่านทำถูกต้องที่สุดเลย ท่านนำไทยธรรมมาถวายถึงที่ ถึงเจ้าอาวาส และถึงพระลูกวัด โดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานอื่นใดเลย ไทยธรรมไม่ตกๆ หล่นๆ หายไปไหน ได้รับกันอย่างทั่วถึงทุกวัด ทุกรูป ต่อเนื่องทุกเดือน ไทยธรรมที่ได้มาช่วยได้มาก แต่ละเดือนก็ไม่ซ้ำกันเลย บางเดือนก็เป็นกระติกน้ำร้อน บ้างก็เป็นพัดลม และเครื่องไทยธรรม อีกมากมาย ปกติอาตมาต้องหาปัจจัยมาซื้อเอง แม้กระทั่งธูปเทียนก็ต้องหาซื้อมาเพื่อใช้ในพิธีกรรม"

              หลวงพ่อท่านเล่าถึงเหตุการณ์ ที่ทำให้เมื่อนึกถึงแล้วปีติใจลืมไม่ลง " เมื่อวันก่อนอาตมาได้เดินทางมา ร่วมงานมุทิตาพระที่สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ที่วัดพระธรรมกาย ในวันที่ ๖ สิงหาคม เห็นพระสงฆ์เป็นจำนวนมาก ไม่เคยได้พบได้เห็นพระ มากมายอย่างนี้เลย ปลื้มใจ ถ้าวัดพระธรรมกาย ไม่ได้จัดงานรวมสงฆ์ขึ้น ก็คงไม่มีโอกาสได้พบ ได้เห็นอย่างแน่นอน อีกทั้งหลวงพ่อธัมมชโย ท่านถือว่าเป็นบุคคลที่ให้ความสำคัญ ยกย่องพุทธบุตร ใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก ท่านนิมนต์ให้พระสงฆ์ทุกรูป หมดทุกวัดในพื้นที่แห่งนี้ รวมแล้วจำนวน ๒๖๖ วัด ให้มาร่วมงานครั้งนี้ด้วย และยังได้มีโอกาสได้ถ่ายรูปร่วมกับหลวงพ่อท่านอีกด้วย แม้ตัวอาตมาจะไม่มีโอกาสได้เห็น ได้พูด กับท่านอย่างใกล้ชิดเพราะยืนอยู่แถวหลัง แต่ก็ส่งใจระลึกนึกถึงความเป็น ผู้ให้ของหลวงพ่อธัมมชโย ท่านที่มีต่อพระสงฆ์ในพื้นที่นี้ตลอด ท่านไม่เคยทิ้งพระที่นี่เลย ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากครับ วันหน้าผมจะมาเยี่ยมท่านอีก"

              ใครสักคนหนึ่งที่มิได้มีบ้านเกิดเมืองนอนในพื้นที่แห่งนี้ แต่มีหัวใจของผู้ให้ เดินทางไกลมา ปักหลักเป็นที่พึ่งให้ทุกชีวิตที่อาศัยอยู่แห่งนี้ ใน สถานการณ์เช่นนี้ หาใครจะคิดทำอย่างนี้นั้น หาได้ยากยิ่ง แต่ ณ วันนี้ชาวพุทธใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับเป็นผู้มีความโชคดีเป็นที่สุด พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ได้พุทธบุตรที่แท้จริง อย่างพระครูโสภณชัยรัต มาเป็นเนื้อนาบุญที่ ประเสริฐ ท่านเป็นหลักใจและไม่เกรงกลัวต่อมรณภัย ใจของท่านแกร่งยิ่งกว่าเพชรทั้งโลกมารวมกัน ท่านเป็นต้นแบบให้ลูกหลานชาวไทย พุทธบริษัท ๔ ทั่วโลกได้เดินรอยตามและเป็นกำลังทำนุบำรุง พระพุทธศาสนาให้คงอยู่เป็นที่พึ่งให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไป

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล