ฉบับที่ 66 เมษายน ปี 2551

มูลนิธิธรรมกาย โดย พระราชฯ มอบกองหนุนแรงใจช่วยครูใต้

บทความพิเศษ
เรื่อง : อุบลเขีว

 

 

 

      ย้อนไปถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด ๔ ปีสร้างกระแสหวั่นวิตกให้กับคน ไทยทั้งประเทศเพราะไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากเท่านั้น แต่ผลกระทบที่เกิดตามมานั้นเหลือคณานับ หนึ่งในปัญหาสำคัญสำหรับชาวบ้านที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ คือปัญหาเด็กไร้การศึกษา และภาวะขาดแคลนครู เพราะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เปราะบาง เหมือนอยู่ท่ามกลาง ไฟสงครามที่เต็มไปด้วยอันตรายทุกฝีก้าว

     ปัญหาหนึ่งที่สมาพันธ์ครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สะท้อนออกมา คือ ความโดดเดี่ยวของครูที่ต้องทำงานอยู่ท่าม กลางความหวาดระแวง วิตกกังวลถึงความปลอดภัยของตนเอง ทำให้เกิดความเครียดตลอดเวลา เมื่อเกิดปัญหาครูจะหยุดสอน เรียกร้อง หรือหลบหนีก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นข้าราชการ ประจำ ทำให้อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

        ครูใต้ที่เคยเป็นแสงประทีปหลังกระดานดำ วันนี้เหมือนถูกลมพายุพัดแรง ต้องคอยประคองป้องเปลวประทีปไม่ให้มอดดับแต่ละวันก่อนออกจากบ้าน ต้องมองหาอาวุธป้องกันตัวว่าพร้อมหรือยัง ครูใต้วันนี้ไม่ได้เตรียมการสอน สมุด ดินสอ เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่เมื่อก้าวพ้นขอบรั้วประตู ครูทุกคนจะคิดแค่ว่า จะทำอย่างไรให้เดินทางจากบ้านถึงโรงเรียนโดยปลอดภัย และเมื่อเลิกเรียนก็คิดกลับกันว่า ทำอย่างไรจะถึงบ้านโดยปลอดภัย

     จากการสำรวจเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๕๑ พบว่า มี "แม่พิมพ์ของชาติ"ในท้องถิ่นชายแดนภาคใต้ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความ ไม่สงบแล้ว ๗๑ คน และโรงเรียน ถูกเผาไปแล้วกว่า๑๙๖ โรงเรียน แสงสีแดงเพลิงฉายฉานเหมือนสัญญาณของการสูญเสีย ทั้งหยดเลือดและหยดน้ำตา ครั้งแล้วครั้งเล่า ...

         แม้จะรู้สึกเจ็บปวด ขมขื่น และหวาดกลัวเพียงใด แต่ด้วยวิญญาณแห่งความเป็นผู้ให้ สองเท้าของครูจึงก้าวเดินสู่ประตูโรงเรียน อย่างมั่นคง เพราะยังมีสายตาใสซื่อของเด็กนักเรียนนับร้อย เฝ้ารอคอยความหวังจากครูเป็นที่พึ่ง ภาพคุณครูที่พาเด็กตัวน้อยร้อง เพลงชาติไทยในยามเช้า ทำให้นึกถึงประโยคหนึ่งที่กล่าวไว้อย่างน่าประทับใจว่า "มีโรงเรียนอยู่ที่ใด มีธงชาติไทยอยู่ที่นั่น "ครู" จึงเปรียบเสมือนผู้เชิญธงชาติไทยที่แท้จริง

        จากการสูญเสียครูผู้ประสาทวิชาความรู้และ หยิบยื่นโอกาสที่ดีให้กับเยาวชนจากเหตุการณ์ครั้งนี้มูลนิธิธรรมกายได้ประจักษ์ ชัดถึงความเสียสละของ คุณครูทุกคนอย่างน่าชื่นชมยกย่อง จึงจัดพิธีมอบ "กองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้" เป็นประจำทุกเดือน โดยอุปถัมภ์ของพระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ประธานมูลนิธิธรรมกาย เพื่อระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวของคุณครูทุกท่านที่อยู่ใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (สงขลา ยะลา นราธิวาส ปัตตานี)เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับครูที่ยังปฏิบัติ หน้าที่อยู่ในภาคใต้ด้วยความมุ่งมั่นและอดทน "กองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้" เป็น ส่วนหนึ่งของกิจกรรมสำคัญในพิธีถวายปัจจัยไทยธรรม แด่คณะสงฆ์ ๒๖๖ วัดในพื้นที่ ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจัดติดต่อกันเป็นประจำ ทุกเดือน โดยไม่เคยขาดเลยแม้แต่เดือนเดียว ต่อเนื่องเป็นปีที่ ๓ แล้ว

       พิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ครั้งที่ ๑ จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ณ หอประชุม โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ในพิธีถวายปัจจัยไทยธรรม ๒๖๖ วัด ในพื้นที่ ๔ จังหวัดภาคใต้ ครั้งที่ ๓๒

        พิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ครั้งที่ ๒ จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๑ ณ หอประชุม โรงเรียนนราสิกขาลัย จังหวัดนราธิวาส ในพิธีถวายปัจจัยไทยธรรม๒๖๖ วัด ในพื้นที่ ๔ จังหวัดภาคใต้ ครั้งที่ ๓๓

         พิธีมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ครั้งที่ ๓ จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ณ หอประชุมศูนย์เยาวชนเทศบาล นครยะลา จังหวัดยะลาในพิธีถวายปัจจัยไทยธรรม ๒๖๖ วัด ในพื้นที่ ๔ จังหวัดภาคใต้ ครั้งที่ ๓๔

         โดยพิธีทั้ง ๓ ครั้ง ได้มอบกองทุนหนุนแรงใจ ช่วยครูใต้ไปแล้ว จำนวน ๑,๔๔๐ กองทุน เป็นจำนวน เงินทั้งสิ้น ๓,๐๗๐,๐๐๐ บาท

 

 

 

 

 

          เพราะตระหนักถึงความสำคัญของครู ซึ่งส่วนใหญ่สอนอยู่ในพื้นที่มานานหลายสิบปี นับเป็น ผู้ที่เข้าใจภาพรวมของปัญหาอย่างลึกซึ้ง ด้วยครูเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็กและผู้ปกครองมากที่สุดมีความผูกพันกับชาวบ้านมานาน โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาระบบการศึกษา ที่ครูจะต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางของเด็กไทยในอนาคต ด้วยการปลูกฝังคุณธรรมนำความรู้ และมีส่วนสำคัญในการ ร่วมสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น ในการเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างคนในชุมชนเข้าไว้ด้วยกัน

        ดังจะเห็น  ได้จากหลาย เหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อมีอะไรเกิด ขึ้นกับเด็กนักเรียน และโรงเรียน คนที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเป็นคนแรกก็คือ ครู เช่น คดีเผาโรงเรียน ๓๕ แห่งในวันเดียว เด็กไม่มีอาคารเรียนครูก็ไปเกณฑ์ผู้ปกครองมาช่วยกันสร้าง สร้างแล้วยังไม่มีโรงอาหาร เด็กไม่มีที่นั่งกินข้าว ครูก็ไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านมาช่วยสร้างกันอีก โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณ ของทางราชการเลย นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง ของความสมานฉันท์ที่ยังดำรงอยู่ ในหลายๆ ชุมชน อันสืบเนื่องจาก "ครู" เป็นผู้นำ

        วันวานของครูใต้ คือชีวิตบางๆ ที่แขวนระหว่างความปลอดภัยของตัวเอง กับการได้แนะนำ สั่งสอนความรู้แก่เยาวชนไทย จนกลายเป็นสองทางเลือกที่ต้องตัดสินใจว่าครูใต้จะอยู่อย่างไร และอยู่เพื่อใครในวันข้างหน้าแต่วันนี้ เมื่อ "กองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้" ได้เกิดขึ้น เรียกขวัญและกำลังใจกลับคืนมาอย่างมาก ครูจึงเลือกตัดสินใจเดินบนทางสายเดียวอย่าง เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ นั่นคือ หยัดสู้ไม่ถอยหนี เพราะทุกภาพแห่งความทุกข์ร้อนของครูใต้ที่เกิดขึ้นชาวไทยทุกคนไม่อาจนิ่งนอนใจ ตระหนัก ว่ายิ่งสถานการณ์คับขันเพียงใด การส่งเสริมกำลังใจ และความช่วยเหลือยิ่งต้องดำเนินต่อไปมากขึ้น ซึ่ง "กองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้" นับเป็นขวัญและกำลังใจที่สำคัญอย่างยิ่ง ที่ทำให้คุณครูทุกคนรับรู้ว่าท่านไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง แต่ยังมีอีกนับหมื่น นับแสนดวงใจคอยหยัดสู้เคียงข้าง โดยจะไม่มีวันยอมเลิกร้างกลางคัน จนกว่าสันติสุขจะบังเกิดขึ้นอย่างแท้จริง

 

ขอฝากใจไปถึงคุณครูใต้ พี่น้องไทยห่วงใยอยู่เสมอ

แม้ไม่ได้อยู่ด้วยก็รู้ว่าเธอ ได้เจอะเจอสิ่งเลวร้ายทุกๆ วัน

ครูไม่ใหญ่ก็ห่วงใยทุกค่ำเช้า ได้แต่เฝ้าอธิษฐานเฝ้าเพียรฝัน

สันติสุขต้องเกิดขึ้นในสักวัน ให้คุณครูเชื่อมั่นฝันเป็นจริง

ณ วันนี้ให้ทำบุญทุกๆ บุญ จะเกื้อหนุนให้คุณครูทั้งชายหญิง

มีกุศลผลบุญไว้พึ่งพิง ขับทุกสิ่งที่เลวร้ายมลายไป

จงทำใจหยุดนิ่งเป็นสมาธิ ใจจะผลิเบ่งบานเหมือนแก้วใส

จะมีสุขสดชื่นอยู่ภายใน ไม่กลัวภัยยิ้มได้ทุกคืนวัน

(ครูไม่ใหญ่)

 

 

โอวาทพระราชภาวนาวิสุทธิ์(หลวงพ่อธัมมชโย)
ประธานมูลนิธิธรรมกาย

     มอบกองทุนเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้คุณครูผู้หยัดสู้รักษาผืนแผ่นดินใต้ คือ น้ำใจที่จะสร้างแรงใจให้กับคุณครูทั้งหลาย ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ สิ่งแวดล้อมที่ต้องออกจากบ้านด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อเดินทางเป็นผู้ให้แสงสว่างที่นั่น

       เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะมองข้ามคุณครูแผ่นดินใต้ ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการรักษาผืนแผ่นดินนี้และทำหน้าที่ผู้ให้แสงสว่างอย่างสุดกำลังโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และเผ่าพันธุ์ ให้มองเข้าไปในดวงใจของครูว่าท่านคิดอย่างไร จึงมีความ รู้สึกอย่างนี้ จึงไม่หนี ไม่ย้าย เพราะฉะนั้นเราจะปล่อยให้ท่านทำงานอย่างโดดเดี่ยวได้อย่างไร เราควรจะไปร่วมช่วยด้วย

      เมื่อเราไม่อาจจะไปอยู่ตรงนั้นได้ตลอดเวลา มีสิ่งแทนหัวใจของเรา คือปัจจัยที่เราหามาด้วยความ ยากลำบาก อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันคนละเล็ก คนละน้อยเอามารวมกัน แล้วนำมาตั้งกองทุน ซึ่งตอนนี้ครูไม่ใหญ่ก็ชักชวนตัวเล็ก ตัวน้อย ตัวกลาง ตัวใหญ่มา เพราะสำคัญมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อจะบอกท่านทางอ้อมว่า เราพี่น้องผองไทยรวมทั้งนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลก เพื่อนมนุษย์ทั่วโลกเข้าใจ เห็นใจ ว่าอะไรเกิดขึ้นตรงนั้นแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงขอเอาปัจจัยนี้เป็นสิ่งแทนตัวและหัวใจ

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล