ฉบับที่ 68 มิถุนายน ปี 2551

พระธรรมเทศนา : การพึ่งพระรัตนตรัย

พระธรรมเทศนา

 

 

 

    ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อนว่า มนุษย์มองเห็นคุณค่า คุณประโยชน์ รวมทั้งคุณความดีของสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มากน้อยไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังสติปัญญาของแต่ละบุคคล

      ในสมัยพุทธกาล พระสารีบุตรเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่า สามารถสรรเสริญพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ลุ่มลึกมากที่ สุดในบรรดาพระอรหันต์ทั้งหลาย แต่ถึงกระนั้นพระสารีบุตรเองท่านก็ ได้อุปมาเกี่ยวกับการสรรเสริญ คุณของพระพุทธองค์ไว้ว่า หากเอาก้นเข็มหย่อนลงไปในแม่น้ำคงคาในฤดูน้ำหลาก ปริมาณน้ำที่ผ่านรูเข็มมีจำนวนน้อยนิด เมื่อเทียบกับน้ำที่ไหลบ่าอยู่ ในแม่น้ำคงคา ฉันใด คำสรรเสริญ ที่พระสารีบุตรกล่าวสรรเสริญพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเมื่อเทียบกับพระคุณที่มีอยู่จริงของพระองค์ท่านแล้ว คำที่พระสารีบุตรได้กล่าวไว้ มีเพียงน้อยนิดอุปมา เหมือนน้ำที่ไหลผ่านก้นเข็มเท่านั้น

     วันนี้หลวงพ่อจึงถือโอกาสขยายความคำว่า "พระรัตนตรัย" เพื่อให้พวกเราได้เข้าใจลุ่มลึกไปตามลำดับๆ ซึ่งคงไม่อาจเทียบ ความสามารถในการอธิบายขยายความได้เท่ากับพระสารีบุตรหรือพระเถระในอดีต แต่ว่าอย่างไรก็ตามย่อม จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเราในการที่จะศึกษาธรรมะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป

การอธิบายความหมายของพระรัตนตรัย

       พระรัตนตรัย หมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในที่นี้จะแบ่งระดับการให้ความหมายตามความลุ่มลึก และตามกำลังสติปัญญาของผู้ศึกษาที่จะสามารถตรองตามได้เป็น ๓ ระดับด้วยกัน ได้แก่

ระดับที่ ๑ อธิบายให้เด็กๆ ลูกหลานเข้าใจได้ง่ายในเบื้องต้น เป็นการปลูกฝังพระพุทธศาสนาไว้เป็นพื้นฐานใจ

ระดับที่ ๒ เมื่อลูกหลานโตขึ้นมาพอสมควรและได้ศึกษาประวัติพระพุทธศาสนามาบ้างแล้ว การอธิบายความหมายในระดับนี้ จะทำให้เข้าใจความหมายของพระรัตนตรัยได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ระดับที่ ๓ อธิบายความหมายในเชิงลึก ซึ่งหากมีพื้นฐานความรู้จากตำรับตำราอย่างเดียวจะไม่เข้าใจความหมายในระดับนี้ ต้องลงมือประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง จึงจะสามารถเข้าใจความหมายในระดับนี้ได้ด้วยตนเอง

ความหมายของพระพุทธ

ระดับที่ ๑ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเบื้องต้น หมายถึง รูปเคารพที่เป็นตัวแทนของพระองค์ท่าน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป ที่หล่อด้วยโลหะ แกะสลักจากรัตนชาติ ปั้นด้วยปูน ดินเหนียว ดินเผา รวมไปถึงรูปวาดด้วย นี้คือความหมายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เด็กจะเข้าใจได้ง่าย

ระดับที่ ๒ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หมายถึง มหาสมณะชาวอินเดียเมื่อสมัย ๒,๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา พระองค์ท่านเป็นชาวอินเดีย ประสูติในตระกูลกษัตริย์ มีชื่อว่า เจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์ทรงเห็นว่า โลกนี้เป็นเหมือนทะเลทุกข์ ทรงสงสารชาวโลกที่ตกอยู่ในทะเลทุกข์เช่นเดียวกับพระองค์ จึงทรงมุ่งที่จะหาทางแก้ทุกข์ให้กับตนเองและมหาชน

      พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า การที่จะแก้ทุกข์ให้กับพระองค์เองและชาวโลกได้มีอยู่ทางเดียว คือ การบำเพ็ญเพียรทางจิต จากนั้นพระองค์จึงเสด็จเข้าป่า ทรงออกบวชเพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิต รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา กลั่นกาย วาจา ใจ ของพระองค์ให้ใสบริสุทธิ์ไปตามลำดับๆ จนกระทั่งทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงค้นพบวิธีดับ ทุกข์ของสัตวโลกได้สำเร็จ จากนั้นจึงทรงสั่งสอนทั้งมนุษย์และเทวดาให้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนที่พระองค์ทรงค้นพบ
เพื่อที่จะได้พ้นจากความทุกข์ตามพระองค์ไป

   ระดับที่ ๓ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในระดับนี้ ที่เราเรียกกันว่า พุทธรัตนะ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงเป็นรัตนะเป็นๆที่สถิตอยู่ภายในกายของมนุษย์ทุกคน เป็นรัตนะอันประเสริฐ สามารถช่วยดับทุกข์ได้จริง เห็นได้ด้วยการปฏิบัติสัมมาสมาธิ ในพระไตรปิฎกมีบันทึกว่า เรียกว่า พระธรรมกาย ตรงนี้เป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง มิใช่แต่จะเพียงอ่านตำรับตำราแล้วจะเข้าใจได้ จะต้องลงมือประพฤติปฏิบัติธรรมกันมากพอสมควรทีเดียวจึงจะสามารถเข้าใจได้

ความหมายของพระธรรม

   ระดับที่ ๑ พระธรรมในเบื้องต้น คือ พระไตรปิฎกที่พิมพ์ออกมาเป็นเล่ม จารึกข้อความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาบาลี ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ ก็ตาม ซึ่งพอที่จะทำให้เด็กมองเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนเพื่อจะได้นำมาสวด ท่อง หรืออ่าน ทำให้ซาบซึ้งขึ้นมาได้อีกระดับหนึ่ง

     ระดับที่ ๒ พระธรรม หมายถึง คำตรัสที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีก่อนแต่ในยุคนั้นเราไม่มีเครื่องมือและเทคโนโลยีอย่างปัจจุบัน พอที่จะบันทึกเสียงของพระองค์เอาไว้ได้ เพราะฉะนั้นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ จึงตกทอดมาถึงรุ่นปัจจุบันด้วยการอาศัยบุคคลในยุคนั้น ซึ่งได้แก่ พระอรหันต์ทั้งหลายที่ท่านได้ฟังคำสั่งสอนมาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ได้เล่าถ่ายทอดต่อๆ กันมา ภายหลังจึงได้จารึกเป็นตัวอักษรดังปรากฏในพระไตรปิฎก พระธรรมทั้ง ๒ ระดับนั้น ยังไม่เป็นรัตนะจริง ยังเปื่อย ผุพัง ละลายหายไปได้ ทั้งที่เป็นตัวอักษรเขียนจารึกไว้ ไม่ว่าจะในกระดาษ หรือจารึกไว้ในแผ่นศิลา สิ่งเหล่านี้ย่อมมีการแตกทำลายไปได้ และส่วนที่เป็นคำตรัสก็ไม่มีผู้ใดสามารถบันทึกเก็บไว้ได้

     ระดับที่ ๓ พระธรรมในระดับนี้ หมายถึง สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงเห็นด้วยตาธรรมกาย เมื่อพระองค์ทรงปฏิบัติธรรมจนกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกายในตัวแล้วพระองค์ทรงเห็น ทรงรู้หนทางดับทุกข์ จนกระทั่งนำมาตรัสสอนสรรพสัตว์พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านได้กล่าวเอาไว้ในเรื่องพระธรรมว่าพระธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงไปรู้ไปเห็นด้วยตาธรรมกาย มีลักษณะเป็นดวงใสสว่างอยู่ในศูนย์กลาง กายของธรรมกาย แสงสว่างแห่งพระธรรมซึ่งเป็นรัตนะภายในนั้นมากมายมหาศาล สว่างยิ่งกว่าเอาตะวันเที่ยง มาเรียงเป็นดวงๆ เต็มท้องฟ้า

    ตรงจุดนี้ เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องไปประพฤติปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ เพื่อให้ใจหยุดใจนิ่ง แล้วไปรู้ไปเห็น ไปพิสูจน์เอาเอง ท่านได้แต่ชี้แนะและชี้ทางโดยให้นัยว่าเมื่อปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ได้ถูกส่วนแล้ว ใจย่อมหยุดนิ่ง แล้วเกิดการเห็น การรู้ภายในขึ้นมา ตรงนี้พวกเราจะต้องไปปฏิบัติเอาเองและพระธรรมในระดับที่ ๓ นี้เมื่อปฏิบัติจนกระทั่งเห็นแล้ว รู้แล้ว จึงจะเป็นที่ปลอดทุกข์ของเราได้จริง เป็นที่พึ่งที่จะนำเราไปสู่พระนิพพาน

ความหมายของพระสงฆ์

   ระดับที่ ๑ พระสงฆ์ หมายถึง พระภิกษุธรรมดาที่เดินบิณฑบาตให้พวกเราได้ใส่บาตรกันอยู่ทุกวันนี้ เดิมท่านก็เป็นลูกชาวบ้าน มาบวชแล้วก็ยังต้องฝึกหัดขัดเกลาตนเองอยู่ พระสงฆ์ในระดับนี้ท่านพอจะเป็นที่พึ่งให้เราได้ในระดับหนึ่ง คือ ท่านทำหน้าที่เป็นครูสอนศีลธรรมให้กับพวกเรา ให้คำแนะนำได้ว่า สิ่งใดดี สิ่งใดชั่ว สิ่งใดผิด สิ่งใดถูกสิ่งใดเป็นบุญ สิ่งใดเป็นบาป สิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ แต่ท่านเองก็ยังไม่ได้หมดกิเลส ท่านยังมีหน้าที่ส่วนตัวของท่านอีก นั่นคือจะต้องปราบกิเลสในตัวของท่านต่อไป จนกว่าจะหมดกิเลสจนสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ

   ระดับที่ ๒ พระสงฆ์ หมายถึง พระอริยสงฆ์ ซึ่งโดยทั่วไปก็หมายถึงพระอรหันต์ คือ พระภิกษุสงฆ์ที่หมดกิเลสตา มพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแล้วตั้งแต่ครั้งสมัยพุทธกาล ส่วนในปัจจุบันนี้จะมีอยู่ที่ไหนหรือไม่นั้น เราไม่ทราบ
ทราบแต่ว่าในสมัยพุทธกาล พระอริยสงฆ์เหล่านั้น ปรากฏจารึกชื่อไว้อยู่จำนวนมาก เช่น พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระอานนท์ พระโกณฑัญญะ เป็นต้น

      ท่านเหล่านี้ได้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วท่านสามารถฝึกใจของท่าน ให้หยุดนิ่งเข้าถึงพระธรรมกายในตัวเห็นธรรมรัตนะ และทุกสิ่งทุกประการตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปราบกิเลสให้หมดสิ้นไปได้ แล้วท่านก็ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดให้เป็นทุกข์อย่างพวกเราอีกต่อไป พระสงฆ์ในระดับที่ ๒ นี้ท่านทรงพระคุณต่อเราอย่างยิ่ง เพราะได้ถ่ายทอดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตกทอดเป็นมรดกธรรมมาจนถึงคนรุ่นหลังระดับที่ ๓ พระสงฆ์ หมายถึง พระธรรมกายที่มีอยู่ในตัวของพระอริยสงฆ์ในสมัยพุทธกาล รวมถึงธรรมกายในธรรมกายซึ่งก็มีอยู่ในตัวของพวกเราทุกคนด้วย พระสงฆ์ในระดับนี้เป็นพระสงฆ์ในระดับสูงสุด เป็นสังฆรัตนะ แต่ก็เป็นสิ่งที่เราสามารถเข้าถึงได้ โดยการประพฤติปฏิบัติตามหลักมรรคมีองค์ ๘ ให้ใจหยุดใจนิ่งเมื่อใจหยุดใจนิ่งแล้ว แต่ละคนก็จะไปรู้ไปเห็นด้วยตัวของตัวเองได้

      การที่เราชาวพุทธเปล่งวาจาถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก ถ้าจะให้ได้ที่พึ่งที่ระลึกเป็นแนวทาง ประพฤติปฏิบัติในเบื้องต้น ก็หมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ในระดับต้น สูงขึ้นมาอีกหมายถึง พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ในระดับกลาง และถึงที่สุด หมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่เป็นรัตนะภายใน คือพระธรรมกายในตัวของพวกเรา

      เมื่อพวกเราเข้าใจความหมายและความสำคัญของพระรัตนตรัยอย่างนี้แล้ว หลวงพ่อก็ขอให้ลูกทุกคนตั้งใจทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยกรองและกลั่นกาย วาจา ใจของเราให้สะอาด บริสุทธิ์ ผ่องใสขึ้นตามลำดับๆ ใครทำให้กาย วาจา ใจ ผ่องใสได้มากขึ้นเท่าไร ก็จะคิดดี พูดดี ทำดีไปได้ในระดับนั้นๆ เมื่อตัวเราดำเนินชีวิตไปในเส้นทางของความดีงาม อันเกิดจากการที่เรามีพระรัตนตรัยเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและผลจากการน้อมนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติก็จะเป็นบุญกุศลที่ย้อนกลับมาหล่อเลี้ยงใจ คุ้มครองพวกเราให้สุขทั้งกาย สุขทั้งใจให้ครอบครัวของเราและทุกคนที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูกหลานว่านเครือ ก็พลอยร่มเย็นเป็นสุขตามเราไปด้วยเท่ากับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างบารมีของเราให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งนี้ก็เพราะเราทุกคนมีพระรัตนตรัยเป็นหลักใจนั่นเอง

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล