ฉบับที่ 77 มีนาคม ปี2552

การสร้างความคิดสร้างสรรค์

ทันโลก ทันธรรม
เรื่อง : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ (M.D.,Ph.D.)
จากรายการทันโลก ทันธรรม ออกอากาศทางช่อง DMC

 

 

  เรื่องความคิดสร้างสรรค์ ดูตัวอย่างจากพระอรหันต์ผู้เป็นเอตทัคคะรูปหนึ่งในครั้งพุทธกาล คือท่านจุลปันถก ประวัติท่านน่าทึ่งทีเดียว

         พระพี่ชายของท่านคือพระมหาปันถก เป็นพระอรหันต์ น้องก็ออกบวชตามพี่ พี่ก็พยายามสอน แต่ปรากฏว่า น้องเป็นคนหัวทึบมาก พี่ให้ท่องคาถาแค่ คาถาเดียว มีอยู่แค่ ๔ วรรคแค่นั้นเอง ๔ เดือนยังจำไม่ได้เลย สาเหตุเป็นเพราะว่า ภพในอดีตท่านเคยเป็นคนที่ฉลาดมาก แล้วเห็นคนอื่นเขาหัวดีสู้ตัวเองไม่ได้ เลยหัวเราะเยาะดูถูกเขา วิบากกรรมตามมา เลยกลายเป็นคนหัวทึบ พวกเราอย่าไปดูถูกใคร ไม่ดีเลย กฎแห่งกรรมนี่น่ากลัว ต้องกันเอาไว้ก่อน
        มาดูว่าท่านจุลปันถกท่านแก้อย่างไร คราวนี้ ๔ เดือนคาถาเดียวท่องไม่ได้ พี่ก็เห็นว่า น้องคงไปไม่ไหวแล้ว ไม่มีวาสนาในพระพุทธศาสนาแล้ว แค่คาถาเดียว ๔ วรรค ๔ เดือนยังจำไม่ได้ แล้วจะไปรอดได้อย่างไร ท่านจุลปันถกเอง ก็น้อยอกน้อยใจ คิดจะสึกแล้ว แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นด้วยข่ายพระญาณ ทรงรู้ว่าจริงๆ แล้ว บุญของพระจุลปันถก มีมากพอที่จะบรรลุธรรมได้ พระองค์เลยเสด็จมาโปรด
       ทรงให้จุลปันถกเอาผ้าขาวมาหนึ่งผืน แล้วให้ลูบไป มองดูพระอาทิตย์แล้วลูบไป พระจุลปันถกก็ทำตาม ท่อง "รโชหรณํ รโชหรณํ"แปลว่า ผ้าเช็ดธุลี ไปสักพักหนึ่ง เห็นผ้าขาวๆ อย่างนั้น พอเหงื่อไคลเริ่มออกมันเริ่มมีสีคล้ำๆ ขึ้นมา เลยได้คิดว่าสรีระคนเราไม่สะอาดเลย ผ้าขาวแท้ๆ เราถูไปถูมาสีมันยังเริ่มเปลี่ยนได้ ก็น้อมนำใจตั้งลงสู่ศูนย์กลางกายพิจารณาไป ใจหยุดนิ่งไป สุดท้ายบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ตรงนั้นเอง แล้วเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มากด้วย มีมโนมยฤทธิ ฤทธิ์สำเร็จด้วยใจ แปลงกายได้เป็นพันเลย พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะ คือเป็นเลิศทางด้านมีมโนมยฤทธิ

 

 

            พวกเราตอนเริ่มต้นฉลาดกว่าท่านจุลปันถกหมด ให้ท่องกลอนอะไรสัก ๔ วรรค ไม่ต้อง ๔ เดือน คงแค่ไม่กี่นาทีก็ท่องได้ แต่นี่ท่านท่อง ๔ วรรค บรรทัดเดียวยาวสักสองวรรคเท่านั้นเอง ๔ เดือนยังท่องไม่ได้ ทึบขนาดนั้น แต่สุดท้าย เป็นพระอรหันต์ได้ด้วยการทำใจหยุดนิ่ง พอใจหยุดนิ่งมันเหมือนไขกุญแจคลิกเข้าไป เปิดเข้าสู่ขุมคลังแห่งปัญญา อันกว้างใหญ่ไพศาล มีความคิดสร้างสรรค์แบบไม่รู้จบเลย จนกระทั่งปราบกิเลสในตัวได้หมด แล้วก็เป็นเลิศทางด้านมโนมยนิธิ มีฤทธิ์ทางใจด้วย

      ตรงนี้นี่เอง คือ กุญแจไขไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่าง สู่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ สู่การทำใจให้สงบอาตมภาพก็เคยมี ประสบการณ์เรื่องนี้อยู่เหมือนกัน คือ เมื่อปี ๒๕๒ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านมอบหมาย ให้ไปศึกษาต่อ ทางพระพุทธศาสนาที่ประเทศญี่ปุ่น เราก็ไป ตอนนั้นต้องบอกว่าทั้งประเทศญี่ปุ่นมีพระไทยอยู่รูปเดียว คือ ตัวอาตมภาพเอง วัดก็ยังไม่มี อุบาสก อุปัฏฐากก็ยังไม่มี ไปเดี่ยวๆ ภาษาก็คุยกับเขายังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ต้องทำให้ได้ เพราะท่านมอบหมาย ก็ตั้งใจ

         ตอนนั้นถ้าจะเปรียบทางโลกก็คือทหารที่ออกจากฐานทัพ แล้วออกไปดงข้าศึกแค่คนเดียว ต้องคุ้มครองตัวเองให้ได้ ก็เลยตั้งใจว่า ไม่ว่างานจะยุ่งอย่างไรก็แล้วแต่ จะดึกดื่นเที่ยงคืนฟ้าสางอย่างไรจะต้องสวดมนต์ทำวัตร แล้วนั่งสมาธิทุกวัน ไม่ให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว แล้วก็จะเขียนบันทึกประจำวัน เพื่อพิจารณาตนเอง ทบทวนตนเองแล้วสอนตนเองทุกๆ วัน เราจะได้ไม่พลาด ก็ทำอย่างนี้เรื่อยมา

          ถึงตอนที่จะเขียนวิทยานิพนธ์  ทั้งช่วงปริญญาโท และปริญญาเอก ต้องเพิ่มรอบการนั่งสมาธิเป็นหลายรอบขึ้นมา คือ ต้องเพิ่มช่วงสายด้วย พอฉันเช้าเสร็จก่อนจะเริ่มลงมือค้นคว้า ขีดเขียนวิทยานิพนธ์ต้องนั่งสมาธิก่อน หลังเพลต้องนั่งสมาธิต่อ อีกรอบหนึ่งก่อน วันหนึ่งต้องว่ากัน ๓-๔ รอบ

             ถามว่าเขียนวิทยานิพนธ์ต้องใช้เวลาเยอะมาก แล้วแบ่งเวลาไปปฏิบัติธรรมเยอะๆ อย่างนี้จะทันหรือ ตอบว่าไม่ได้เสียเวลาเลย เพราะการปฏิบัติธรรมทำให้ใจเรานิ่ง เวลาจะตรึกตรองขบคิดเรื่องอะไรมันทำให้ทะลุปรุโปร่ง ความคิดสร้างสรรค์มันเกิดขึ้นมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วจะมีบางครั้งที่เจอประเด็นที่ยากจริงๆ ว่าเรื่องนี้จะเอาอย่างไรดี เป็นประเด็นสำคัญด้วย ก็จะทำการรวบรวมข้อมูลทุกอย่าง ศึกษาจนกระทั่งกระจ่าง แต่ตรงข้อสรุปว่าจะเอาอย่างไรยังสรุปไม่ได้

           พอศึกษาข้อมูลทั่วหมดแล้ว นั่งสมาธิ พอเสร็จเรียบร้อยกลางคืนก็จำวัดเลย พอตื่นเช้ามาจะได้คำตอบ การแก้ปัญหาของเราง่ายไหม ชาวโลกก็ต้องคิดกันหัวแตกเลย แต่เราศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ แล้วก็นั่งสมาธิหลับตาเบาๆ สบายๆ เสร็จแล้วใจโปร่งเบาสบาย นิ่งดี ตกกลางคืนก็จำวัดเลย ตื่นเช้าก็คิดออก ต้องบอกว่าอะไร จะสบายอย่างนี้ เพราะเราไม่ได้คิดคนเดียว ข้างนอกเหนื่อยนัก ให้กายละเอียดช่วยคิดบ้างสิ เช้ามาได้คำตอบ ฉะนั้นสบายมาก จึงได้คำตอบจากการศึกษาวิจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญ และก็มีส่วนต่อการเปลี่ยนแปลง แนวทางวิชาการของโลก ได้ทีเดียว

 

 

             เพราะฉะนั้นเรื่องนี้อาตมาคิดว่าสามารถปรับใช้ได้ในกรณีต่างๆ ด้วยเช่นกัน คือเราจะแก้ปัญหาเรื่องอะไร ขอให้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นให้ครบถ้วน ให้กว้างที่สุด ครบถ้วนที่สุด ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสร็จแล้วถ้าหากยังคิดไม่ออก ให้ออกจากความคิด ทำใจให้สงบ แล้วเราจะพบทางออก พบคำตอบ นี่คือสูตรสำเร็จที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยท่านฝากไว้กับเรา ศึกษาให้ถ้วนทั่ว ให้กว้างขวาง ให้ครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสร็จแล้วถ้าหากยังคิดไม่ออก ให้ออกจากความคิด ทำใจของเราให้สงบ แล้วเราจะพบคำตอบ นี่คือหัวใจของการ เกิดความคิดสร้างสรรค์ เจริญพร

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล