ฉบับที่ ๑๓๙ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗

จดจำ จรดจาร

บทความพิเศษ     
เรื่อง : Tipitaka (DTP)

 

 

 

จดจำ จรดจาร

 

โปตฺถกาทีนิ เขตฺตํว         บุคคลพึงประพฤติตนดังต่อไปนี้ คือ

เลขานิ ยุคนงฺคลํ             ทำใบลานเป็นต้นให้เป็นเสมือนนา

อกฺขรานิ พีชํ กตฺวา          ทำเหล็กจารให้เป็นเสมือนแอกและไถ

จรนฺโต ปณฺฑิโต ภเว        ทำตัวอักษรให้เป็นเสมือนข้าวปลูก 
                                  จึงจะนับว่าเป็นบัณฑิตได้

 

ราชบัณฑิตยสถาน. ราชนีติ-ธรรมนีติ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๔๖.

 

    บัณฑิตทางพระพุทธศาสนา หมายถึง บุคคลผู้ทรงความรู้ มีจิตใจที่งดงาม และมีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง การเป็นบัณฑิตที่แท้ได้ต้องมีธรรมะเป็นพื้นฐาน โดยอาศัยแนวทางจากหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมวินัยที่พระภิกษุสงฆ์และพุทธ-ศาสนิกชนยึดถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเริ่มต้นสืบเนื่องมาจากการเรียบเรียงคำสอนดั้งเดิมเป็นหมวดหมู่และท่องจำต่อกันมาตั้งแต่คราวปฐมสังคายนา หลังพระพุทธปรินิพพานได้ ๓ เดือน
 


    ในครั้งนั้นเหล่าพระอรหันตสาวกจำนวน ๕๐๐ รูป มีพระมหากัสสปเถระเป็นประธานในการสังคายนาครั้งแรก ณ ถ้ำสัตบรรณคูหา เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยนำพระธรรมวินัยที่เคยสดับฟังเมื่อครั้งพระบรมศาสดายังทรงพระชนมชีพมาซักถามกันในที่ประชุม มีพระอุบาลีเป็นผู้ตอบแก้พระวินัย และมีพระอานนท์เป็นผู้ตอบแก้พระธรรม เมื่อได้มติจากที่ประชุมแล้ว จึงให้พระภิกษุอรหันต์ทั้งหมดร่วมสวดพร้อมกันเพื่อทรงจำกันเป็นแบบแผนต่อไป 
    

    การสังคายนาด้วยการสวดทรงจำแบบ มุขปาฐะ เป็นวิธีที่ใช้เรื่อยมาจนถึงการสังคายนาครั้งที่ ๕ ในราวปี พ.ศ. ๔๐๐ เศษ จึงเปลี่ยนเป็นวิธี บันทึกเป็นลายลักษณ์ กล่าวคือ เมื่อ หมู่สงฆ์ตรวจชำระจนมีมติเห็นพ้องกันว่าถูกต้องแล้ว จึงจารพระธรรมวินัยนั้นลงในใบลาน  เป็นภาษาบาลีด้วยอักษรสิงหล นับเป็นการจารคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับแรกของพระภิกษุสงฆ์ฝ่ายเถรวาท ซึ่งเป็นต้นแบบของคัมภีร์ที่มีการนำไปปริวรรตถ่ายถอด และคัดลอกจากอักษรสิงหลเป็นอักษรต่าง ๆ โดยยังคงภาษาบาลีดั้งเดิมไว้

 

 

    สำหรับประเทศไทยปรากฏหลักฐานว่ามีการจารคัมภีร์พระไตรปิฎกบาลีลงบนแผ่นลาน โดยถ่ายถอดมาจากอักษรสิงหลตั้งแต่สมัยสุโขทัย ในยุคนั้นนิยมจารคัมภีร์ด้วยอักษรขอม ต่อมาจึงมีการจารด้วยอักษรอื่น ๆ เช่น อักษรมอญ อักษรธัมม์ล้านนา อักษรธัมม์อีสาน เป็นต้น ก่อนลงมือจารช่างจารจะตีเส้นบรรทัดเป็นแนวไว้ เพื่อช่วยให้จารได้เป็นระเบียบสวยงาม โดยส่วนใหญ่จะมี ๕ บรรทัด จากนั้นจึงใช้เหล็กจารเขียนให้ตัวอักษรห้อยอยู่ใต้เส้นบรรทัด

 

รอยเส้นบรรทัดตีเป็นแนวโดยใช้วิธีดีดเส้นด้ายชุบเขม่าไฟผสมน้ำมัน
แล้วใช้เหล็กจารเขียนให้ตัวอักษรห้อยอยู่ใต้เส้นบรรทัด

 

    ขณะจารต้องฝนปลายเหล็กจารให้คมอยู่เสมอเพื่อให้เส้นจารคมชัด ไม่เป็นเสี้ยน นับว่าต้องอาศัยความชำนาญของผู้จารเป็นอย่างมาก เพราะต้องลงน้ำหนักมือให้พอดี เนื่องจากต้องจารอักษรทั้ง ๒ ด้านของใบลาน หากลงน้ำหนักน้อยเกินไปจะเห็นตัวอักษรไม่ชัด แต่หากลงน้ำหนักมากเกินไป ลานอาจทะลุหรือเห็นเป็นรูปอักษรบนอีกหน้าหนึ่งได้

 

 

    นอกจากความชำนาญแล้ว ผู้จารยังต้องเป็นผู้มีความอดทน มีสมาธิ และมีความรู้เรื่องที่จะจารเป็นอย่างดี จึงจะทำให้งานออกมาประณีต สวยงาม ไม่ผิดพลาด เพราะหากจารผิดจะไม่สามารถลบหรือแก้ไขได้ แต่จะใช้วิธีการแก้ไขโดยการป้ายด้วยยางไม้หรือทำเครื่องหมายไว้ตรงอักษรที่จารผิด ทำให้แลดูไม่สวยงาม ความศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อพระธรรมคำสอนก็อาจจะลดทอนลงไป

 

การจารคัมภีร์ใบลาน ผู้จารจะใช้มือขวา
จับเหล็กจาร ใช้มือซ้ายจับสนับ
ใช้นิ้วหัวแม่มือรองรับเหล็กจารและช่วยดัน
เหล็กจารให้เคลื่อนที่อย่างสะดวก

 

    จากเสียงสวดทรงจำแต่ครั้งพุทธกาลของเหล่าภิกษุอรหันตสาวก หมวดธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ได้รับการสืบทอดผ่านอักษรที่ช่างจารสรรค์สร้างด้วยความเคารพบูชา จรดเหล็กจารอักษรแต่ละตัวบนแผ่นใบลานที่ว่างเปล่า ก่อเกิดเป็นคัมภีร์ พระไตรปิฎกบาลีสูงค่า เป็นแหล่งความรู้ให้ภิกษุสามเณรและผู้สนใจเข้ามาศึกษา     เกิดปัญญากระจ่างแจ้งด้านปริยัติ นำไปปฏิบัติต่อยอด จนสามารถเข้าถึงปฏิเวธ   เป็นบัณฑิตที่แท้จริงทั้งทางโลกและทางธรรม..

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล