ฉบับที่ 53 มีนาคม ปี 2550

การซื้อนก ซื้อปลาปล่อย ที่ขายอยู่ตามวัดมาปล่อย ได้บุญบาปกันแน่

 

 

 

 

 

 

             การซื้อนก ซื้อปลา ที่ขายอยู่ตามวัดมาปล่อย ทำอย่างนี้จะได้บุญ หรือได้บาป เพราะว่าก็เหมือนกับ เป็นการไปส่งเสริมให้คนจับนก จับปลามาขาย

 

 

 

 

 

             หลวงพ่อเคยเห็น ส่วนมากมักจะขายกันหน้าวัด หรือไม่ก็ในงานวัดนั้นแหละ มักจะมีการเอานก มาใสกรงขังเอา ใครจะปล่อยก็ซื้อ แล้วก็ปล่อยมันไป หลวงพ่อเองก็เคยซื้อปล่อยอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน

               เวลาจะทำอะไรก็มีหลักอยู่ง่ายๆ ว่าให้มองที่วัตถุประสงค์ ของการกระทำนั้นๆ เสียก่อน คือถ้ามี วัตถุประสงค์ที่ถูกต้องชัดเจน แล้วไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร แถมยังเป็นความดีอีกด้วยเราก็ทำได้

               ในกรณีของการซื้อนก ซื้อปลาปล่อยก็เช่นกัน ถามว่า ที่เราปล่อยนก ปล่อยปลาพวกนั้น เรามีวัตถุประสงค์อย่างไร ? วัตถุประสงค์ของการปล่อยสัตว์

 

 

           ๑. อยากให้สัตว์นั้นรอดพ้นจากความตาย 
สิ่งมีชีวิตในโลกนี้กลัวที่สุด ก็คือ กลัวตาย แม้แต่มนุษย์เองก็กลัวตายเหมือนกัน เพราะฉะนั้น การที่เราซื้อสัตว์มาปล่อย ไม่ว่าจะเป็นนก ไม่ว่า จะเป็นปลา วัตถุประสงค์สำคัญ ก็คือ ต้องการให้ มันรอดพ้นจากความตายนั่นเอง

           ๒. อยากให้สัตว์นั้นพ้นจากที่คุมขัง
           ๓. อยากได้บุญจากการปล่อยสัตว์นั้น

บุญที่เกิดจากการปล่อยนก ปล่อยปลานั้น มีหลักง่ายๆ ว่า

           ๑) หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น การช่วยให้สัตว์มีอายุยืนยาวต่อไป เมื่อบุญส่งผล ก็จะทำให้เรามีอายุยืนยาวบ้าง เพราะว่าเราก็กลัว ตายเหมือนกัน
          ๒) ตัวเราเองก็กำลังติดคุกอยู่ พวกเรา สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่า ปลาถูกขังอยู่ในถัง นกถูกขังอยู่ในกรง ถ้าไม่มีใครปล่อยมันออกไป มัน ก็คงต้องทรมานอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งตาย แม้ตัวเราเองก็กำลังถูกขังอยู่เหมือนกัน แต่เรามองไม่ออกว่า โลกที่เราอยู่นี้ คือ คุกใบใหญ่ ที่ขังเราเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด

          ตราบใดยังไม่หมดกิเลส เราก็ออกจากคุก คือโลกนี้ไม่ได้ ต้องปราบกิเลสจนหมดสิ้นแล้ว อย่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างพระอรหันต์ ถึงจะหลุด ออกไปจากโลกนี้ได้

       เมื่ออยากจะมีชีวิตที่อิสรเสรี  เพราะฉะนั้น เบื้องต้นที่จะต้องทำ ก็คือ การให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน เพื่ออายุของเราจะได้ยืนยาว จะได้มีโอกาสสร้างบุญ ต่อไปอีกมากๆ และมีโอกาสแก้ไขนิสัยที่ไม่ดีให้หมด ไป จะได้พ้นจากความทุกข์เสียที

          เพราะถ้ายังอยู่ในโลก ก็ต้องมีการกระทบ  กระทั่งกับคนนั้น กับคนนี้ ทั้งในที่ทำงานบ้าง ในครอบครัวบ้าง เมื่อไม่อยากให้เกิดการกระทบ กระทั่ง จนกระทั่งเกิดการบีบคั้นต่อการสร้างความดี ของเรา อย่างนั้นก็ต้องสร้างบุญให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
วันนี้มาเจอปลา เจอนก ถูกเขาจับมากักขัง เอาไว้ อยากจะเอาบุญกับเจ้าพวกนี้แหละ ว่าแล้วก็ซื้อมันแล้วปล่อยไป

           วัตถุประสงค์ของการกระทำทั้ง ๓ ประการนี้ คือ ตัวของเราเองอยากจะเอาบุญ ส่วนสัตว์นั้น เราอยากจะให้มันพ้นจากความตาย อยากจะให้มัน พ้นจากที่คุมขัง มันจะได้มีโอกาสตายตามอายุขัย ที่แท้จริงของมัน

         นี่คือวัตถุประสงค์ของเรา แต่สิ่งที่เราลืมนึก ไปก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักเอาไว้ว่า สัตว์โลกก่อนตายถ้ามีใจผ่องใสย่อมมีสุคติเป็นที่ไป แต่ว่าถ้าใจขุ่นมัวละก็ ย่อมมีทุคติเป็นที่ไป

            เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นปลา นก หมู หมา กา ไก่ก็ตาม ถ้าตายตามธรรมชาติของมัน ไม่ได้ถูกทรมานก่อนตาย มันก็ไม่ต้องไปจองเวรใคร ใจของมันก็ไม่ขุ่น ไม่มืด ไปกว่าที่เป็นอยู่เดิม

             แต่ว่าถ้าเจ้าปลาพวกนั้นถูกทุบหัว เจ้านก พวกนั้นก็ถูกเชือดคอ ต้องเจ็บ ต้องทรมานก่อนตาย มันก็จะผูกเวรผู้ที่ทุบหัว ผู้ที่เชือดคอมัน "เอาเถอะ ข้าไม่ได้กลับมาฆ่าเอ็งบ้างก็แล้วไป" นี่คือความ พยาบาท ผูกเวร ที่เกิดขึ้นมาในใจของสัตว์ก่อนที่จะตาย

             ความพยาบาทผูกเวรนี้เอง ที่ทำให้ใจของสัตว์ นั้นขุ่นมัวยิ่งกว่าตามธรรมดาที่เป็นอยู่ ละโลกไปแล้ว ก็มีโอกาสไปนรก ต้องทุกข์ทรมานหนักยิ่งขึ้นไป กว่าที่เคยเป็นสัตว์เดรัจฉานเสียอีก
                
            ในเวลาเดียวกัน คนขายที่จับสัตว์เหล่านั้น เอามากักขัง เตรียมเอาไว้ให้เขาซื้อไปฆ่า ถ้าไม่มีใคร มาซื้อ ก็ฆ่าเอาไปต้ม ไปแกงกินเสียเอง หรือถ้ามีใครซื้อขณะที่สัตว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็โก่งราคาเขาอีกด้วย จึงเป็นเรื่องของสัตว์ที่อยู่ในร่างคนจะทรมาน สัตว์ด้วยกันเอง

               คุณโยมรู้จักสัตว์ในร่างคนไหม ก็เจ้าคนขาย เจ้าคนทุบหัวสัตว์พวกนั้นนั่นแหละ ตัวเป็นคนแต่ว่า ใจตกอยู่ในระดับเดียวกับสัตว์ พร้อมที่จะฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตอยู่ตลอดเวลา

               เมื่อจิตตกไปอยู่ระดับเดียวกับสัตว์เดรัจฉาน อย่างนี้ แสดงว่าทั้งคนขาย คนทุบหัวปลา คนเชือด คอนก กำลังเตรียมตัวจะไปเป็นนก กำลังเตรียมตัวจะไปเป็นปลา และเมื่อเจอกันเข้าเมื่อไร คงจะจองล้างจองผลาญ กันไม่รู้จักจบจักสิ้นทีเดียว นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภพชาติต่อๆ ไป

               เพราะฉะนั้น เตือนใครได้ก็ช่วยเตือนเขาด้วย ว่าเอ็งเป็นประเภทสัตว์ในร่างคนแล้ว ถ้าขืนยังทำอย่างนี้ต่อไปอีก เอ็งก็จะกลายเป็นสัตว์จริงๆ แล้วต้องไปจองเวรกับพวกสัตว์ทั้งหลายที่เอ็งเคยฆ่า มันเอาไว้ แต่ว่าถ้าไม่ใช่ญาติ หรือไม่ใช่คนที่คุ้นกันจริงๆ ก็ยากที่จะไปเตือนเขาได้ เมื่อเตือนยากก็ต้องปล่อย เขาไปก่อน

 

 

            ส่วนตัวเราเองเป็นผู้ปล่อยสัตว์ เราก็ได้บุญ ที่ให้อายุมัน ซึ่งบุญนั้นจะส่งผลให้เรามีอายุยืนยาว และเนื่องจากสัตว์เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนก หรือ ว่าปลามันไม่ใช่ญาติของเรา แต่ว่าเรายังมีความปรารถนาดี อยากจะให้มัน พ้นจากความตาย อยากจะให้มันพ้นจากการกักขัง ด้วยอำนาจแห่ง ความเมตตากรุณาที่เพาะขึ้นมา ในใจของเรานี้ จะทำให้ใจของเรา มีแต่ความว่าง โปร่ง โล่ง เบา ยิ่งๆ ขึ้นไป

                 เพราะฉะนั้น นอกจากมีอายุยืนยาวแล้ว บุญนี้ยังส่งผลให้ ไม่ว่าเราจะเวียนว่ายอยู่ใน วัฏสงสารอีกยาวนานเท่าไร ก็จะเป็นที่รักของทั้ง มนุษย์และเทวดา

               แม้เดินฝ่าเข้าไปในฝูงสัตว์ร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์มีเขี้ยว สัตว์มีงา สัตว์มีพิษทั้งหลาย พอมาเจอมนุษย์ที่มีจิตเมตตาอย่างเราเท่านั้น มันจะพากันหลีกทางให้ ไม่มาข้องแวะกับเรา นี่เป็นบุญที่จะติดตัวเราไป มองเห็นอานิสงส์ หรือผลดีจากการปล่อยสัตว์ ปล่อยปลาอย่างนี้แล้ว เราก็ทำของเราไป อย่าไปห่วงเลยว่า เดี๋ยวเขาจะไปจับปลา จับนก เอามาให้เราปล่อยอีก แล้วเมื่อไรเขาถึงจะเลิกสักที
                
                 นั่นเป็นเรื่องของเขา เป็นอาชีพของเขา บาปเป็นของเขา เตือนได้ก็เตือน เตือนไม่ได้ เราก็เอาบุญจากการปล่อยนกปล่อยปลา ให้ชีวิต สัตว์เป็นทานของเราต่อไปก็แล้วกัน...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล