ฉบับที่ ๑๔๓ เดือนกันยายน ๒๕๕๗

แก้ปัญหาด้วยการภาวนา “สัมมา อะระหัง”

อานุภาพ “สัมมา อะระหัง”
เรื่อง : พระบริบูรณ์ ธมฺมวิชฺโช

 

แก้ปัญหาด้วยการภาวนา
“สัมมา อะระหัง”

 

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต จงแก้ไขปัญหาด้วยการภาวนา “สัมมา อะระหัง” ซึ่งเป็นวิธี     ที่ง่ายที่สุด!


    การภาวนาควบคู่กับการนั่งสมาธินั้น มีคุณเป็นอย่างมากต่อการปฏิบัติธรรมให้บรรลุผลและการนำพาชีวิตให้พ้นจากภัยทั้งปวง ยกตัวอย่างเช่น พระจูฬปันถก ซึ่งได้รับการยกย่องจาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศทางมโนมยิทธิ ซึ่งแต่เดิมท่านจูฬปันถกมีสติปัญญาและความจำไม่ค่อยดีนัก พระพี่ชายท่านให้ท่องคาถาบทหนึ่ง ท่านท่องอยู่ ๔ เดือน แต่ก็จําไม่ได้ จึงถูกพระพี่ชายไล่ออกจากวัด ด้วยความน้อยใจท่านจึงคิดจะลาสิกขา คราวนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจดูเวไนยสัตว์ ทอดพระเนตรเห็นพระจูฬปันถก จึงเสด็จมาหา เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบสาเหตุ ก็ทรงมอบผ้าที่สะอาดให้พระจูฬปันถกผืนหนึ่ง พร้อมกับให้ภาวนาคาถาว่า “ระโชหะระนัง ๆ” ภาวนาไปด้วยและลูบผ้าไปด้วย ในที่สุดท่านก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ 


    อีกเรื่องราวหนึ่งเป็นเรื่องของนกแขกเต้าตัวหนึ่ง ซึ่งถูกทิ้งไว้ในสำนักของนางภิกษุณี แต่มีสามเณรีเมตตาเลี้ยงดูเอาไว้ที่กุฏิ และตั้งชื่อให้ว่า “พุทธรักขิต” 


    วันหนึ่งพระมหาเถรีมาเจอพุทธรักขิตจึงสอนว่า “เจ้ามาอยู่ในสำนักที่มีการเจริญภาวนาเจ้าก็ควรที่จะบริกรรมภาวนาสักบทหนึ่งเถิด เอาบทง่าย ๆ ที่เหมาะกับเจ้า คือ ‘อัฐิ อัฐิ’ (กระดูก)  เท่านี้ก็พอ” 


    พุทธรักขิตก็ตั้งใจภาวนาด้วยความเคารพ จะไปไหนมาไหนก็ภาวนาอยู่มิได้ขาด วันหนึ่ง มีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินตรงเข้าโฉบพุทธรักขิตไป หมายจะกินเป็นอาหาร เมื่อพุทธรักขิตถูกเหยี่ยวโฉบไปก็ไม่ได้คิดเรื่องอื่น ได้แต่ภาวนาว่า “อัฐิ อัฐิ” แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น สามเณรีที่เห็นเหตุการณ์รีบจับฉวยสิ่งของที่พอหาได้ขว้างปาเหยี่ยว เหยี่ยวตกใจกลัวจึงปล่อยพุทธรักขิต แล้วรีบบินหนีไป พุทธรักขิตจึงรอดชีวิต 


    ต่อมา เมื่อพุทธรักขิตตายไป ด้วยใจที่เป็นกุศลจดจ่อต่อการภาวนา ทำให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลมั่งคั่งแห่งเมืองอนุราธบุรี ประเทศศรีลังกา ครั้นเจริญวัยขึ้น วันหนึ่งได้เห็นพระภิกษุ     รูปหนึ่งมีศีลาจารวัตรงดงามก็รู้สึกศรัทธา และต่อมาได้ออกบวช ด้วยความคุ้นเคยกับการภาวนาจึงเป็นปัจจัยให้ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณในที่สุด 


    ดังนั้น การหมั่นเจริญภาวนาให้จิตผ่องใสจึงเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิตอย่างผู้มีบุญโดยแท้ ซึ่งในยุคปัจจุบันก็มีผู้มีบุญจำนวนไม่น้อยที่หมั่นเจริญภาวนาอยู่เสมอ 

 

สุขใจ ได้เห็นธรรม
กัลฯ จีรนันท์ รักหาญ 

ธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ ๓๑


    โดยปกติแล้วพอนั่งสมาธิหนูจะคิดแค่ว่า นั่งหลับตาไปเรื่อย ๆ        หลับบ้าง ฟุ้งบ้าง พอตื่นขึ้นมาก็สวดมนต์ แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หนูมีโอกาสฟังวิธีการวางใจโดยใช้การภาวนา “สัมมา อะระหัง” จาก       พระอาจารย์ปรเมษฐ์ ปรมสจฺโจ เมื่อก่อนหนูเคยภาวนา “พุทโธ” ควบคู่กับการกำหนดลมหายใจ หลังจากที่พระอาจารย์มาบรรยาย ตอนค่ำ ๆ หนูก็กลับไป ลองปฏิบัติ โดยนั่งสมาธิก่อนนอน และภาวนา “สัมมา อะระหัง” ๑, “สัมมา อะระหัง” ๒, ภาวนาไปเรื่อย ๆ จนถึง ๕๐๐ ครั้ง ก็รู้สึกเหมือนว่าข้างในเราจดจ่อกับการภาวนาและนิ่งมากขึ้น 


    หลังจากนั้น หนูก็ทำมาตลอด พอทำไปเรื่อย ๆ รู้สึกว่า การภาวนา “สัมมา อะระหัง” ทำให้เรามีสมาธิในการนั่งมากขึ้น แม้ใจเราอาจจะจดจ่อกับอย่างอื่น แต่พอเรา “สัมมา อะระหัง” ปุ๊บ เราก็จะนิ่ง พอภาวนา “สัมมา อะระหัง” ไปนาน ๆ ใจเราจะนิ่งจนลืมคำภาวนาไปเลย 


    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหนูมีโอกาสไปปฏิบัติธรรมกับเพื่อน ๆ ร่วมรุ่น      ธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ ๓๑ ที่สนแก้ววนาราม จ.เชียงใหม่ ตอนแรก ๆ      ที่นั่งสมาธิ ก็มืดตื้อ มืดมิด ไม่เห็นอะไร แต่ก็นั่งไปเรื่อย ๆ จากที่มืด ๆ สักพักหนึ่งก็เห็นแสงสว่างเป็นจุด ๆ เหมือนดาวประกาย สักพักหนึ่งจากที่เป็นประกายเหมือนดาวกระจายก็รวมเป็นจุดเดียวตรงกลาง และจากจุดเดียวนั้นก็เปล่งแสงสว่างมากขึ้น ๆ 


    พอนั่งไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่า ดวงแก้วขยายขึ้น ยิ่งนิ่งมากเท่าไรก็จะมี  ดวงแก้วอีกดวงหนึ่งผุดขึ้นมาจากตรงกลางแสงนั้น ผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีละดวง ๆ ยิ่งนิ่งเท่าไรก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้น และตรงจุดประกายเล็ก ๆ เห็นเป็นเหมือนสามเหลี่ยม ถ้าเราลุ้นมาก ๆ หรือใจเริ่มเขว คำภาวนา “สัมมา อะระหัง” ก็เริ่มผุดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่หนูไม่ได้ “สัมมา อะระหัง”เลย แค่นั่งนิ่ง ๆ ทีนี้ภาพที่เห็นเป็นสามเหลี่ยมนั้นก็ปรากฏชัดเป็นรูปองค์พระแก้วใสที่อยู่ตรงกลางของดวงแก้ว และดวงแก้วนั้นก็ค่อย ๆ ผุดขึ้นเรื่อย ๆ องค์พระก็ผุดตามมา คือผุดซ้อนกันมาเรื่อย ๆ ให้เราเห็น ให้เรามีความสุข 


    หนูรู้สึกมีความสุขมากจนลืมเวลาว่าเรานั่งไปนานเท่าไรแล้ว แล้วก็รู้สึกเหมือนร่างกายเราวื้ด ๆ แล้วก็ขยายแบบอธิบายไม่ถูก ขยายเหมือนมีพลังอยู่ข้างใน หลังจากนั้นประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้น ยิ่งเรานั่งสมาธิมากขึ้น ใจเราก็นิ่งมากขึ้น เหมือนกับว่าเราจะรู้จังหวะของการวางใจว่า วางอย่างไรจะไม่เขว นั่งปุ๊บเราจะเริ่มสบาย นึกเรื่องสบายก่อน ประสบการณ์ภายในใหม่ ๆ ก็เริ่มเข้ามาเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน บอกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขมาก ๆ ค่ะ

 

 


หายปวด หายป่วย ด้วย “สัมมา อะระหัง”   
กัลฯ จำเนียร บัวน้ำจืด 
อดีตพยาบาลโรงพยาบาลรถไฟ กรุงเทพมหานคร


    ดิฉันมีอาการปวดเอวแล้วร้าวไปที่ขา ปวดมากจนต้องไปหาหมอ หมอให้อยู่โรงพยาบาลเพื่อทำกายภาพบำบัด และสั่งยาคลายกล้ามเนื้อให้ทานเนื่องจากดิฉันเคยเรียนพยาบาลมา ก็พอจะรู้ว่ายาพวกนี้มีอันตราย ถ้าทานต่อเนื่องจะมีผลกับตับและไต เลยไม่อยากทาน นอกจากนี้หมอยังสั่ง    ยาแก้ปวดให้ทานครั้งละ ๒ เม็ด 


    รุ่งขึ้นวันแรก หมอให้ไปทำกายภาพบำบัด ด้วยการอบความร้อนที่สะโพกและนวดโดยใช้ไฟฟ้า แต่เราก็ยังปวดอยู่ เวลาเดินต้องใช้ walker      และเนื่องจากดิฉันอยู่ในห้องพิเศษคนเดียวก็เลยกลัว พอเกิดความกลัวก็เลยภาวนา “สัมมา อะระหัง” และอธิษฐานกับหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายว่า “ช่วยลูกด้วยเถิด มันปวด” แล้วก็นั่งภาวนา “สัมมา อะระหัง ๆ” แต่เวลาปวดทำใจนิ่งไม่ได้ ยอมรับว่า ตัวเองภาวนา “สัมมา อะระหัง” ไม่ถึง ๕๐๐ ครั้ง พอหลุดไปก็จำไม่ได้แล้วว่าภาวนาถึงเท่าไร แต่ก็นั่ง “สัมมา อะระหัง” ไปเรื่อย ๆ อาราธนาบารมีหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายว่า “ช่วยลูกด้วย มันปวด” แล้วก็นั่งไปเรื่อย ๆ


    แรก ๆ ดิฉันก็ทำไปอย่างนั้นแหละ ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า แต่ก็เชื่อมั่นบารมีครูบาอาจารย์จึงทำไปเรื่อย ๆ แต่หลัง ๆ พอง่วงก็ลงนอนหลับ อย่างสบาย ไม่ต้องทานยาอะไรเลย นอกจากยาหลังอาหารที่เขาจัดให้เพราะว่าพยาบาลเขาเอามาให้หลังอาหารทันทีเลย 


    รุ่งเช้าหมอมาดูรายงานของพยาบาล เห็นว่าดิฉันไม่ขอยาแก้ปวด หมอเลยถามว่า “พี่ไม่ปวดเลยหรือ? ทำไมไม่ขอยาแก้ปวด?” ดิฉันบอกว่า “ทำสมาธิ” หมอก็บอกว่า “อ้าว! พี่ปวดเข่า ปวดสะโพก นั่งสมาธิได้อย่างไร”ดิฉันเลยนั่งให้เขาดู หมอคิดอย่างไรไม่รู้ แต่ดิฉันก็ทำไปเรื่อย ๆ ว่างเมื่อไรก็ทำ ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลภาวนาได้วันละ ๔,๐๐๐ กว่า ถึง ๕,๐๐๐ กว่าครั้ง จนกระทั่งกลับบ้านก็ไม่ต้องทานยาแก้ปวดเลย อยากชวนทุกคน        มาภาวนา “สัมมา อะระหัง” เพราะจะทำให้เราสุขภาพแข็งแรง สร้างบารมีกันไปได้นาน ๆ อย่างที่หลวงพ่อบอก และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การภาวนา       “สัมมา อะระหัง” ดีที่สุด...

                

‘สัมมา อะระหัง’ จึงหมายถึงการส่งใจ
ไปถึงพระพุทธเจ้าผู้ห่างไกลแล้วจากกิเลส 
ผู้ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ การส่งใจไปถึงองค์พระแก้วใส 
และบริกรรมภาวนาว่า ‘สัมมา อะระหัง’ อยู่เสมอ 
จะทำให้เราเข้าถึงพระธรรมกายภายใน
มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง


    พระเทพญาณมหามุนี วิ. (หลวงพ่อธัมมชโย) เมตตาแสดงพระธรรม-เทศนาเอาไว้ว่า คำภาวนา “สัมมา อะระหัง” เป็นพุทธานุสติ “สัมมา”      แปลว่า ชอบหรือถูกต้อง “อะระหัง” หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า           ผู้ห่างไกลจากกิเลสอาสวะ “สัมมา อะระหัง” จึงหมายถึงการส่งใจไปถึงพระพุทธเจ้าผู้ห่างไกลแล้วจากกิเลส ผู้ตรัสรู้แล้วเองโดยชอบ การส่งใจไปถึงองค์พระแก้วใส และบริกรรมภาวนาว่า “สัมมา อะระหัง” อยู่เสมอ จะทำให้เราเข้าถึงพระธรรมกายภายใน มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง เมื่อใดที่เราปรารถนาความสุข พึงระลึกถึงพุทธคุณเมื่อนั้น ระลึกถึงเพียง     หนึ่งนาที ย่อมเป็นนาทีทองแห่งความสุข นาทีแห่งบุญกุศล ระลึกถึง         หนึ่งชั่วโมง ก็มีความสุขตลอดหนึ่งชั่วโมง ถ้าหากระลึกถึงอยู่ตลอดเวลา ก็จะมีความสุขตลอดเวลา เป็นสุขทุกทิวาราตรีกาล เพราะฉะนั้นให้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ด้วยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ทำตามหลักที่หลวงปู่วัดปากนํ้าท่านสอนไว้ แล้วเราจะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยกันทุก ๆ คน


    ดังนั้น ในพรรษานี้พวกเราจะต้องยึดถือปฏิบัติตามคำสอนของ       หลวงพ่อ โดยหมั่นเจริญภาวนา “สัมมา อะระหัง” ให้ได้ตลอดเวลา อย่าให้บุญตกหล่นเลยแม้สักนาทีเดียว..
                  


 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล