ฉบับที่ 120 ตุลาคม ปี2555

อธิษฐานบารมี ยอมตายไม่ยอมทิ้งเป้าหมาย

ปกิณกธรรม

เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณจิโต ป.ธ.๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ.๙/
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์

 

 

อธิษฐานบารมี

ยอมตายไม่ยอมทิ้งเป้าหมาย

 

          "ท่านพึงบำเพ็ญอธิฐานบารมีให้เต็มเปี่ยม ธรรมดาว่าภูเขาหินศิลาแท่งทึบ ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่สะเทือนด้วยแรงลม ตั้งอยู่ในที่เดิมของตนเท่านั้น ฉันใด ท่านจงอย่าได้หวั่นไหว ในความตั้งใจจริงตลอดกาล จักได้เป็นพระพุทธเจ้า"

          อธิษฐานบารมีเป็นการตั้งใจที่ไม่หวั่นไหว เหมือนภูเขาหินที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวด้วยแรงพายุ การ สร้างอธิษฐานบารมีนี้ จึงมีลักษณะว่า "ยอมตาย ไม่ยอมเปลี่ยนใจอย่างเด็ดขาด" การอธิษฐานเป็นการวางแผนชีวิตในอนาคต แล้วฝึกฝนใจให้เข้มแข็งดุจเพชรเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมให้สิ่งใดมาสั่นคลอนเป้าหมาย แม้เกิดใหม่ก็จะเป็นผู้มีเป้าหมายที่มั่นคง ไม่เป็นผู้เลื่อนลอย เป็นคนมีแก่นสาร การอธิษฐานเป็นประดุจหางเสือเรือที่คอยคัดท้ายนาวาชีวิต นำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง ถ้าไม่มั่นคงในแรงอธิษฐานก็จะเป็น ประดุจเรือที่เคว้งคว้างกลางทะเลหาฝั่งไม่เจอ

อธิษฐานจิตให้ชีวิตรอดอบาย

          พระบรมโพธิสัตว์ท่านบำเพ็ญอธิษฐานบารมี มานับชาติไม่ถ้วน เช่น เมื่อครั้งสมัยสร้างบารมีเป็น พระเตมิยราชกุมาร ท่านรู้ว่าหากได้ครองราชย์แล้ว จะต้องสั่งประหารชีวิตผู้คนมากมาย ซึ่งจะเป็นเหตุให้ไปบังเกิดในมหานรก ท่านจึงอธิษฐานจิตที่จะออก บวชให้ได้ โดยต้องแสร้งทำเป็นคนใบ้ หูหนวก ง่อยเปลี้ย ท่านยอมทนอยู่นานถึง ๑๖ ปี แม้จะมีอุปสรรคมากมายมาท้าทายแรงอธิษฐาน ท่านก็ยอม เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ในที่สุดก็ได้ออกบวชสมปรารถนา

          ในชาดกได้บันทึกเอาไว้ว่า "เราไม่ได้เกลียดพระมารดา พระบิดา เราไม่ได้เกลียดตัวเอง แต่พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักและปรารถนายิ่งนัก เราจึงอธิษฐานองค์ ๓ ประการ (เป็นคนใบ้ หูหนวก ง่อยเปลี้ย) อยู่๑๖ ปีผู้เสมอด้วยอธิษฐานของเราไม่มีนี้เป็นอธิษฐานบารมีของเรา" เมื่ออธิษฐานบารมีเต็มเปี่ยม ในยามที่ชีวิตคับขัน จะหาใครเอื้อมมือ มาช่วยก็ไม่ได้ คงได้แต่นึกถึงบุญเป็นที่ตั้ง แล้วถ้าสั่งสมอธิษฐานบารมีเอาไว้ดีแล้ว แรงอธิษฐานจะช่วย พลิกวิกฤตเป็นโอกาสอย่างไรบ้าง มีตัวอย่างที่น่าศึกษาดังต่อไปนี้

 

 

ด้วยแรงอธิษฐาน

          ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิด สุนัขตัวใหญ่ล่ำสัน รูปร่างใหญ่โต สง่างาม เป็นที่เกรงขามของสุนัขทั้งหมด เมื่อโตขึ้นจึงห้อมล้อมด้วย สุนัขมากมายในสุสานใหญ่ อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาเสด็จขึ้นทรงรถเทียมม้าเข้าไปในพระอุทยาน ทรงพักผ่อนในพระอุทยานตลอดทั้งวัน เมื่อพระอาทิตย์ อัสดงจึงเสด็จเข้าพระนคร ราชบุรุษวางสายเชือกหนัง รถตามที่ผูกไว้ตรงบริเวณพระลานหลวง เมื่อฝนตกตอนกลางคืน รถก็เปียกฝน พวกสุนัขในราชตระกูล ลงจากปราสาทมากัดกินหนังและชะเนาะของราชรถ พอวันรุ่งขึ้น พวกราชบุรุษจึงกราบทูลพระราชาว่า "สุนัขของชาวบ้านแอบเข้าไปทางท่อน้ำ กัดกินหนัง และชะเนาะของราชรถ พระเจ้าข้า "

 

 

          พระราชาทรงกริ้วสุนัขมาก "พวกท่านจงฆ่าพวกสุนัขให้สิ้นซาก เห็นที่ไหน ฆ่าให้หมด" ตั้งแฆต่นั้นมา สุนัขถูกฆ่าตายเกลื่อนตามท้องถนน สุนัขที่เหลือจึงพากันหนีตายเข้าไปในป่าช้า เพื่อไปขอความ ช่วยเหลือพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นพญาสุนัข พระโพธิสัตว์ ไต่ถามต้นสายปลายเหตุของมหันตภัยครั้งนี้แล้ว จึงคิดจะช่วยสุนัขให้พ้นภัย

          พระโพธิสัตว์คิดว่า "เป็นการยากยิ่งที่สุนัขนอกวังจะเข้าไปภายในพระลานหลวงได้ ต้องเป็นสุนัขเลี้ยงภายในพระราชนิเวศน์แน่นอน ภัยไม่เกิดขึ้นกับโจร แต่ผู้ไม่ใช่โจรกลับมีภัย เราจะให้สุนัขเหล่านี้ปลอดภัยให้ได้"

          พญาสุนัขปลอบโยนสุนัขทั้งหมดให้สบายใจ ว่าแล้วก็นึกถึงบารมีที่ได้สร้างมา ตั้งเมตตาจิตไปข้างหน้า พร้อมกับอธิษฐานว่า "ใคร ๆ อย่าได้ยิง อย่าได้ขว้างก้อนหินหรือไม้ใส่เราเลย" ว่าแล้วก็วิ่งทะยานออกจากสุสานใหญ่เข้าไปภายในพระนครตามลำพัง น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทั้งชาวบ้านและราชบุรุษ เห็นพญาสุนัขแล้ว ต่างเกิดจิตรักใคร่เอ็นดู และหลงลืมราชโองการว่าให้ฆ่าสุนัขทุกตัวที่เห็น

          พญาสุนัขวิ่งเข้าไปในท้องพระโรงด้วยความเร็ว ทำให้ทหารไม่สามารถห้ามเอาไว้ได้ จากนั้นก็หลบเข้า ไปหมอบอยู่ใต้อาสน์ของพระราชา พระราชาทรงเกิด ความรักในพญาสุนัขขึ้นมาอย่างจับจิต พญาสุนัขอธิษฐานจิตให้สามารถสื่อเป็นภาษามนุษย์กับพระ-ราชาได้ แล้วกล่าวว่า "ได้ยินว่า พระองค์ทรงให้ฆ่าสุนัขจริงหรือพระเจ้าข้า" พระราชา "ใช่แล้ว พวกสุนัขมากัดกินหนังหุ้มรถ เราจึงสั่งฆ่า"

          พญาสุนัขทูลว่า "สุนัขเหล่าใดที่ได้รับการเลี้ยง ไว้ในราชสกุล สมบูรณ์ด้วยสีสันและกำลังวังชา สุนัขเหล่านั้นไม่ถูกฆ่า พวกเรากลับถูกฆ่า ไม่ถือว่าเป็น การลุอคติไปหน่อยหรือ พระเจ้าข้า" "ดูก่อนบัณฑิต ก็ท่านรู้หรือว่า สุนัขตัวไหนกินหนังหุ้มรถ" "พวกสุนัขเลี้ยงที่อยู่ในตำหนักของพระองค์ พระเจ้าข้า" พระราชาทรงท้าให้พิสูจน์ "งั้น เจ้าต้องพิสูจน์ให้ได้ เราถึงจะเชื่อ" พญาสุนัขทูลว่า "ขอให้นำสุนัขเลี้ยงในตำหนักเข้ามา แล้วให้นำเปรียงกับหญ้าแพรกมาหน่อยหนึ่ง ให้ขยำหญ้ากับเปรียง แล้วให้สุนัขเหล่านี้ดื่ม" พระราชาทรงให้ทำตามที่แนะนำ เมื่อสุนัข วังหลวงดื่มแล้วก็ถ่ายออกมาพร้อมกับหนังที่กินเข้าไป พระราชาทรงอัศจรรย์ในปัญญาของพญาสุนัขมาก ถึงขนาดทรงทำการบูชาพญาสุนัขด้วยเศวตฉัตร

 

 

          พระโพธิสัตว์ถือโอกาสแสดงธรรมให้พระราชา เป็นผู้ไม่ประมาท ให้ดำรงมั่นอยู่ในศีล ๕ และยึดมั่น ในทศพิธราชธรรม จากนั้นจึงได้ถวายคืนเศวตฉัตรแด่พระราชา พระราชาได้ทรงสดับธรรมกถาของพระ-มหาสัตว์แล้ว ทรงให้อภัยแก่สัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะ ได้ทรงประกาศให้ชาวเมืองเลี้ยงอาหารสุนัขทุกชนิด ให้อิ่มหนำสำราญ ทรงตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ทรงทำบุญมีทานเป็นต้นตลอดชั่วพระชนมายุ เมื่อสวรรคตแล้วเสด็จอุบัติในเทวโลก

อธิษฐานสำเร็จได้ด้วยบุญ

          ยอดนักสร้างบารมีทั้งหลาย..อธิษฐานบารมีเป็นการรู้จักตั้งผังชีวิต เหมือนมีมาสเตอร์แปลน หรือพิมพ์เขียวก่อนจะก่อสร้าง การอธิษฐาน คือการรู้จักเอาบุญในอดีตมาใช้เป็นพลังขับเคลื่อน ให้ความปรารถนาในอนาคตเป็นจริงอย่างไรก็ตามแม้มีพิมพ์เขียว หรือแบบแปลนไว้ดีแค่ไหน ถ้าไม่มีทุนก็ทำไม่สำเร็จ ในทำนองเดียวกัน แรงอธิษฐานจะสำเร็จ ได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับพลังบุญ พลังบารมี ถ้ามีบุญมาก ความสำเร็จก็เกิดขึ้นมาก แต่ถ้าไม่ได้สั่งสมบุญเอาไว้ จะอธิษฐานปรารถนาสิ่งใดก็ไม่มีทาง เป็นความจริงได้ เป็นเพียงแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ อธิษฐานจะสำเร็จได้ต้องเริ่มจากการสร้างบุญชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทั้งทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี เมื่อมีบารมีเหล่านี้เต็มเปี่ยมแล้ว จะอธิษฐานอย่างไรก็สำเร็จเป็นอัศจรรย์เหมือนพญาสุนัข ที่ประมวลรวมบุญในอดีตมาช่วยเหลือตัวเอง และพวกพ้องให้รอดพ้นจากหัตถาพญามัจจุราช

หลักการอธิษฐาน

          คุณยายอาจารย์ฯ ได้เมตตาสอนลูกศิษย์ลูกหา เอาไว้ว่า จะอธิษฐานอะไรก็อธิษฐานไปเถิด เช่น ให้หล่อ รวย สวย ฉลาด สมปรารถนาในชีวิต แต่อย่าลืมให้ลงท้ายด้วย นิพพานะ ปัจจโย โหตุ คือให้บรรลุมรรคผลนิพพาน และให้อธิษฐานล้อมคอกเอาไว้ด้วยว่า "ให้เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ" จะได้ไม่มีวิบากกรรมมาขัดขวางเส้นทางการสร้างบารมี เมื่ออธิษฐานสิ่งใดแล้ว ก็ให้มุ่งมั่นสั่งสมบุญ เพื่อตอกย้ำเป้าหมายให้สำเร็จ เวลามีปัญหาให้มอง ข้ามอุปสรรคเพื่อก้าวไปสู่จุดหมาย ต้องมีใจตั้งมั่นดุจภูเขาหินศิลา เข้มแข็งดุจเพชรเด็ดเดี่ยว ไม่บรรลุ เป้าหมายไม่ยอมเลิกรา ไม่ยอมลดระดับเป้าหมาย และจะรักษาเป้าหมายนั้นไว้ด้วยชีวิต นี่คือปณิธานของนักสร้างบารมี..

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล