ฉบับที่ ๒๓ ประจำเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗

สกู๊ปพิเศษ "ทุบ ปิด ซ่อง เพราะดาวธรรม" โดย : กองบรรณาธิการ

 

            สกู๊ปพิเศษหน้านี้ เป็นเรื่องราว สะเทือนความคาดคิด
จนเราต้องนำเสนอเพื่อขยายผลต่อไป เพราะใครจะคิดบ้างว่า กิจการซ่องที่ทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน จะถูกปิดลงอย่างไม่มีเยื่อใย และกล้าที่จะประกาศให้โลกรับรู้อย่างองอาจ เพราะความรู้สึกสำนึกในบาปกรรมของเจ้าของ และผู้เกี่ยวข้อง

             และในวันนี้ทางทีมงานคุณณัฐนารถ ปิ่นเฟื่อง ตัวแทนลูกพระราชฯ เข้าไปเจาะลึก ถึงเรื่องราวความเป็นมาเป็นไป ในเรื่องราวทั้งหมด แล้วคุณจะรู้ว่า เขาปิดซ่อง ทุบซ่อง และเปลี่ยนมาทำกิจการทำห้องแถวให้เช่า รวมทั้งลานจอดรถได้อย่างไร

             ข่าวการปิดสถานบริการค้าประเวณีมีชื่อของจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นข่าวใหญ่ ข่าวดังมาก เป็นที่กล่าวขวัญโดยทั่วไป ทั้งในหมู่พวกนักเที่ยวเล้าท์ของบริการค้าประเภทเดียวกัน ตัวหญิงบริการเอง ตำรวจท้องที่ และประชาชนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง

             ทันทีที่ทราบข่าว พวกเราลูกพระราชฯ นักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาได้บุกตะลุยเข้าถึงตัวคุณศิริชัย เดชกำเนิด เจ้าของสถานบริการแห่งนี้ ซึ่งให้การต้อนรับอย่างดี พาไปดูสถานที่ ที่ตั้งอยู่ถนน "เจริญชมปรีดา" เป็นถนนสายสั้นๆ ตัดจากข้างวัดป้อมแก้ว ออกไปทะลุถนนพระราม ๒ ตลอดเส้นทาง ถนนสายนี้ มีสถานบริการค้าประเวณี ตั้งอยู่ไม่น้อยกว่า ๑๐ แห่ง โดยใช้ร้านอาหารและคาราโอเกะบังหน้า

             เป็นครั้งแรกในชีวิตที่พวกเราได้เหยียบย่างเข้าไป มันวังเวงและเสียวสยองจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว เหมือนมีวิญญาณชั่วร้ายแฝงอยู่ทั่วๆ ไป กลิ่นคาวโลกีย์คละคลุ้งอยู่ในบรรยากาศรอบตัว เพราะเพิ่งปิดกิจการได้เพียงเดือนเศษ

             เราเดินตามคุณศิริชัยไปก็หวาดผวาไป เพราะห้องหับในบริเวณนั้นดูมันลึกลับซับซ้อนชอบกล นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าประตูมาตามทางเดินแคบๆ จนถึงห้องโถง มีเวทีสำหรับร้องเพลง มีคาราโอเกะ มีโต๊ะ เก้าอี้ ตั้งเรียงรายไว้ให้แขกนั่งพักผ่อน ฟังเพลง รับประทานอาหาร กับแกล้มเหล้า เบียร์ บุหรี่ ตามอัธยาศัย

             มีพวกวัยรุ่น ประเภทไก่อ่อนสอนขัน นั่งดื่มเหล้า เบียร์ ย้อมใจให้กล้าให้คึกคักก่อนเข้าหาผู้หญิงบริการผู้เจนจัด เหล้าและเบียร์จึงขายดีในสถานบริการเช่นนี้ เข้าตำรา สุรา-นารี
             ด้านซ้ายขวาของห้องโถง เป็นทางเดินแคบๆ มีห้องเล็กๆ เรียงรายด้านละ ๑๐ ห้อง ไว้บริการแขกที่มาหาความสำราญกับหญิงขายบริการโดยเฉพาะ

             ต่อจากห้องคาราโอเกะเข้าไป ทางซ้ายเป็นห้องน้ำ ห้องสุขา ขวามือทะลุออกไปอีกห้องหนึ่ง มีประตูคั่นกลางปิด-เปิดได้ มีทางเข้าออกได้หลายทาง มีห้องลับไว้กักขังผู้หญิงที่ล่อลวงมา ห้องสำหรับลงโทษผู้หญิงที่ไม่ยอมรับแขก หรือบริการแขกไม่ดี ผู้หญิงที่หนีออกไปแล้วถูกผู้คุมตามจับมาได้ จะโดนทุบตีอย่างทารุณ ล่ามโซ่ขังไว้ในห้องนี้

             มีอยู่รายหนึ่งถูกหลอกมาว่าจะให้ทำงานร้านอาหาร แต่พอมาถึงก็บังคับให้ขายบริการ ผู้หญิงตกใจกลัวร้องไห้ คุณศิริชัยสงสาร บอกป๋าแดง (นายสุรศักดิ์ เจ้าของซ่อง)ว่า "ผู้หญิงคนนี้ขอเถอะ อย่าทำอะไรเขาเลยให้ส่งกลับบ้าน" นายสุรศักดิ์ ก็ยอมปล่อยผู้หญิงไป คุณสุรชัยปลื้มใจมากที่ช่วย ผู้หญิงคนนี้ไว้ได้ เป็นความประทับใจที่เขาไม่ลืมเลย ยังจำจนถึงทุกวันนี้

             อีกรายหนึ่งเกิดรักใคร่จริงจังกับผู้ชายที่มาเที่ยว ถึงขนาดผู้ชายขอไถ่ตัวเพื่อไปแต่งงานอยู่กินด้วยกัน แต่เจ้าของซ่อง "ป๋าแดง" ไม่ยอมให้ มีการซ้อมผู้หญิงอย่างรุนแรง ผู้ชายจึงร้องเรียนไปยังมูลนิธิของคุณปวีณา หงสกุล ซึ่งได้นำกำลังตำรวจกองปราบเข้ามาช่วยเหลือ เอาผู้หญิงออกไปได้

             หลังจากถูกกองปราบบุกเข้ามาช่วยผู้หญิงออกไปแล้ว เขาต้องเสียเงินวิ่งเต้นเป็นจำนวนมาก ต้องกู้ยืมจากคุณศิริชัย ๓ ล้านบาท ระยะหลังป่วยมากเป็นโรคไตและหัวใจ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายครั้ง ไม่มีเงินใช้หนี้คืน จึงต้องขายสถานบริการพร้อมที่ดินหนึ่งไร่ให้คุณศิริชัย โดยเสียค่าเช่าทำกิจการเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท
             หนึ่งปีต่อมา "ป๋าแดง" เสียชีวิตด้วยโรคไต และหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะมีอายุได้ ๔๕ ปี เท่านั้น

             คุณมาลี ซึ่งเป็นภรรยา ดำเนินกิจการนี้ต่อมาอีกหนึ่งปีเศษ พอดีกับที่คุณศิริชัยติดจานดาวธรรม โดยได้รับการแนะนำและติดตั้งจากนายจุมพล (ไข่) แก้วเจริญ ผู้นำบุญจังหวัดสมุทรสงคราม ลูกค้าขาประจำตัดผม ร้านศิริชัย บาร์เบอร์ของเขา คุณศิริชัยได้ฟังโอวาทเรื่องการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องจากหลวงพ่อธัมมชโย ผ่านจานดาวธรรมในรายการ "โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา" กฎแห่งกรรม Case Study อยู่ประมาณเดือนเศษ ก็รู้ว่าอาชีพอย่างนี้บาปมาก การให้เช่าสถานที่ดำเนินกิจการนี้ก็บาปด้วย จึงไปบอกคุณมาลี ชวนคุณมาลีมาดูจานดาวธรรมที่บ้านของตน คุณมาลีก็ได้สำนึกบาป เลิกทำอาชีพนี้ ส่งผู้หญิงกลับบ้านหมด ตั้งใจว่าจะไปทำไร่สับปะรดที่ปราณบุรี

             เมื่อพวกเราไปสัมภาษณ์ เธอบอกว่า "เมื่อก่อนไม่รู้ว่าทำอาชีพนี้เป็นบาป เห็นคนอื่นทำก็ทำบ้าง สามีเป็นนักเลงเล่นไก่ชน กัดปลากัดเล่นการพนัน อยู่แล้ว พอสามีตายก็ทำต่อ จนกระทั่งคุณศิริชัย มาบอกให้เลิก บอกว่าบาป พาไปดูจานดาวธรรม ก็ได้รู้ว่ามันไม่ดี มันบาป ลูกสาวก็โตเป็นสาวแล้ว กลัวเวรกรรม กลัวลูกสาวจะโดนอย่างนั้นบ้างเลยตัดสินใจเลิก" เธอเล่าไปน้ำตาไหลไป

             พอถามคุณศิริชัยว่า "จะทุบทิ้งจริงหรือ?"Ž นายเปี๊ยกหรือคุณศิริชัยตอบว่า "ทุบสิครับ จะเก็บไว้ให้เป็นเสนียดจัญไรทำไม ขนาดขวดเหล้าเขายังเทแล้วทุบทิ้งเลย นี่สถานค้าน้ำกามนะ ร้ายกว่าเหล้าตั้งเยอะ ต้องทุบทิ้งให้หมดไม่ให้เหลือ"

            "แล้วจะทุบเมื่อไหร่"

             "พวกคุณกลับไป ผมก็ทุบทันที ผมเตรียมคนงานเอาไว้แล้ว" เขาชี้ให้ดูคนงาน ๔-๕ คน ที่กำลังรอทุบอยู่
             วันนั้นได้ทำพิธีเลี้ยงพระสวดมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนทุบ แล้วก็ช่วยกันทุบกับเขาด้วยพอเป็นพิธี รู้สึกดีใจสะใจที่ได้ทุบได้ทำลายสถานที่ที่สร้างความอัปยศอดสูให้แก่เพศหญิง เพศที่สมควรแต่จะยกย่องเชิดชูบูชา เพราะเป็นเพศแม่ของพวกเรา ไม่ควรจะเอามาขายบริการบำบัดความใคร่ของผู้ชายที่หื่นกระหายในกามเลย

             เราสัมภาษณ์ชายที่มายืนดูขณะที่เรา ถ่ายทำ-ทุบ ว่าเขารู้สึกอย่างไรที่ที่นี่ปิดบริการ เขาตอบว่า "ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเสียดาย และคิดว่าเจ้าของสถานบริการ เป็นบ้า แต่ตอนนี้ที่บ้านเขา แม่เอาจานดาวธรรมมาติดให้เขาดู เขากลับรู้สึกว่าดี ที่เลิกอาชีพนี้ได้ ทุบทิ้งไปเลย แล้วทำอาชีพสุจริตอย่างอื่นดีกว่า"

             ต่อคำถามที่ว่า "เคยเที่ยวหญิงโสเภณีบ้างไหม" เขาตอบว่า "เคย อยากลอง แต่กล้าๆ กลัวๆ กลัวติดโรคเอดส์" ใจจริงอยากถามมากกว่านี้แต่ไม่รู้จะถามอะไร เพราะไม่สันทัดกรณีเลยเปลี่ยนคำถามว่า              "คุณชอบดูรายการอะไรในจานดาวธรรม?"

             "กฎแห่งกรรม Case Study พุทธประวัติ รายการอื่นก็ชอบ ชอบหลวงพ่อพูดสนุกดี ได้สาระดี"

             กับภรรยาน้อยของป๋าแดงที่ชื่อละมัย ก็ให้สัมภาษณ์ว่า เธอขายอาหารตามสั่ง ขายเหล้า เบียร์ บุหรี่ ให้แขกที่มาเที่ยว เธอไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ทำตามหน้าที่ตามคำสั่งของ "ป๋าแดง" สามีของเธอ เธอไม่ชอบอาชีพนี้ไม่อยากให้ทำ แต่ไม่กล้าห้าม เธอมาทีหลัง อาศัยอยู่ อาศัยกิน เลี้ยงลูกไปวันๆ เมื่อป๋าแดงตาย เธอมีอาชีพขายอาหารตามสั่งเหมือนเดิม รายได้ดีพอสมควร

             เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่คุณศิริชัยทุบสถานบริหารทิ้ง เธอตอบว่าก็ดี ใจจริงรู้สึกสงสารเห็นใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกันที่ต้องมาทำอาชีพนี้ สงสารคนที่ถูกล่อลวงมา ว่าจะให้เป็นคนเสริฟอาหาร พอมาถึงก็บังคับให้ขายตัว ถ้าไม่ยอมก็จะถูกคนคุมซ่อง (แมงดา) ทุบตีอย่างทารุณ ขังไว้ในห้องไม่ให้กินข้าวกินน้ำ จนต้องยอมในที่สุด ถ้าไม่ยอมจริงๆ ก็จะถูกข่มขืน

             เราได้ตามไปสัมภาษณ์ผู้หญิงที่เคยขายบริการ อยู่ที่ซ่อง "ป๋าแดง" ขณะนี้เธอกลับไปอยู่บ้านกับแม่ และเลิกอาชีพนี้แล้ว เมื่อเราขอสัมภาษณ์ เธอมีท่าทีตกใจ หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เอามือปิดหน้า ไม่ยอมพูดอะไรเลย เราต้องอธิบายว่า มาถามความคิดเห็น ประสบการณ์จากชีวิตจริง เป็นวิทยาทานให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ

             เธอพูดว่า "อย่าถามหนูเลย หนูอยากลืม ความโหดร้ายทารุณ ความทุกข์ทรมานในนรกนั้น"

             เสียงของเธอทำเอาเราใจหาย หดหู่อย่างบอกไม่ถูก ไม่มีใครอยากเป็น ไม่มีใครอยากทำอาชีพนี้ มันมาหลอกว่าจะเอาไปทำงานบ้าน เป็นคนเลี้ยงเด็ก เงินเดือนดี งานไม่หนัก มันเอาเงินให้แม่ไว้ ๓,๐๐๐ บาท แล้วเอาตัวหนูไป มันเอาไปขายซ่อง บังคับให้รับแขก ตั้งแต่หนูอายุ ๑๓ ขวบ เพิ่งเรียนจบ ป.๖

             เราเริ่มมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้อยากอาเจียนอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที เหมือนมีก้อนอะไรวิ่งขึ้นมาจุกตรงคอหอยจนพูดไม่ออก ต้องหายใจแรงๆ จนเธอจ้องหน้า เราต่างมองดูหน้ากันเงียบไปหลายอึดใจ ในที่สุดเธอก็เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า

             "คุณเป็นอะไรไป?"

             "เปล่า" เราไม่รู้จะตอบอะไรให้ดีกว่านี้ แล้วเดินจากมาอย่างอ่อนแรง ใจคอเหี่ยวแห้ง ได้ยินเสียงเธอพูดตามหลังว่า

             "ฝากขอบใจลุงเปี๊ยก (คุณศิริชัย) ด้วย ที่ช่วยให้หนูหลุดออกจากที่นั่นได้มาอยู่กับแม่ ดีใจที่เขา ทุบซ่องนรกทิ้ง"

             เธอคงรู้จากคุณศิริชัยก่อนปล่อยตัวกลับบ้านว่าจะทุบซ่องทิ้ง และรู้ว่าคนที่บอกที่อยู่ของเธอให้เราก็คือคุณศิริชัยนั่นเอง

             ลาก่อน ขอให้เธอเป็นสุขและโชคดี ขอบคุณคุณศิริชัย ขอบคุณจานดาวธรรมสื่อสีขาวที่แสนดี และที่สำคัญที่สุดที่ลืมไม่ได้ก็คือ กราบขอบพระคุณในความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (คุณครูไม่ใหญ่) ที่ทำให้โครงการจานดาวธรรมเผยแผ่ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปสู่ดวงใจของคนทั้งโลก ให้ได้รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมความดี ความชั่ว ผลของกรรมดี กรรมชั่ว รู้เหตุแห่งทุกข์ และความดับไปแห่งทุกข์ทั้งปวง ให้รู้หน ทางแห่งพระนิพพาน สอนให้ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตใจให้ ผ่องใส

             ถ้าไม่ดูจานดาวธรรม คุณศิริชัย ก็ยังคงเก็บค่าเช่าจากสถานบริการแห่งนี้อีกต่อไป "ซ่องไก่โต้ง" ก็ยังคงเปิดบริการท้าทายนรกขุมที่ ๓ ผู้หญิงจะต้องตกนรกทั้งเป็น ถูกทารุณกรรมทางเพศอีกเท่าไรต่อเท่าไรก็ไม่รู้

             วันนี้คุณศิริชัย ได้ปิดกิจการค้าประเวณี ทุบสถานบริการทิ้งอย่างกล้าหาญ ไม่มีความเสียดายใดๆ สมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ให้เป็นวีรบุรุษแห่งปีอีกผู้หนึ่ง ขอคารวะด้วยความจริงใจ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล