ฉบับที่ 59 กันยายน ปี 2550

สะพานเชื่อมบุญ สู่ที่สุดแห่งธรรม

ชาดก
เรื่อง : พระมหาเสถียร วุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙

"ผู้ใดมีจิตเลื่อมใส บันเทิงแล้วถวายวิหาร
อันเป็นเหตุแห่งภพและโภคะที่น่ารื่นรมย์ยิ่งแห่งใจแก่ท่านผู้มีคุณ
มีศีลเป็นต้น อันเกิดแล้ว ผู้นั้นท่านเรียกชื่อว่าผู้ให้ทุกอย่าง"
(พุทธพจน์)
        การทำบุญวิหารทานเป็นสังฆาราม เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ เพราะเป็นการอำนวยความสะดวกแด่พระสงฆ์
ผู้ประพฤติธรรม มุ่งขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปและมีอานิสงส์ใหญ่ การที่จะบำเพ็ญสมณธรรมให้ได้สะดวกนั้น ก็ต้องอาศัยสถานที่
ที่เป็นสัปปายะเหมาะสมต่อการทำความเพียร เพราะพระสงฆ์ได้สละความสุขทางโลก เพื่อมาแสวงหาสาระที่แท้จริงในทางธรรม มุ่งทำพระนิพพาน ให้แจ้ง จึงไม่สะดวกที่จะมาก่อสร้าง จำเป็นต้องอาศัยพุทธศาสนิกชนช่วยกันเป็นกำลังส่งเสริมสนับสนุนให้ท่าน
ประพฤติธรรมได้โดยไม่ต้องเดือดร้อนเพราะฉะนั้น ผู้ถวาย วิหารแด่สงฆ์ ท่านจึงกล่าวว่า เป็นผู้ให้ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และ
ปฏิภาณผลบุญอันไม่มีประมาณจะเกิดขึ้น กับผู้กระทำ ทำให้มีความสุขในทุกสถาน สมบูรณ์ด้วย มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ นิพพานสมบัติและจะเป็นประดุจสะพานเชื่อมบุญ หนุนนำให้เราสร้างบารมีไปถึง ที่สุดแห่งธรรมอย่างสะดวกสบาย

สัญลักษณ์ความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา

         ศาสนวัตถุหลักๆ ในทางพระพุทธศาสนาที่จำเป็นต้องสร้าง เพื่อจะได้เป็นที่บำเพ็ญสมณกิจของ พระสงฆ์และเป็นที่สร้างบุญ
กุศลของพุทธศาสนิกชน มีเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่

อุโบสถ : เป็นที่ทำสังฆกรรม เช่น พิธีอุปสมบท สวดปาฏิโมกข์ พิธีกรานกฐิน เป็นต้น

วิหาร หรือศาลาการเปรียญ : เป็นศูนย์กลางการถวายทาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือฟังธรรมของสาธุชน

กุฏิ : เป็นที่พักของสงฆ์

เจดีย์ : เป็นสถานที่ให้เหล่าพุทธบริษัทได้ มาสักการบูชา เป็นการเจริญพุทธานุสติ รำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้ปรินิพพาน
นานแล้ว

        ศาสนวัตถุเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่า พระพุทธศาสนาจะปักหลักมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง เป็นที่พึ่งของมนุษย์และเทวดา
การมีโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ หรือเจดีย์ แสดงว่า พระพุทธศาสนา ได้เจริญรุ่งเรืองในอาณาบริเวณนั้น ผู้ที่มีส่วนใน
การก่อสร้างถาวรวัตถุเหล่านี้ แม้จะเป็นเพียงตะปู สักตัวหนึ่ง ไม้สักแผ่นหนึ่ง อานิสงส์อันไพศาลก็ย่อมบังเกิดขึ้น
พระพุทธองค์ตรัสว่า "จะให้คนนับหมื่นช่วยกันพรรณนาอานิสงส์การถวายวิหารจนตลอดชีวิตก็พรรณนาไม่หมด"เพราะบุญที่เกิดขึ้นนั้นมากมายเกินควรเกินคาดทีเดียว เหมือนดังเรื่องของ พระราชามหากัปปินะผู้ได้เคยสร้างวิหารถวายสงฆ์
เอาไว้ ทำให้ท่านได้บรรลุนิรามิสสุข เข้าถึงธรรมได้ อย่างง่ายดาย

ผู้ได้ชื่อว่า : ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง

        เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า พระราชามหากัปปินะได้เกิดเป็นกุฎุมพีหัวหน้าของช่างหูกในกรุงพาราณสี
อาศัยการทอผ้าเลี้ยงชีวิต มีอยู่วันหนึ่ง มหาชนได้ป่าวประกาศให้ไปฟังธรรมกันในพระวิหาร กุฎุมพีได้ยินแล้วก็มีจิตเลื่อมใส จึงชักชวนภรรยาและเพื่อนบ้านไปฟังธรรมในขณะที่เดินทางไปนั้น ฝนได้ตั้งเค้าขึ้นอย่างฉับพลันแล้วก็ตกลงมาโดยที่ยังไม่ทันได้
ตั้งตัว

        ญาติโยมที่มีความคุ้นเคยกับพระภิกษุสามเณร รูปไหน หรือเคยได้ร่วมบุญสร้างศาลาหลังไหนเอาไว้ ก็พากันเข้าไป
พักพิงในศาลาเหล่านั้น เหลือแต่กุฎุมพี พร้อมด้วยภรรยาและเพื่อนๆ ที่ไม่กล้าเข้าไปหลบฝน ในศาลาหลังไหน เพราะว่าตนเอง
ไม่มีความคุ้นเคย และไม่รู้จักภิกษุสามเณรรูปใดเลย อีกทั้งยังไม่เคย ได้สร้างศาลาหรือวิหารเอาไว้ จึงได้แต่ยืนกางร่มอยู่ กลางแจ้ง

        ต้องเปียกปอนไปตามๆ กันหัวหน้าช่างหูกเป็นคนฉลาด ปรารภเหตุที่ ตัวเองต้องมายืนตากฝนอย่างนี้ จึงได้เอ่ยขึ้นว่า
ที่เราต้องยืนตากฝนเปียกปอนไปตามๆ กัน ก็เพราะเราไม่เคยได้ทำบุญสร้างศาลา หรือวิหารถวายวัดเลย เราควรร่วมมือ
ร่วมใจกันสร้างมหาวิหารหลังใหญ่สักหลังหนึ่ง จะได้อาศัยร่มเงาในบวรพระพุทธศาสนา เพื่อสร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องลำบากกันอย่างนี้ เกิดกี่ภพกี่ชาติจะได้มีที่อยู่อาศัย มีเสนาสนะไว้สำหรับประพฤติธรรมอย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องมายืน
เปียกฝนเช่นนี้อีกต่อไป

        เพื่อนๆ ได้ฟังอย่างนั้นก็เห็นด้วย จึงร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างวิหารให้ใหญ่กว่าของใครๆ ไว้ใน บริเวณวัดนั้น หัวหน้าช่าง
หูกได้บริจาคทรัพย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะ คนที่เหลือก็บริจาคกันคนละ ๕๐๐ กหาปณะ พวกผู้หญิงบริจาคคนละ ๒๕๐ กหาปณะ
แล้วเริ่มทำการก่อสร้าง หวังไว้ว่ามหาวิหารนี้จะ เป็นที่สร้างบารมีของหมู่คณะ แต่เมื่อทรัพย์ไม่เพียงพอในการก่อสร้าง
หัวหน้าช่างหูกก็เทกระเป๋าทุ่มสุดตัวสุดหัวใจ อีกทั้งภรรยาและเพื่อนๆ ก็ได้ทุ่มเท เช่นนั้นตามด้วย เพื่อให้การก่อสร้างสำเร็จทัน
ใช้งาน เมื่อสร้างสำเร็จก็ได้ทำการฉลอง ด้วยการถวายมหาทานแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ตลอด ๗ วัน
แล้วจัดจีวรถวายพระภิกษุจำนวน ๒๐,๐๐๐ รูป

        ฝ่ายภรรยาของหัวหน้าช่างหูก นอกจากจะทำบุญเหมือนคนอื่นๆ แล้ว ยังตั้งใจจะถวายทานที่พิเศษกว่าใครๆ จึงได้ถือเอา
ผอบดอกอังกาบ กับผ้าสาฎกที่มีสีเหลืองเหมือนดอกอังกาบ น้อมเข้า ไปถวายพระบรมศาสดา แล้วตั้งความปรารถนาว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอสรีระของหม่อมฉันจงมีสีดุจดอกอังกาบนี้ และขอให้หม่อมฉันจงมีนามว่าอโนชาด้วยเถิด" พระบรมศาสดาก็ได้ทรงอนุโมทนา


        ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หัวหน้าช่างหูกและเพื่อนๆ ก็เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า และหาโอกาสสั่งสมบุญ
เรื่อยมา ทำให้จิตผูกพันกับพระรัตนตรัย เมื่อละโลกไปแล้ว ด้วยอานิสงส์ที่ ได้ทำบุญถวายวิหารในครั้งนั้น ทำให้ได้ไปเสวย
ทิพยสมบัติในสวรรค์ถึงหนึ่งพุทธันดร เมื่อจุติจาก อัตภาพนั้น ก็มาบังเกิดในราชตระกูลในกุกกุฏวดีนครได้เป็นพระราชา
พระนามว่า มหากัปปินะ พระองค์มีมเหสีคู่บุญชื่อว่า อโนชา ซึ่งมีผิวพรรณเหมือนดอกอังกาบตามที่ปรารถนาเอาไว้

        ส่วนผู้ที่เคยร่วมบุญกันมาก็ตามลงมาเกิดเป็น อำมาตย์ ข้าราชบริพาร เพียงแค่ได้ยินถ้อยคำอันเป็น สิริมงคลว่า
พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน พระพุทธเจ้าอุบัติ ขึ้นแล้ว ก็เกิดมหาปีติซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ทั้งพระราชา มเหสี รวมไปถึง
เสนาอำมาตย์ ข้าราชบริพาร ต่างก็พร้อมใจกันเดินทางไปเข้าเฝ้า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทันที พระบรมศาสดา ทรงเห็นว่าพระราชา
และบริวารได้สั่งสมบุญมาดี เคย ถวายผ้าไตรจีวรเอาไว้มาก จึงประทานการบวชด้วย เอหิภิกขุอุปสัมปทา และในการฟังธรรมครั้งที่ ๒
ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ผู้ทรงอภิญญา เข้าถึง ความเต็มเปี่ยมของชีวิตกันหมดทุกคน


มหารัตนวิหารคด ศูนย์รวมเนื้อนาบุญจาก ทั่วโลก

        เราจะเห็นว่า การทำบุญถวายวิหารทานนี้ เป็นบุญใหญ่จริงๆ เพราะเป็นสถานที่รองรับผู้มีบุญ ที่จะมาสร้างบารมี
บุญนั้นเป็นบุญใหญ่ที่ส่งผล ข้ามภพข้ามชาติ ทำให้ได้ทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ เหมือนอย่างนายช่างหูก
ผู้พลิกผันชีวิตจากสามัญชนกลายมาเป็นพระราชา จากชีวิตปุถุชนคนธรรมดากลายมาเป็นพระอริยเจ้า ได้ บุญทุกบุญที่เรา
ได้ทำเอาไว้ดีแล้วนี้ประดุจเงาตามตัวที่สามารถติดตามตัวเราไปได้ทุกหนทุกแห่ง และทุกภพทุกชาติ โดยเฉพาะบุญใหญ่จาก
การสร้าง มหารัตนวิหารคดซึ่งเป็นศูนย์รวมของพุทธบุตร ผู้เป็น เนื้อนาบุญจากทั่วโลกหลายแสนรูป เป็นบุญพิเศษ ที่หาทำได้โดยยาก

       ผู้ได้สร้างมหารัตนวิหารคด... คือผู้สถาปนาศูนย์กลางการรวมสงฆ์ และรวมใจชาวพุทธทั่วโลกให้ได้มาสั่งสมมหาทานบารมี
ร่วมกัน

       ผู้ที่ได้สร้างมหารัตนวิหาคด... คือต้นบุญที่สร้างเหตุแห่งสรรพมงคลทั้งปวง เป็นผู้สร้างตำนาน การสร้างบารมีที่โลกจะไม่มีวันลืม
นับพันปี เพราะ ได้สร้างสิ่งที่เป็นเลิศให้บังเกิดขึ้นในโลก คือ สวนานุตตริยะ ทำให้มหาชนที่ตามมาภายหลังได้ฟังสิ่งที่ยอดเยี่ยม
คือ ได้ฟังธรรม อันจะนำไปสู่การเข้าถึงธรรม

       ทัสสนานุตตริยะ ได้การเห็นอันยอดเยี่ยม การได้เห็นสมณะเป็นมงคลอันสูงสุดและได้ถวายมหาทานกับท่าน

        อนุสสตานุตตริยะ ให้มหาชนได้มาตามระลึกถึงบุคคลผู้ยอดเยี่ยมที่สุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการสร้างหนทางไปสู่สวรรค์
และพระนิพพานให้แก่ชาวโลกนับไม่ถ้วน

        เพราะฉะนั้น บุญอันเป็นอนันต์ย่อมบังเกิดขึ้น กับผู้ได้ร่วมสถาปนาและทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพัน นับจากชาตินี้เป็นต้น
ไปทุกภพชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม...


        "นอกจากพระพุทธเจ้าผู้เป็นนาถะของโลก ปากคนอีกนับหมื่น ใครเล่าจะสามารถกล่าวอานิสงส์ของการถวายที่อยู่
อาศัยให้พระสงฆ์ได้ใช้เป็นที่บำเพ็ญสมณธรรมได้"(พุทธพจน์)

 
บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล