ฉบับที่ 58 สิงหาคม ปี 2550

เจ้าสัวยุคใหม่ แห่งห้างทองทวีชัย ๕

สัมภาษณ์พิเศษ
เรื่อง : ร.ลิ่วเฉลิมวงศ์ e-mail: [email protected] ภาพ : สมชาย สิงห์ทอง

 

 

 

 

   ธุรกิจค้าทอง เป็นธุรกิจครอบครัวที่จะถ่ายทอดให้จากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้นแต่"ทวีชัย5"กล้าฉีกรูป
แบบนี้ออกไปจนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

 

 

 

 

        จากเดิมธุรกิจร้านทอง เป็นอาชีพที่แทบจะไม่เปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาทำ มักจะเป็นธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น แต่ห้างทองทวีชัย 5 เป็นผู้ฉีกรูปแบบธุรกิจ นี้ออกไปอย่างสิ้นเชิง เปลี่ยนจากร้านค้าทองที่มีอาแป๊ะแต่งตัวดีมานั่งขาย มาเป็นรูปแบบของการจ้างพนักงานสวมใส่ชุดยูนิฟอร์มมีเอกลักษณ์ชัดเจน ทั้งยังเริ่มเอากลยุทธ์ทางการตลาดมาใช้โฆษณาทางโทรทัศน์ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๓ และยังเป็นผู้บุกเบิกเอาร้านทองขึ้นไปขายตามห้างสรรพสินค้าเป็นเจ้าแรกๆ ตลอดจนสามารถพัฒนาคุณภาพและรักษามาตรฐานสินค้าจนได้รับรางวัล Thailand award 1990 และได้รับรางวัลอื่นๆอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ห้างทองทวีชีย 5 เป็นห้างที่มาแรงอยู่ในอันดับต้นๆ มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง ๓๙.๘ % ทั้งที่มีคู่แข่งในธุรกิจประเภทเดียวกันนี้มากกว่า ๑ หมื่นร้านทั่วประเทศ

        จากความคิดของผู้เป็นเจ้าของธุรกิจ คือ คุณไพศาล-เสาวนี-วรพจน์ ทวีชัยถาวร ที่เข้ามาช่วยกันคิด ช่วยกันบริหารอย่างเต็มตัวแบบนี้ทำให้ทุกวันนี้มีสาขา มากถึง ๑๐ สาขา ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

        "จริงๆ แล้ว ชีวิตวัยเด็กผมลำบากมาก่อน ปลาช่อน ๑ ตัวต้องขยักกินให้ได้ ๒ มื้อ สำหรับคน ๗ คน ข้าวเปล่าแม่ต้องเอามาเหยาะน้ำปลาให้หอมเพราะเนื้อ ปลามันแทบจะไม่มี พักเที่ยงก็ต้องวิ่งไปเก็บแก้วน้ำ ที่คนอื่นกินทิ้งๆไว้ เอาไปคืนแม่ค้าเผื่อเขาจะใจดีให้น้ำหวานกินฟรีบ้าง วันหยุดก็ต้องไปแบกถังหวานเย็นขายหน้าโรงหนัง บางครั้งก็วิ่งเร่ขายฉลากกดให้เด็กๆ เพราะขณะนั้นเตี่ยผมยังเป็นเพียง ลูกจ้างร้านทองเล็กๆ จนกระทั่งเก็บหอมรอมริบมาเปิดขายเอง เริ่มจากตั้งตู้เล็กๆ ๑ ใบ มีทองไม่กี่เส้น ตอนนั้นต้องช่วยเตี่ย ประกอบทอง หลอมทอง ทำเองจนเป็นหมดจนกระทั่งผมแต่งงานแล้วจึงได้มาทำร้านทองของตัวเอง"

 

 

 

ทำไมต้องทวีชัย 5 

      "ที่ใช้ชื่อว่า ทวีชัย 5 เพราะคำว่า ทวีชัย มาจากนามสกุล ซึ่งพี่น้องผมทั้ง ๕ คน เปิดร้านขายทองหมด มีตั้งแต่ ห้างทองทวีชัย 1 , 2, ..4 ส่วนผมเปิดโดยใช้ชื่อว่า ห้างทองทวีชัย 5 เมื่อเปิดแล้วผมกับภรรยาก็คิดกันว่า เราน่าจะทำโฆษณาเปิดตัวร้าน และให้ความรู้แก่ประชาชนไปพร้อมๆ กันว่า ทอง ๑ บาท หนัก ๑๕.๒ กรัม เพราะจากประสบการณ์ที่ขายทองมานาน ลูกค้าหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทอง ๑ บาท หนักเท่าไร

      แล้วคิดอย่างไรกับการที่กล้าโฆษณาไปว่าซื้อทองจากทวีชัย 5 แล้ว เมื่อขายคืนจะได้ราคาสูงที่เป็นราคามาตรฐาน

     "ตรงจุดนี้เกิดจากความเห็นใจลูกค้า เพราะลูกค้าเกือบทุกคนที่เอาทองมาขาย เป็นเพราะเขาร้อนเงิน ทั้งยังอายที่จะขาย และพอขายแล้วร้านค้าให้ราคาต่ำมาก เขาต้องมานั่งอธิบายเป็นนานว่า ทองที่เขาซื้อมามีคุณภาพดีอย่างไร ด้วยความเห็นใจ ตรงนี้เราจึงติดประกาศราคารับคืน ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจ ว่าหากทองที่ซื้อจากเราไป พอเอามาขายคืน วางทองปุ๊บ ก็ขาย ได้ปั๊บได้ราคาสูงที่เป็นราคามาตรฐานเลย ไม่ต้องสาธยายอะไรมาก และที่เรากล้าทำตรงนี้ได้ เพราะทองที่เราขายลูกค้าไป เป็นทองคุณภาพเปอร์เซ็นต์ทองและน้ำหนักทองครบถ้วน เราจึงกล้ารับซื้อคืนด้วยราคาเช่นนี้ได้"

       พอได้ฟังเรื่องราวของพวกเขาตรงจุดนี้ ทำให้เราสัมผัสได้เลยว่า การจะไปรอดบนธุรกิจนี้ได้ ท่ามกลางคู่แข่งร้านทองกว่า ๑ หมื่นร้านทั่วประเทศ ไม่ใช่เป็นเพราะทวีชัย ทำโฆษณาดีแล้วจะอยู่ได้ แต่เป็นเพราะลูกค้าที่มาซื้อกับทวีชัย 5 ส่วนใหญ่ชอบความตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์ และความบริสุทธิ์ใจ

    เรามีหลักว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน คือเราเราจะหากินเราก็ไม่อยากโกงใคร ตรงจุดนี้เองทำให้เราขายทองดีขึ้นมาเรื่อยๆ ตีตลาดมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าห้างทองอื่นๆ จนมีคนปล่อยข่าวว่า เราขายทองน้ำหนักไม่เต็มจำนวน อะไรต่างๆ นานาแต่ด้วยความบริสุทธิ์ใจที่เราทำมาโดยตลอด ทำให้เราอยู่มาได้ ทุกวันนี้ครอบครัวผมทุกคน นำธรรมะมา ใช้ในการดำเนินชีวิต คือ ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมากับลูกค้า และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ฟื้นฟูให้คนไทยมีศีลธรรม อย่างกระเป๋าที่แจกให้ลูกค้า เราจะพิมพ์ข้อความของศีล ๕ ลงไป เพราะทุกวันนี้อย่าว่าแต่ปฏิบัติเลย คนไทยบางคนยังไม่รู้ เลยว่าศีล ๕ ข้อมีอะไรบ้าง และทุกเช้าเย็นเราก็จะเปิดเทปสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ให้พนักงานฟัง ที่ผมลุกขึ้นมาทำอะไร

       เพื่อสังคมเพื่อพระพุทธศาสนาจริงจังมากขึ้น เพราะผมคิดว่าพระพุทธศาสนาทุกวันนี้ขาดพลัง ขาดความเป็นปึกแผ่น ชาวพุทธของเราเอง ก็เลื่อมใสศรัทธาในพระสงฆ์น้อยลงไปทุกวัน คนทั่วไปแทบจะนับถือพระพุทธศาสนาแต่ในทะเบียนบ้าน ไม่เข้าใจคำสอนอย่างถูกต้อง ขนาดผมขับรถตระเวนไปใส่บาตร ยังหาพระไม่ค่อยจะครบเลยของต้องเหลือกลับมาบ้าน พอจะไปวัดโดยทั่วไป ก็มีแต่แย่งกันไปซื้อธูปเทียนแย่งกันซื้อทองเปลวมาปิดองค์พระ ถวายถังสังฆทาน แล้วก็กลับแค่นั้น เพราะคิดกันว่าได้บุญใหญ่แล้ว ทำบุญกันแค่นี้ในวันเกิด ก็เพียงพอแล้ว

 

 

      ทุกเช้าเย็นเราก็จะเปิดเทปสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น ให้พนักงานฟังที่ผมลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อสังคมเพื่อ พระพุทธศาสนาจริงจังมากขึ้นเพราะผมคิดว่าพระพุทธศาสนาทุกวันนี้ขาดพลัง ขาดความเป็นปึกแผ่นชาวพุทธ ของเราเอง ก็เลื่อมใสศรัทธาในพระสงฆ์น้อยลงไปทุกวัน คนทั่วไปแทบจะนับถือพระพุทธศาสนาแต่ในทะเบียนบ้าน

 

 

      อยากช่วยพื้นฟูศีลธรรมของคนให้ดีขึ้นอยากเห็นอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับสังคมไทย จึงตัดสินใจเอาเงินที่เราจะใช้สร้างบ้าน มาสร้างมหารัตนวิหารคดเพื่อ ช่วยศาสนาเพื่อสร้างกระแสศีลธรรมให้เกิดกับคนไทยก่อน ส่วนบ้านไว้สร้างกันทีหลังก็ยังทัน

     แต่พอผมได้มารู้จักวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะภรรยาผมชอบมากๆ ที่มีตั้งแต่การทำทาน เน้นให้รักษาศีล เน้นการปฏิบัติธรรม สอนนั่งสมาธิทั้งเช้าทั้งบ่ายและมีการเทศน์สอนธรรมะ เป็นธรรมะที่เข้าใจง่ายสามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้คือ มีครบทั้ง ทาน ศีล ภาวนาแบบนี้ผมจึงรู้สึกชอบ และพอมาทราบว่าวัดพระธรรมกาย จะสร้างมหารัตนวิหารคด เพื่อใช้เป็นสถานที่รวมสงฆ์ทุกนิกายทั่วโลกเพราะหากท่านได้มาพบปะกัน ก็จะมาเป็นกำลังใจให้กันและกัน มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ปรึกษาหารือถึงหลักธรรมคำสอนที่แท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอากลับไปพัฒนาวัดของตน ให้พระพุทธศาสนาฟื้นฟูแข็งแรงขึ้นมาอีกครั้ง ครอบครัวของผมทุกคนจึงรู้สึกเกิดความหวัง เห็นความเป็นไปได้ว่า วัดพระธรรมกายน่าจะทำตรงนี้ได้ เพราะที่ผ่านๆ มาวัดนี้สามารถรวมสงฆ์ รวมคนให้มาทำความดีกันได้มากขึ้นเรื่อยๆ

       ดังนั้น ในสภาวะที่ประเทศกำลังระส่ำระสาย ประชาชนเสียขวัญ ขาดที่พึ่งอย่างนี้ หากชาวพุทธมีสถานที่สักที่ ที่ยิ่งใหญ่มากพอจะรวมสงฆ์ทั้งแผ่นดิน รวมชาวพุทธให้ได้ทั่วโลก เหมือนที่ศาสนิกอื่นเขารวมได้ รวมให้คนพุทธมาสงบ จิตสงบใจ ให้มาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มาศึกษาธรรมะพัฒนาจิตใจอย่างจริงจัง เพื่อให้ตัวเองมีที่พึ่ง มีขวัญกำลังใจ ทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นมาก่อนเมื่อสภาพจิตใจดี ความคิดเขาก็จะดี คำพูด การกระทำเขาก็จะดี ไปทำในสิ่งที่ดีๆ แล้วก็นำสิ่งดีๆ นี้ขยายไปสู่คนรอบข้าง สู่ครอบครัว และสุดท้าย สังคมกับประเทศชาติก็จะดีขึ้นเอง

       หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า ต้องรวยก่อนรึเปล่า ต้องสูงอายุก่อนรึเปล่า ถึงทำให้มีโอกาสมาทำอย่างนี้ได้ ไม่รวยก็ทำได้ ไม่สูงอายุก็ทำได้ขึ้นกับว่าเรามีใจรึเปล่า เพราะแท้จริงแล้วครอบครัวเราก็ไม่ได้รวยอะไรมาก และยังอยู่ในวัยทำงานแต่เป็นเพราะเราให้ความสำคัญเห็นถึงประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในอนาคตมากกว่า เพราะบอกใคร

    ..ก็แทบจะไม่มีใครเชื่อว่าบ้านที่ครอบครัวเราอยู่กันทุกวันนี้ยังเช่าเซ้งเขาอยู่เลย ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะเราต้องใช้เงินหมุนเวียนในกิจการหลายสาขาอะไรประหยัดได้เราก็จะประหยัด แต่มาระยะหลังๆ เราพอมีเงินออมที่จะเอาไว้สร้างบ้านอยู่กัน แต่พอมาช่วงที่สถานการณ์ของพุทธศาสนาและประเทศกำลังย่ำแย่ ทำให้ทุกคนในครอบครัวเรา เห็นตรงกันว่า จะต้องให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา อยากช่วยพื้นฟูศีลธรรมของคนให้ดีขึ้นอยากเห็นอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับสังคมไทยจึงตัดสินใจเอาเงินที่เราจะใช้สร้างบ้าน มาสร้างมหารัตนวิหารคดเพื่อช่วยศาสนา เพื่อสร้างกระแสศีลธรรมให้เกิดกับคนไทยก่อน ส่วนบ้านไว้สร้างกันทีหลังก็ยังทัน เพราะตอนนี้วิหารคดเหลือแต่ส่วนหลังคาที่ยังสร้างไม่เสร็จเพราะหากทางวัดสร้างเสร็จแล้ว แม้เรามีเงินกันสัก ๑๐๐ ล้านก็ไม่ได้สร้างแล้ว ที่เรากล้าทุ่มเพราะเราเห็นประโยชน์อันมหาศาลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเราเชื่อว่า เงิน ๒๐-๓๐ ล้านไม่สามารถซื้อให้คนเป็นคนดีได้ แต่หากเรามี ๒๐-๓๐ ล้าน นำไปสร้างสถานที่ เพื่ออบรมให้คนเป็นคนดี ก็ยังมีเปอร์เซ็นต์ของคนดีเกิดขึ้นบนแผ่นดินได้จริงๆ ไม่น้อยทีเดียว

      บางคนมาทักครอบครัวเราเหมือนกันว่า มาวัดนี้ไม่กลัวโดนหลอกหรือ วัดรวยแล้ว มาทำบุญกับวัดนี้ทำไม แต่พอผมเข้ามาวัดนี้จริงๆ ผมเป็นนักธุรกิจ จบนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำธุรกิจมาระดับนี้มันมองออก หากมาคิดในแง่เศรษฐศาสตร์แล้ว ไม่เห็นวัดรวยเลยสถานที่ทุกอย่างที่วัดสร้างขึ้น เน้นการใช้งาน เน้นความคงทนแข็งแรง อายุการใช้งาน นานเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินซ่อมแซมบ่อยๆ อย่างโบสถ์ก็ไม่ได้ติดกระจกเลื่อมอะไรหรูหรา อย่างพื้นที่นั่งสมาธิที่วัดก็ยังเป็นปูน ใช้ซาแลนคลุมต้นไม้มาปู ผนังอะไรก็ยังเป็นพื้นปูนเปล่าๆ อยู่มาก แม้วัดจะได้รับเงินบริจาคมากก็จริง แต่ก็เอามาสร้างจริง  และมีคนมาใช้ให้เกิดประโยชน์จริงอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ ถ้าคิดเป็นพื้นที่ต่อตารางหน่วยแล้วคุ้มค่ามากๆ ผมคิดว่าวัดพระธรรมกาย  ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเท่าที่ผมเคยเห็นมา ปัจจุบันนี้..ผมว่าวัดยังจนนะ เขายังขาดอะไรอีกหลายๆ อย่าง

    หากเทียบกับงานระดับโลกที่เขากำลังจะทำ ผมอยากให้ผู้ที่สงสัยมาดูวัดกันจริงๆ เหมือนอย่างที่ผม ที่เคยรู้สึกเหมือนอย่างคุณ เพราะเชื่อข่าวลือผมอยากให้ลองเปิดใจให้กว้างๆ แล้วมาช่วยกันทำดีกว่า หากอยากจะเห็นพระพุทธศาสนาดีขึ้น อยากเห็นสังคมไทยดี คนไทยมีศีลธรรม และที่แน่ๆคุณเองก็จะได้บุญใหญ่ซึ่งจะส่งผลกับตัวคุณเอง

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล