ฉบับที่ ๑๐ ประจำเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๖

สมาธิ...พลังสู่ความสำเร็จ

สมาธิ ... พลังสู่ความสำเร็จ

>> โดย D072

     ฉบับนี้ขอพาท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับกิจกรรมการเปิดใจคนใหม่ที่บ้าน ช่วงแบ่งปันประสบการณ์ พบกับเรื่องราวชีวิตของยอดกัลยาณมิตร ๓ ท่าน ที่ได้พบกับจุดเปลี่ยนแปลง ครั้งสำคัญด้วยสมาธิ ท่านแรกเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่เคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วในช่วงเหตุการณ์ลดค่าเงินบาทปีพ.ศ. ๒๕๔๐ แต่ก็สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยการหยุดใจ 
      ท่านที่สองเป็นพ่อพิมพ์ของชาติ ที่ได้พบกับสิ่งอัศจรรย์หลายอย่าง หลังจากเริ่มต้นปฏิบัติธรรมได้ไม่นาน และท่านสุดท้าย นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่ต่อสู้ชีวิตมาตั้งแต่เยาว์วัย จากคนใจร้อน ขนาดลูกน้องเห็นหน้าต้องรีบหลบ เขากลับเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ด้วยสมาธิ ขอเชิญทุกท่านติดตามอ่านกันได้เลย 

"เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่รอดมาได้ด้วยสมาธิ" 

คุณอุทัย คูตระกูล
เจ้าของธุรกิจขายส่ง
เสื้อผ้า ประตูน้ำ

  ผมอยากจะนำเอาประสบการณ์ของตัวเองมาแลกเปลี่ยนให้ทุกท่านได้ฟังกันนะครับว่า ก่อนที่จะมาถึงจุดนี้นี่เริ่มต้นเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายขายให้กับบริษัทต่างชาติบริษัทหนึ่งที่ใหญ่มากในอเมริกา 
      จากจุดนั้น ผมก็สามารถเปิดธุรกิจของตัวเองโดยการร่วมหุ้นกับเพื่อน ปีหนึ่งได้กำไรประมาณ ๑๐ ล้านบาท ช่วงนั้นผมเชื่อมั่นในตัวเองว่าเราเป็นคนมีความสามารถมาก 
      ผมนำเงินกำไรก้อนนั้นมาลงทุนซื้อหุ้น ส่วนกิจการปกติก็ทำอยู่ แต่งานอดิเรกก็คือเล่นหุ้น รวมถึงเอาเงินที่ได้จากกิจการปกติไปเก็งกำไรหลักทรัพย์ ประเภทอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน หรือคอนโดมิเนียม 
      ปกติแล้วผมเป็นคนทำมาหากินโดยสุจริตนะครับ เหล้าไม่ดื่ม ไม่ชอบเที่ยว ไม่สูบบุหรี่ หาเงินจากธุรกิจได้ก็ลงทุนเพิ่ม แต่แล้วในปีพ.ศ. ๒๕๔๐ รัฐบาลประกาศลดค่าเงินบาท คุณค่าของชีวิตเราก็ถูกลดลงไปด้วย ธุรกิจทุกอย่างล้มหมด เงินที่ลงทุนไปสูญหมด ผมเครียดมากกับชีวิตว่าจะเอายังไงดี ความรู้สึกตอนนั้นผมเข้าใจเลยว่า ทำไมคนเราถึงคิดฆ่าตัวตายได้ 
      ตอนนั้นผมมีความคิดว่าจะฆ่าตัวตายเหมือนกัน ถึงกับคิดว่าเราจะใช้อาวุธอะไรดี เป็นความรู้สึกที่อยากจะหนีไปจากความเป็นจริง แต่โชคดีมากที่ได้พี่สาวเป็นกัลยาณมิตร เธอเอาหนังสือพระมหาชนก ให้ผมอ่าน แล้วก็ชวนนั่งสมาธิ ซึ่งผมไม่เคยนั่งมาก่อน
      เมื่อเริ่มนั่งทำให้เราได้สติ เกิดปัญญาว่า การที่คิดจะฆ่าตัวตาย เป็นความคิดแบบโง่ๆ ที่จะหนีจากความเป็นจริง ซึ่งหนีไปไม่ได้ การนั่งสมาธิครั้งนั้นทำให้ผมคลายความเครียดไปได้มาก ทำให้รู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด แล้วยังทำให้ได้ความคิดว่า ที่เราเคยมองว่า การจะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น จะต้องมีธุรกิจการค้าใหญ่โต มีกำไรมหาศาล ซึ่งเป็นการไขว่คว้าที่ผิดเส้นทาง เมื่อมาเจอหนทางนี้ รู้เลยว่าเป็นหนทางที่ถูกต้องแล้วจึงดำเนินชีวิตมาตามหนทางนี้มาตลอด เริ่มเข้ามาปฏิบัติและเรียนรู้การนั่งสมาธิอย่างจริงจัง 
      ต่อมาพี่สาวและเพื่อนๆ ได้ชวนให้ขึ้นไปปฏิบัติธรรม ๗ วันที่พนาวัฒน์ ไปแล้วไม่ผิดหวังเลยครับ บรรยากาศที่นั่นดีมากๆ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนเลย ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเราวุ่นวายตลอด เครียดเสียจนไม่มีจังหวะให้ได้หยุดนึกหาคำตอบเลยว่า จริงๆ แล้ว ความสุขความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริงที่เราเฝ้าแสวงหานั้นเป็นอย่างไร ก็ได้มาพบที่พนาวัฒน์นี่แหละครับ มาที่นี่ก็มีแต่กัลยาณมิตร ชวนคุยในเรื่องที่ดีๆ ในเรื่องที่สบายใจ สถานที่พักก็ดี แล้วก็มีธรรมะดีๆ ทำให้ผมพบกับคำตอบของชีวิตมากมาย 
      หลังจากนั่งสมาธิได้ประมาณ ๔-๕ ปี ผมก็ได้ทำธุรกิจเปิดร้านขายเสื้อผ้านำเข้าจากต่างประเทศที่ประตูน้ำร่วมกับพี่สาว ทุกสิ่ง ทุกอย่างดีขึ้น ชีวิตประสบความสำเร็จในระดับที่เราพอใจมาก ผมว่าความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขนะครับ แต่อยู่ที่ความรู้สึกอบอุ่น เย็นๆ อยู่ภายในศูนย์กลางกายในตัวของพวกเราทุกคนนั่นแหละ เป็นความสุขที่ผมแสวงหามาตลอด 
      ดังนั้น ก็อยากจะฝากข้อคิดให้กับทุกท่านว่า พวกเราเองได้แสวงหาคำตอบให้กับตัวเองแล้วหรือยังว่า อยากจะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตอย่างไร ลองคิดทบทวนดูนะครับ แล้วก็ยอมให้โอกาส ให้สิ่งดีๆ แก่ชีวิตของเรา ผมเชื่อว่าในชีวิตที่ผ่านมา ทุกท่านต่างก็คงเหนื่อยล้ากับชีวิต และหน้าที่การงานมามากแล้ว ก็ลองวิเคราะห์กันดูว่า สิ่งนั้นใช่ความสำเร็จที่แท้จริงแล้วหรือยัง? สำหรับผมเองคิดว่าไม่ใช่ แต่ตอนนี้ผมพบคำตอบแล้ว... ก็ขอเชิญทุกท่านได้มาค้นหาคำตอบด้วยการนั่งสมาธิเหมือนผมนะครับ... 

 

"ความเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์"

อาจารย์วีระศักดิ์ รักษ์โพธิวงศ์
ผู้อำนวยการโรงเรียน
วัดคุณหญิงส้มจีน จ. ปทุมธานี

      เดิมผมเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนชุนชนวัดบางไผ่ ต่อมาสามารถสอบเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนได้ แล้วมารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการที่โรงเรียนวัดคุณหญิงส้มจีน ซึ่งในตอนนั้นอาจกล่าวได้ว่า เป็นโรงเรียนที่อยู่ในสภาพที่สกปรก และแย่ที่สุดในจังหวัดปทุมธานีก็ว่าได้
      ผมมาถึงครั้งแรกตกใจว่า นี่คือโรงเรียนจริงๆ หรือ เพราะชุมชนแถวนั้นเป็นชุมชนของผู้ที่หาเช้ากินค่ำ จึงคิดว่าเราจะพัฒนา อย่างไรดี ต่อมาเมื่อปีที่แล้ว ทางสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอคลองหลวงส่งผมเข้าไปอบรมที่วัดพระธรรมกาย ได้มีโอกาส ฟังธรรมจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว แล้วก็ได้มีโอกาสฝึกสมาธิกับพระอาจารย์
      พอกลับไปที่โรงเรียนก็ฝึกนั่งสมาธิ แล้วก็เริ่มชวนครูและนักเรียนนั่งสมาธิ จัดตักบาตรที่โรงเรียน เกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ยุคนี้เป็นยุคที่รัฐบาลประหยัดงบประมาณมาก อยู่ดีๆ เรากลับได้งบประมาณก่อสร้างอาคาร จากองค์การบริหารส่วน จังหวัดถึง ๓ ล้านกว่าบาท ซึ่งทำให้ผม แปลกใจมาก เพราะผมเพิ่งย้ายมาอยู่แค่ปีเดียว แล้วก็มีเงื่อนไขมากมาย กว่าที่จะได้รับอนุมัติงบประมาณแต่ละครั้ง 
      แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่ พนาวัฒน์ จากการชักชวนของน้องคมสันต์ น่าอัศจรรย์ก็คือช่วงนั้น ผมก็คิดอยู่ว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี เพราะตอนนั้นกำลังยุ่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องขออัตราครูเพิ่มเติม เพราะทุกโรงเรียน ต่างก็ประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากร แต่ผมก็ตัดใจ.. ไปนั่งสมาธิเอาบุญก่อน กลับมา แล้วค่อยว่ากัน ตอนอยู่ข้างบนผมตัดกังวล ทุกอย่าง นั่งสมาธิทำใจใสๆ มีความสุขมาก 
      พอกลับมาถึงโรงเรียน อาจารย์ท่านหนึ่งบอกผมด้วยความดีใจว่า "ท่านผอ. โรงเรียนของเรา ได้ตำแหน่งครูเพิ่มอีก ๒ ตำแหน่งน่ะ" ผมตกใจมากเลย เป็นไปได้ ยังไง! เพราะทราบดีว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ทำให้ผมเชื่อมั่นมากว่า เกิดจากอานิสงส์ของการปฏิบัติธรรมจริงๆ ครับ เพราะผู้บริหารโรงเรียนอื่น พยายามวิ่งเต้นเพื่อหาอัตราครูมาเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้ ส่วนผมไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าไม่ใช่บุญ ผมจะได้อย่างนี้หรือ ก็ขอฝากข้อคิดนะครับว่า บุญนำความสำเร็จ และทำให้อุปสรรคต่างๆ หมดสิ้นไป เพราะฉะนั้นเรามาสร้างบุญกันเถอะนะครับ ...

"เปลี่ยนไปเป็นคนละคน" 

คุณอธิคม วิจิตรมโนมงคล
เจ้าของโรงงานบริษัท ไว้ท์ฮอร์ส โปรดักท์ จำกัด

   ผมทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานผลิตรองเท้าเซฟตี้ และจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ ทำมาประมาณ ๑๐ กว่าปีแล้ว เป็นธุรกิจซึ่งสร้างจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มีคุณพ่อคุณแม่คอยให้กำลังใจ แต่กว่าจะฝ่าฟันมาได้ก็ต้องบอกว่าชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนโตหนักพอสมควร ผมสู้ชีวิตทุกอย่างตั้งแต่ขายเรียงเบอร์ ขาย ไอศกรีม และขายพวงมาลัย ทำมาหมดแล้ว ลำบากมาก
      ทำธุรกิจผมก็จะเจออุปสรรคอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เคยท้อ สู้ตลอด ทุกครั้งที่มีปัญหา ผมจะนำกระดาษมาใบหนึ่ง พับแบ่งเป็น ๒ ซีก ซีกหนึ่งจะเขียนปัญหาที่เราประสบว่ามีอะไรบ้าง อีกซีกหนึ่งคือแนวทางแก้ไข ทำอย่างนี้ทุกครั้ง แล้วก็ลุล่วงไปด้วยดีทุกครั้ง แต่ยอมรับว่าเหนื่อย ชีวิตที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของบุญมากนัก
      กระทั่งผมมีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงงานของคุณอาพลกฤษณ์ ต่อมาคุณอาก็ได้พาเพื่อนๆ ชมรมคหบดีสัมพันธ์ไปเยี่ยมผมที่โรงงาน คุณอาได้ให้คำแนะนำหลายอย่างซึ่งเป็นประโยชน์มาก ต่อมาผมก็ได้มีโอกาสส่งพนักงานทั้งหมด ประมาณ ๕๐ คน เข้าอบรมในโครงการสู่ความสำเร็จขององค์กรของทางวัด ปรากฏว่าได้ผลเกินคาดครับ พนักงานบางคนจากที่เคยดื่มเหล้า สูบบุหรี่ทุกวัน พอกลับมา มีอยู่คนหนึ่ง ภรรยาเขาบอกผมว่า "เฮีย พี่เขาเปลี่ยนไปเลย ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่แล้วล่ะ" ภรรยาของลูกน้องผมคนนั้นบอกว่า เขามีความสุขมากเลยที่เห็นแฟนเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดี ผมก็รู้สึกประทับใจมากครับ
      ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา คุณอาพลกฤษณ์ชวนผมไปเข้าร่วมกิจกรรมเปิดใจที่สำนักงานของท่าน ผมได้ดูวีดีโอ คุณอนันต์ ได้นั่งสมาธิ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องบุญและการนั่งสมาธิมากขึ้น วันนั้นได้มีการเชิญชวนไปพนาวัฒน์ด้วย คงเป็นบุญของผม พอดีช่วงสงกรานต์ผมว่าง ก็เลยตัดสินใจไป
      ช่วงเวลาที่อยู่บนพนาวัฒน์ ทุกๆ วัน ผมรู้สึกสบายใจมาก รอบข้างมีแต่รอยยิ้มเต็มไปหมด รู้สึกตัวเองมีพลังมาก เรานั่งแล้วเรารู้สึกว่าเรานิ่งแล้วเราเงียบ เพราะชีวิตที่ผ่านมา ๓๗ ปี ไม่มีวันไหนเลยที่รู้สึกว่าเราสบายแบบนี้ ต้องมีอารมณ์โกรธบ้าง โมโหบ้าง หรือวิตกกังวลกับงานบ้าง เป็นอย่างนี้ตลอด แต่อยู่ที่นั่น ไม่มีอารมณ์เสียเลยครับ อารมณ์ดีตลอด รู้สึกมีความสุขและประทับใจพนาวัฒน์มากครับ 
      หลังจากที่ผมเริ่มนั่งสมาธิมาสักพักหนึ่ง รู้เลยว่า ตัวเองใจเย็นขึ้น แล้วก็สุขุมมากขึ้น จนเพื่อนร่วมหุ้นที่โรงงานเขาก็บอกว่า "นี่เฮียไปกินอะไรมา รู้สึกเย็นขึ้นนะ" เพราะปกติผมเป็นคนที่ค่อนข้างดุ เวลาโมโหจะเสียงดัง ทุกคนเลยกลัวผม เพราะผมจริงจังกับงานมาก พนักงานถ้าเจอผมจะพยายามหลบหน้าตลอด 
      แต่พอได้นั่งสมาธิ ผมก็เริ่มยิ้มให้กับลูกน้อง เริ่มทักทายเขา เขาก็สัมผัสได้ว่า เราใกล้ชิดเอาใจใส่ จึงไม่กลัวเราเหมือนเมื่อก่อน ขนาดภรรยาผมเองก็ยังพูดออกมาเลยว่า ไม่น่าเชื่อเลยนะว่า เธอจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้
      ถ้าทุกท่านมีโอกาส ลองขึ้นไปดูนะครับ ๗ วันที่พนาวัฒน์ ผมว่าคุ้มค่ากับชีวิตมาก ทำให้เราเปลี่ยนไปมาก ผมยังคิดเลยว่า ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่จะหลบไปชาร์ตแบตฯ เรื่อยๆ แล้วก็จะพาครอบครัวไปด้วยครับ... 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล