ฉบับที่ 93 กรกฎาคม ปี2553

ชีวิตสมณะ ชีวิตที่ฝันใฝ่.. ของลูกผู้ชายตัวจริง

เรื่องเด่น

เรื่อง : พระสมศักดิ์ จนฺทสีโล

 





 

  ไม่น่าเชื่อว่าจากคนธรรมดาสามัญ แต่เมื่อเข้าสู่การเป็นเพศนักบวชในพระพุทธศาสนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระราชามหาเศรษฐี ข้าราชการทุกระดับ ตลอดจนผู้คนทั้งหลาย ต่างก็ต้องยกมือไหว้พระภิกษุ สามเณร แม้จะเพิ่งบวชได้เพียงวันเดียว

 




 

   ...นั่นก็แสดงว่า เพศบรรพชิต เป็นเพศอันสูงส่งกว่ามนุษย์ทั่วไป แต่ก็เป็นที่น่าคิดว่า การก้าวเข้าสู่เพศบรรพชิตนั้น มิได้จำกัดว่าจะเป็นชนชั้นไหน หรือมีฐานะอย่างไร ขอเพียงให้เป็นผู้ชายที่มีจิตศรัทธามุ่งมั่น ที่จะปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย และปรารถนาจะฝึกฝนตนเองให้เป็นพระแท้ สมกับที่มีผู้คนกราบไหว้ ก็สามารถที่จะเป็นพระภิกษุ สามเณร ในพระพุทธศาสนาได้อย่างน่าเคารพบูชา

 




 

ชีวิตของนักรบ

แห่งกองทัพธรรม

ไม่มีวันปลดเกษียณ

................................................................................

 

พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ได้เคยกล่าวให้โอวาทไว้ว่า

          ชีวิตของนักบวชนั้น เป็นชีวิตของนักรบกองทัพธรรม ผู้ที่ได้อุทิศตนให้กับพระพุทธศาสนา เป็นชีวิตที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง... ยิ่งกว่าชีวิตของจอมจักรพรรดิ หรือยิ่งกว่าชีวิตใด ๆ ในโลกทั้งหมด... และเป็นชีวิตที่มีเกียรติสูงสุด ที่ไม่ใช่มีเฉพาะในเมืองมนุษย์นี้เท่านั้น... แต่มีเกียรติสูงสุดทั้งในสัมปรายภพและในเทวโลก

          จากโอวาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังกล่าว แสดงว่าเพศของนักบวชเป็นเพศที่สำคัญ ก่อให้เกิดบุญกุศลแก่ผู้บวชทั้งในชีวิตปัจจุบัน และแม้ละสังขารจากโลกไปแล้ว ก็ยังมีบุญที่เกิดจากการบวชติดตามไปเกื้อหนุน ให้เกิดความสุขในสัมปรายภพได้อีกด้วย และจากโอวาทของพระเดชพระคุณหลวงพ่อข้างต้น ยังให้ข้อคิดอีกว่า ชีวิตของนักบวชไม่มีวันเกษียณ หรือไม่มีวันปลดประจำการเหมือนนักรบในทางโลก และผู้บวชสามารถอยู่ในเพศนี้ได้ตลอดชีวิต ขณะเดียวกัน ลูกผู้ชายแม้วัยเกษียณอายุการทำงานในทางโลก ยังสามารถก้าวเข้าสู่ชีวิตนักบวชได้ และยิ่งจะเป็นชีวิตนักบวชที่ปลอดจากเครื่องกังวลได้เป็นอย่างดี

 





 

วัยเกษียณ

ก็ต้องเพียรสร้างหนทางสวรรค์

................................................................................

 

          การที่จะมีบุคคลใดที่มีความอดทน ทุ่มเท เสียสละ สามารถทำงานที่ซ้ำซาก จำเจ คอยแก้ปัญหา คอยเอาใจใส่ จดจ่ออยู่กับภารกิจหน้าที่และรับผิดชอบงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานนับหลายสิบปี จนกระทั่งถึงวันเวลาที่จะต้องหมดวาระที่เรียกว่า เกษียณ ได้นั้น ต้องถือว่าบุคคลนั้น เป็นบุคคลที่น่ายกย่องชมเชยเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงภาวะทางจิตใจที่สูงส่งแล้ว ยังถือเป็นบุคคลที่เป็นแบบอย่างแห่งการทำงานที่ยั่งยืน

 




 

          ซึ่งคำว่า เกษียณ ในแวดวงของคนทำงานนั้นถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะย่อมเป็นประสบการณ์ ที่จะต้องพบเจออย่างแน่นอน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีตำแหน่งหน้าที่ใด และการเข้าถึงวาระเกษียณมิใช่เป็นเรื่องของความเครียด หรือเป็นเรื่องที่ทำให้กังวลใจที่จะต้องวางงานอันเป็นที่รักลง แต่กลับเป็นเรื่องที่จะทำให้เราตระหนักในใจเสมอว่า วาระนี้จะเป็นวาระพิเศษที่เราจะได้มาทบทวนถึงความจริงของชีวิต และพิจารณาที่จะเติมเต็ม สิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตของตนเอง เพื่อความเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง ...ชีวิตนักบวชจึงเป็นชีวิตที่รอคอยที่จะให้ผู้ที่เกษียณอายุในทางโลก มาเริ่มต้นชีวิตที่แท้จริงในทางธรรม

 

              

วัยฉกาจฉกรรจ์

ก็ต้องบวชเรียน

ทดแทนคุณบิดามารดา

................................................................................

 

          มิใช่เพศบรรพชิตจะทำได้เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น แม้จะยังเป็นคนหนุ่มในวัยนิสิตนักศึกษา ทั้งที่ยังเรียนอยู่หรือสำเร็จการศึกษาแล้ว ก็ยิ่งเป็นวาระของชีวิตที่จะได้เข้ามาศึกษาและฝึกฝนตนเองในพระพุทธศาสนา เพราะมีข้อคิดอย่างหนึ่งว่า ในวัยนิสิตนักศึกษานั้น เป็นวัยที่สามารถเรียนรู้จนสามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก แต่มักจะยังไม่ชำนาญที่จะสามารถแยกแยะได้ว่า อะไรเหมาะสมอะไรไม่เหมาะสม นอกจากจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตจริง และจะศึกษาได้จากคำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะทำให้เราทั้งหลายสามารถมองโลกได้หลายมิติและอย่างชัดแจ้งชัดเจน

 



 

          สามารถจะเป็นผู้นำพาชีวิตของตนไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องและประเสริฐได้ ดังที่พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่านได้ให้โอวาทและชี้ให้เห็นเส้นทางชีวิตอันประเสริฐในเพศนักบวชไว้มากมาย ดังตอนหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อกล่าวไว้ว่า

          ชีวิตสมณะเป็นชีวิตอันประเสริฐที่สุด เป็นเส้นทางชีวิตของผู้ที่เห็นภัยในวัฎสงสาร และเห็นทุกข์เห็นโทษของฆราวาสวิสัย เพราะชีวิตทางโลกยังเป็นชีวิตของผู้ที่ยังข้องเกี่ยว และเวียนวนอยู่กับภารกิจของการครองเรือน ยากที่จะหาเวลาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งได้... ชีวิตนักบวชจึงเป็นชีวิตของผู้เว้นจากพฤติกรรมแบบชาวโลก เพื่อจะได้ปลอดจากเครื่องกังวลต่างๆ มุ่งทำแบบพระ พูดแบบพระ คิดแบบพระ สงบ เสงี่ยม สง่างาม สั่งสมศีล สมาธิ ปัญญา ให้เจริญงอกงามขึ้นในตน

 



 

ชีวิตนักบวช

คือ ชีวิตของผู้แจ้งโลก...มิใช่หนีโลก

................................................................................

 

          ผู้ที่จะมาบวชได้ต้องถือว่าเป็นผู้มีบุญมาก เพราะเพศสมณะ ใช่ว่าใครจะมาอยู่ได้ง่าย ๆ ต้องสั่งสมบุญกันมาข้ามภพข้ามชาติ ต้องมีบารมีมาก จึงจะมีโอกาสมาบวชในพุทธศาสนา ดูอย่างในสมัยพุทธกาลเป็นต้น ผู้ที่มาบวชนั้น ไม่ใช่ผู้ด้อยโอกาส แต่เป็นผู้ที่มาจากหลายตระกูลที่ล้วนแต่ประสบความสำเร็จในชีวิต หลายท่านมาจากตระกูลกษัตริย์ขัตติยะก็มี พราหมณ์ก็มี แพศย์ก็มี ศูทรก็มี มีทุก ๆ ตระกูลมาบวชกัน เพียงแค่ว่ามาจากตระกูลกษัตริย์ หรือพราหมณ์ หรือมหาเศรษฐี ที่เข้ามาบวช ก็แสดงว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว ไม่ใช่เรื่องของผู้ด้อยโอกาส แต่จะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งทีเดียว

           นอกจากนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อยังได้ให้โอวาทไว้อีกตอนหนึ่งว่า

           บุคคลใดได้มีโอกาสได้เข้าสู่เพศสมณะนั้น จะต้องเป็นผู้มี บุญญาธิการที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน กว่าจะมีพระธรรม คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ยากอย่างยิ่ง จะต้องมี การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสียก่อน และกว่าจะมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะต้องสร้างบารมี ๓๐ ทัศ เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ เป็นเวลายาวนาน เกิดตายนับภพนับชาติไม่ถ้วน สร้างบารมีโดยไม่กลัวอุปสรรค สละทรัพย์ไม่เสียดาย ทรัพย์ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ น้อย ๆ ทำตั้งแต่น้อย ๆ จนกระทั่งยกทรัพย์ที่เป็นราชสมบัติ จนกระทั่งแม้มีสมบัติจักรพรรดิ ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งสมบัติของปุถุชนก็ยังยกให้ สละแจกจ่ายเป็นทานโดยไม่เสียดาย ปรารถนาเพียงอยากจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 



 

ขอเชิญลูกผู้ชาย

มาบวชให้เป็นที่พึ่งของตนเอง

................................................................................

 

          โอกาสสำคัญมาถึงลูกผู้ชายทั้งวัยหนุ่มและ ผู้ถึงวาระเกษียณ ที่จะได้กลับคืนสู่ความเป็นตัวของตัวเราที่แท้จริง และเป็นโอกาสจะได้ใช้ชีวิตเพื่อสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในจิตใจอย่างเต็มที่ ทั้งด้วยการทำทาน อันเป็นการให้จากจิตใจที่เอื้ออารี ทั้งด้วยการรักษาศีล อันเป็นการชำระใจให้พร้อมที่จะรองรับคุณธรรมเบื้องสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป และด้วย การเจริญภาวนา อันเป็นการน้อมจิตให้สุขสงบและใสสว่าง เพราะบุญที่เกิดจากการบวชครั้งนี้ จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง และเป็นความบริสุทธิ์ผ่องใส ที่จะประทับแน่นอยู่ในจิตใจเราตลอดไป ซึ่งเราเองย่อมประจักษ์อยู่แก่ใจว่า ทรัพย์สมบัติและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายทั้งหลาย ที่หามาได้ตลอดระยะเวลาแห่งชีวิตที่ผ่านมานั้น ไม่ว่าจะเป็น อาหารอันมีรสเลิศ อาคารบ้านเรือนอันใหญ่โตโอฬาร หรือแม้แต่อาภรณ์วิจิตรประณีตอันมีราคาแพง สิ่งเหล่านี้หาได้ติดตามตัวเราไปได้ในชีวิตเบื้องหน้า แต่สิ่งที่เราต้องการที่แท้จริง คือ บุญกุศลที่จะยังให้เรามีความสุขใจ มีที่พึ่งที่ระลึกอยู่ในใจ แม้หากจะเกิดเจ็บป่วยนอนอยู่บนเตียง ก็มีความมั่นใจที่พร้อมจะเผชิญกับชีวิต ทั้งโลกนี้และโลกหน้าอย่างไม่หวาดหวั่น เพราะชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมะนั่นเองเป็นชีวิตที่แท้จริงของเรา และการที่เราได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอยู่ในเพศสมณะนั้น...คือหน้าที่ที่แท้จริงของชีวิต

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล