ฉบับที่ 50 ธันวาคม ปี 2549

วิธีทำให้ลูกสอนตัวเองได้ ๒๔ ชั่วโมง

สัมภาษณ์พิเศษ 

: อารักษณ์ e -mail : [email protected] ภาพ : สมชาย สิงห์ทอง

 

 

 

    คำถามตรงนี้ อาจตอกย้ำความสะเทือนใจให้กับผู้เป็นพ่อแม่ ที่มีลูกไม่เป็นไปดังหวัง แต่เอาเถอะ..ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็ตาม พ่อแม่ก็หยุดรักและปรารถนาดีที่สุดกับลูกจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตไม่ได้‚
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บทสัมภาษณ์ที่คุณกำลังจะอ่านต่อไปนี้ จะกลายเป็นสิ่งมีค่า ที่พ่อแม่ควรจะเรียนรู้ เพราะเป็นวิธีการทำให้ลูกเปลี่ยนแปลงเป็นคนดี และมั่นคงในความดี แม้พ่อแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

       และวันนี้ ทีมงานได้เดินทางมาเยี่ยมครอบครัวอบอุ่นครอบครัวหนึ่ง ที่ใช้พุทธวิธีในการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี อีกทั้งสมาชิกทุกคนในบ้านต่างรักการปฏิบัติธรรม โดยมีผู้นำคือ คุณพ่อชำนาญและคุณแม่มาณี ภูริปัญญวานิช กรรมการผู้จัดการ บจก. แอลต้าอินเตอร์เนชั่นแนล ผู้มีลูกที่น่ารัก คือ น้องณัฐ และน้องมน...

วิธีที่ทำให้ลูกสอนตัวเองได้ ๒๔ ชั่วโมง

        สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งของความเป็นพ่อแม่ก็ คือ เราต้องทำให้ลูกเกิดความรู้สึกยินดีที่จะทำความดีด้วยตัวเอง สอนให้ลูกรู้ถึงผลได้ ผลเสียในสิ่งที่เขากำลังตัดสินใจกระทำ มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป สามารถยับยั้งชั่งใจที่จะไม่ทำในสิ่งไม่ดี แม้ลับหลังพ่อแม่หรือคนอื่นๆ และสุดท้ายต้องทำให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ที่เขาควบคุมตัวเองให้เป็นคนดีได้ แต่การจะทำให้สิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้นั้น..ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ด้วยการบังคับ การไปกะเกณฑ์ลูก เพราะหากเราบังคับเขาบ่อยๆ สุดท้ายลูกก็จะต่อต้านทุกอย่างที่พ่อแม่หยิบยื่นให้ และซ้ำร้ายไปกว่านั้น ลูกอาจไม่เข้าใจเรา คิดว่าความหวังดีของเรา คือ การไม่รัก การไม่เข้าใจเขาแต่สำหรับครอบครัวของเรา นับว่าโชคดีมากที่ได้มาวัด มาศึกษาธรรมะ จึงทำให้เราเจอทางลัดที่จะสอนให้ลูกดีตั้งแต่เขายังเล็ก ทั้งๆ ที่เราก็เหมือนพ่อแม่ส่วนใหญ่ ที่ไม่ค่อยมีเวลา ต้องโหมงานหนัก บางครั้งเราก็ไม่ได้สอนอะไรลูก ไม่มีเวลาอยู่กับลูกได้ตลอด ๒๔ ชม. ดังนั้นนอกจากการพาลูกไปวัดเป็นประจำแล้ว เราต้องชวนลูกบวชเรียนตั้งแต่เด็ก ให้ได้ โดยเราจะคุยกับลูกว่า ตั้งแต่เล็กพ่อแม่ให้เขาได้แทบทุกเรื่อง พอมาถึงวันนี้ แม่จะขอเขา สักเรื่องให้ทำเพื่อพ่อแม่ คือ ขอให้เขาบวชให้เรา ซึ่งลูกก็ไม่ขัด และยอมเข้าโครงการบวชสามเณรแก้ว ประมาณเดือนครึ่ง ซึ่งเมื่อจบโครงการ ลูกขอบวชต่ออีกนิด เพราะรู้สึกซาบซึ้งและพึงพอใจในชีวิตนักบวช ซึ่งบางครอบครัวอาจจะเห็นว่านานเกินไป แต่การจะให้ลูกซึมซับอะไรดีๆ หรือสร้างนิสัยอะไรดีๆ สักอย่างนั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่แค่หนึ่งอาทิตย์ สองอาทิตย์ เมื่อกลับมาก็ได้ผลเกินคาด คือ ลูกเปลี่ยนไปมาก รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความ รับผิดชอบในเรื่องส่วนตัวของตัวเอง มีวินัยกับตัวเอง มากขึ้น จากที่เราไม่เคยให้เขาทำงานบ้านอะไรเลย เขากลับสามารถทำงานบ้านเป็น เช่น การขัดห้องน้ำ การซักผ้า หรือทานอาหารได้เรียบร้อย จัดเก็บจานสะอาด คือ พูดง่ายๆ ว่า หากตกระกำลำบากเขาจะสามารถช่วยเหลือตัวเองในเรื่องนี้ได้ ที่สำคัญ พ่อแม่ไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเวลา การที่ ทำให้เขารู้ดี-ชั่ว ถูก-ผิด รู้ว่าการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ไม่ดี สามารถห้ามตัวเองในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งๆ ที่เป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชาย อยู่ในวัยอยากรู้อยากลอง แท้ๆ ทำให้เราไม่ต้องห่วงเขา เราภูมิใจมากที่เรามีลูกที่สามารถแยกแยะถูก-ผิด เพราะสิ่งนี้จะประคับประคองชีวิตเขาให้เจอสิ่งที่ดีต่อไป

 

 

ต้องนั่งสมาธิสม่ำเสมอ ต้องสอนลูก..เรื่องการแต่งตัว

          ยิ่งเรามีลูกสาวคนเดียวด้วยแล้ว เราจะให้ความสำคัญกับตรงนี้มาก สังคมสมัยนี้เรายังยอมรับไม่ค่อยได้ กับการแต่งตัวของเด็กยุคใหม่ เคยเห็นเพื่อนๆ ลูกสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกัน คืออายุแค่ ๑๐-๑๑ ขวบ ก็ใส่สายเดี่ยวกันแล้ว แต่งตัวกันถึงขนาดนี้ กลายเป็นแฟชั่นไป แม้บางคนพ่อแม่ไม่ให้ลูกตัวเองใส่ แต่เด็กยุคใหม่ก็จะบอกว่า พ่อแม่เชย ไม่เข้าใจวัยรุ่น แต่สำหรับครอบครัวเรา ก็ยังขออนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงาม ยังอยากให้ลูกคงไว้ซึ่งสิ่งดีงามของสังคมไทย เพราะที่สำคัญที่สุด พ่อแม่ทุกคนคงไม่อยากให้ลูกสาวได้รับอันตรายจากการแต่งตัว ดังนั้นเราควรกลับมาทบทวนดูใหม่ว่า พ่อแม่ควรปลูกฝังให้ลูกสาวมีดีและภูมิใจในตัวเอง จากการที่เขาเป็นคนเก่งและคนดี หรือควรสอนให้ลูกภูมิใจในตัวเองจากการแต่งตัวโป๊ๆ ดังนั้นเรา จะไม่ส่งเสริมให้เขาใส่ หรือซื้อเสื้อผ้าที่โป๊ๆ ให้เขาเลยตั้งแต่เด็ก หรือหากนุ่งผ้าเลยขึ้นมาครึ่งหน้าแข้ง พระพุทธเจ้าสอนว่าเป็นการนุ่งชั่วห่มชั่วแล้ว เราไม่สนับสนุนให้ลูกทำเด็ดขาด โดยเราต้องเป็นต้นแบบให้ลูกก่อน สอนลูกว่าใส่เสื้อผ้าอย่างนี้อันตราย จะใส่ให้เป็นแฟชั่นทันสมัยแค่ไหน แพงแค่ไหน แม่ไม่ว่า แต่ขออย่าให้โป๊ ซึ่งก็ได้ผลค่ะ แม้เพื่อนๆ เขาจะใส่สายเดี่ยวกัน แต่ลูกเราไม่ใส่ และเขาก็มีความภูมิใจที่เขาไม่ทำตามเพื่อน ตามแฟชั่นยั่วยุ อีกทั้งเขาก็ไม่ชอบเสื้อผ้าทำนองนี้เลย


          จะเรียกได้ว่า สมาธิเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต ของครอบครัวเราก็ได้ เพราะตั้งแต่หันมานั่งสมาธิ สวดมนต์ รู้สึกว่าชีวิตตัวเองและคนในครอบครัวเปลี่ยนไปมาก คือ เราจะไม่เครียด มีภาวะที่ทำให้จิตใจสงบ เยือกเย็น และที่สำคัญที่สุด บุญจากการนั่งสมาธินี่เอง จะทำให้เราทำเรื่องยากๆ ที่เข้ามาในชีวิตให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ บุญจากการนั่งสมาธิจะทำให้เรามีลูกที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่นำเรื่องร้อนใจมาให้ การนั่งสมาธิมีผลมากต่อทุกคน เมื่อพ่อแม่เริ่มต้น ลูกก็จะทำตาม คือเราต้องเป็นต้นแบบให้ลูก แม้ว่าเราจะงานยุ่งมากแค่ไหน ก็ไม่เคยทิ้งการนั่งสมาธิเลย แล้วที่สำคัญเมื่อนั่งสมาธิสม่ำเสมอ ก็ทำให้เรามีประสบการณ์ภายใน ที่ดี สมาธิก็ก้าวหน้า ก็อยากให้พ่อแม่ทุกคนให้ความสำคัญกับสิ่งนี้...

 

 

 

 

ความในใจจากลูกๆ 

         ณัฐ : ช่วงที่ผมบวชเป็นสามเณร เป็นช่วงที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ และได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง เช่น ล้างห้องน้ำ ทำงาน เมื่อผมทำแล้วรู้สึกสนุกและชอบมากๆ ทำให้ผมทำงานเป็น ผมก็มีความตั้งใจว่าเมื่อเอ็นทรานซ์แล้ว จะอบรมธรรมทายาท อีกครั้ง เพื่อบวชพระตอบแทนพระคุณให้กับคุณพ่อ คุณแม่ เพราะผมว่าชีวิตนักบวช เป็นชีวิตที่ทำให้ เราแก้ไขสิ่งที่ไม่ดีของตัวเองได้เร็ว และถูกจุดที่สุด โดยเฉพาะหลักสูตรของวัดพระธรรมกาย ผมภูมิใจที่คุณแม่แนะนำให้ผมบวชตั้งแต่เด็กๆ ครับ

           มน : ภูมิใจและดีใจ ที่ได้เกิดมาเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่ เพราะคุณพ่อคุณแม่ใจดี และก็สอนมนเรื่องการทำบุญ เรื่องการนั่งสมาธิมาตั้งแต่อายุ ๒ ขวบ เวลาไปซื้อเสื้อผ้าจะซื้อเหมือนกับคุณแม่เลย เหมือนเป็นคู่แฝด เป็นสไตล์ไม่โป๊ ออกเท่ๆ มนภูมิใจ ที่คุณแม่สอนมนเรื่องนี้ รู้สึกว่าการที่เพื่อนๆ แต่งตัว สายเดี่ยว อันตราย และก็ไม่เหมาะสม...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล