อยู่ในบุญ ฉบับที่ ๒ ประจำเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๕

ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้

อยู่ในบุญ , วัดพระธรรมกาย , ธรรมกาย , วารสาร , หนังสือ , แม๊กกาซีน , หนังสืออยู่ในบุญ , หนังสือธรรมะ , บุญ , หลวงพ่อธัมมชโย , หลวงพ่อทัตตชีโว , พระมงคลเทพมุนี , คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง , case study , ฝันในฝัน , สื่อธรรมะ , วิชชาธรรมกาย , ธรรมกายเจดีย์ , สวดธรรมจักร , ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร , world peace , พระสัมมาสัมพุทธเจ้า , พระพุทธเจ้า , พุทธพจน์ , คำสอนหลวงปู่ , คำสอนคุณยาย , คำสอนหลวงพ่อธัมมชโย , อยู่ในบุญเดือนธันวาคม2545 , สมาธิ , หยุดเป็นตัวสำเร็จ , พระพุทธศาสนา , 072 , หยุดใจ , ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 , หลวงพ่อตอบปัญหา , พระเจดีย์ , yunaiboon , พุทธศิลป์ , เรื่องน่ารู้ , พุทธกาล , ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้ , พระธรรมเทศนาหลวงพ่อธัมมชโย

ชีวิตที่ปฏิเสธไม่ได้
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา
หลวงพ่อธัมมชโย
วันอาทิตย์ที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๕


      วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งในชีวิตของการเกิดมาสร้างบารมี ที่พวกเราได้มาสร้างมหากาลทาน ทอดกฐินสามัคคี เราได้แสวงหาทรัพย์มาด้วยความยากลำบาก กว่าจะเก็บหอมรอมริบได้ปัจจัยมาเป็นกอบเป็นกำ เมื่อได้มาแล้วนอกจากเราจะเอาไว้สำหรับการเลี้ยงชีพเพื่อความปลอดภัยในชีวิต และเพื่อสร้างฐานะขยายธุรกิจแล้ว เรายังนำมาสร้างบารมี ด้วยการนำสมบัตินี้มาฝากฝังเอาไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อให้ผลบุญนี้ติดตามตัวเราไปในภพเบื้องหน้า

       เราได้ศึกษาความจริงของชีวิตแล้วว่า ตราบใดที่ยังไม่หมดกิเลสก็ยังไม่หมดกรรม เมื่อไม่หมด กรรมก็ยังไม่หมดวิบาก แต่ถ้าหมดกิเลสเมื่อไหร่ถึงจะหมดกรรมหมดวิบาก ไม่ต้องเวียนว่ายตาย เกิด ชีวิตของเราจึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ แต่ว่าการที่จะชำระกายวาจาใจให้หมดจาก สรรพกิเลสนั้น ไม่ใช่ของง่าย จะต้องสั่งสมบารมีกันยาวนานทีเดียว

       เพราะฉะนั้นการสร้างบารมีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แม้เราทำธุรกิจก็จะต้องควบคู่กับจิตใจ ไปด้วยกัน ชีวิตจึงจะสมบูรณ์ ไม่ใช่มัวมาทำมาหากินอย่างเดียวโดยไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการสร้างบารมี เพราะว่าชีวิตในปรโลกนั้นเป็นชีวิตที่ทุกๆ คนในโลกหนีไม่พ้น เราอาจจะปฏิเสธในการไปประเทศใด ประเทศหนึ่งหรือที่ใดที่หนึ่งได้ แต่ปฏิเสธการไปปรโลกไม่ได้

       ชีวิตในปรโลกหรือชีวิตหลังความตายนั้นยาวนานนะลูกนะ ไม่ว่าชีวิตในอบายภูมิ ในมหานรก ในขุมบริวาร ในกำเนิดของอสุรกาย เปรต หรือสัตว์เดรัจฉาน ถึงแม้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานช่วงชีวิตจะสั้น แต่ตายแล้วก็ต้องเป็นสัตว์เดรัจฉานต่อไปอีกยาวนานทีเดียว และในทางตรงกันข้าม ชีวิตในสุคติภพก็ ยาวนานเป็นหลายล้านปีในเมืองมนุษย์

 สวรรค์ชั้นที่  ๑  จาตุมหาราชิกา    อายุ    ๙๐๐    ปีทิพย์    เท่ากับ    ๙    ล้านปีในเมืองมนุษย์

 สวรรค์ชั้นที่  ๒  ดาวดึงส์    อายุ    ๑,๐๐๐    ปีทิพย์    เท่ากับ    ๓๖    ล้านปีในเมืองมนุษย์

 สวรรค์ชั้นที่  ๓  ยามา    อายุ    ๒,๐๐๐    ปีทิพย์    เท่ากับ    ๑๔๔    ล้านปีในเมืองมนุษย์

 สวรรค์ชั้นที่  ๔  ดุสิต    อายุ    ๔,๐๐๐    ปีทิพย์    เท่ากับ    ๕๗๖    ล้านปีในเมืองมนุษย์

 สวรรค์ชั้นที่  ๕  นิมมานรดี    อายุ    ๘,๐๐๐    ปีทิพย์    เท่ากับ    ๒,๓๐๔    ล้านปีในเมืองมนุษย์

 สวรรค์ชั้นที่  ๖  ปรนิมมิตวสวัตตี    อายุ    ๑๖,๐๐๐    ปีทิพย์    เท่ากับ    ๙,๒๑๖    ล้านปีในเมืองมนุษย์

        ชีวิตในปรโลกหลังจากตายแล้ว ไม่มีการทำมาหากิน การทำมาค้าขาย การทำไร่ ทำนา ทำสวน ไม่มีทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราจะไปหวังโตเอาดาบหน้า หรือหวังนํ้าบ่อหน้าไม่ได้ จะเอาความชำนาญตอน ที่เราเป็นมนุษย์ไปใช้ในปรโลกไม่ได้เลย ปรโลกเป็นอยู่ได้ด้วยบุญกับบาป ชดใช้บาปก็ยาวนาน เสวยบุญก็ยาวนาน

     เราอย่ามัวมาหวังให้ผู้ที่มีชีวิตอยู่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อย่าเพิ่งไปหวังเลยนะจ๊ะ ให้คิดว่า นั่นเป็นผลพลอยได้ก็แล้วกัน เพราะผู้ที่อยู่ในโลกมักจะถูกหล่อหลอมด้วยเรื่องราวที่ให้ข้องอยู่กับโลก ความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิชชาของชีวิตไม่มี มีแต่วิชาหาเลี้ยงชีพเท่านั้น เพราะฉะนั้นเขาจะรู้เรื่องราวเกี่ยว กับการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นั้น อย่าพึงหวัง

       แม้เราเองก็เถอะก่อนที่จะมารู้เรื่องราวความจริงของชีวิตก่อนนี้เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องในปรโลก ปูย่าตายายบรรพบุรุษของเราละโลกไปแล้ว เรายังไม่ค่อยจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านเลย หรือปีหนึ่งก็ทำกันครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าไม่มีเวลา จะต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขาย ต้องเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัว บ้าง อ้างกันไปอย่างนั้นหรือบางทิก็เพราะความไม่รู้จริงๆ เพราะฉะนั้นชีวิตในปรโลก เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ด้วยบาป ด้วยตัวของเราเอง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ คือเราต้องพึ่งตัวเอง ต้องช่วยตัวเอง

    บุญที่เราทำตอนมีชีวิตอยู่จะเป็นที่พึ่งในปรโลก จะทำให้เราไปเกิดอยู่ในภาวะที่สูงส่งในสุคติโลกสวรรค์ เข้าไปเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลาย และเมื่อไปมีชีวิตอยู่ในสุคติโลกสวรรค์แล้ว เราจะมาใช้ความคิดตอนที่เป็นมนุษย์อยู่นั้นไม่ไต้ ตอนเป็นมนุษย์ เรามักน้อยสันโดษ มีกินมีใช้เล็กๆ น้อยๆ ก็อยู่ ได้หรืออยู่คนเดียวตามลำพังได้ เป็นมนุษย์คิดอย่างนี้

    แต่ตอนเป็นอดีตมนุษย์หรือเป็นชาวสวรรค์แล้ว สังคมจะเปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนความนึกคิดก็เปลี่ยน และถ้าเราทำบุญมาน้อย รัศมีของเราก็น้อย บริวารของเราก็น้อย วิมาน ของเราก็เล็ก อย่างนี้ก็ต้องไปอยู่ไกลๆ ถึงขอบภพโน้น ตอนนั้นจะมานึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า รู้อย่างนี้ทำ บุญให้เต็มที่ก็ดี หรือไปยืนรอคอยทำตาละห้อยดูลูกหลานเหลนของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกว่า เมื่อไหร่ เขาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลมาให้เราสักที เราจะไต้อนุโมทนา บอกเขาเขาก็ไม่ได้ยิน เข้าฝันก็ไม่ใช่ง่าย กว่าเขาจะฝันถึงเราน่ะยาก เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะมีชีวิตอย่างนั้นนะลูกนะ

      ชีวิตในสุคติโลกสวรรค์ เขาวัดกันด้วยกำลังบุญ เป็นอยู่ได้ด้วยบุญ ดังนั้นเราจะต้องสั่งสมบุญ ให้มากๆ เมื่อบุญมากบริวารก็มาก สมบัติก็มาก รัศมีก็สว่างไสว วิมานก็ใหญ่โตโอฬาร เวลาเข้าหมู่เข้า พวกในเทวสมาคมเราก็จะได้รับยศ ได้รับการยกย่อง และอยู่บนนั้นมันยาวนานนะ ถ้าน้อยเนื้อตํ่าใจก็ ยาวนานหลายล้านปี แต่ถ้าหากเบิกบานก็เบิกบานหลายๆ ล้านปีทีเดียว นี่เป็นสิ่งที่ลูกทุกคนจะต้อง ศึกษาเอาไว้ พอรู้แล้วก็ต้องลงมือทำแต่บุญกุศล และล้าสาวไปหาเหตุกันต่อไปอีกจะพบว่ากิเลสอาสวะ นั่นแหละสอนให้เราตระหนี่ เขาพยายามกันสมบัติเรา ด้วยการทำให้เราเกิดความรู้สึกหวงแหนในทรัพย์ วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิต หรือทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเรามีน้อยกว่าเขา ก็จะ ไม่ปลื้มใจ จะทำให้ฐานะทางสังคมนั้นเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เราวิตกกังวลไปต่างๆ มากมาย ซึ่งถ้าหาก เราเชื่อตามกิเลสที่คอยบังคับอยู่ในใจ ก็เท่ากับยอมให้เขาเอาผังจนถาวรที่ดำมืดยาวเหยียดทีเดียว มา ใส่ไว้ติดอยู่ในกลางกาย เหมือนไฟฟ้าที่สว่างตามเสาไฟฟ้าข้างทาง เวลาเขาดับสวิตช์ไฟทีเดียวก็จะดับ เป็นร้อยเป็นพันเสา มันก็มืดตลอดทางเลย นั่นหมายถึงว่า ชีวิตเราจะอยู่ด้วยความมีดเป็นร้อยชาติพัน ชาติหรือเกินไปกว่านั้นกันไปอีก และชีวิตที่อยู่ในความมีดอยู่ในความยากจน เป็นชีวิตที่เสี่ยงต่ออบายภูมิ เพราะสิ่งแวดล้อมจะอำนวยความสะดวกให้เราได้สร้างแต่บาปอกุศล ที่จะนำไปสู่มหานรกได้ง่าย อันตรายนะลูกนะ

      ดังนั้นการที่ลูกสละทรัพย์ที่หามายากทำบุญทอดกฐินในวันนื้ ความตระหนี่ก็ดับหายไป บุญก็ได้ช่องสว่างพรึ่บเข้ามาในกลางเป็นดวงใสสว่างติดไปหมดทุกๆ กาย จะทำให้เราได้สมบัติอัศจรรย์ทันใช้ ในการสร้างบารมี แม้ปีนขึ้นต้นไม้ก็หนีสมบัติไม่พ้น อย่าว่าแต่ต้นไม้เตี้ยๆ เลยหนีขึ้นยอดเขาก็ไม่พ้น ละโลกแล้วไปเกิดบนสวรรค์ก็หนีไม่พ้น ยังตามไปเป็นทิพยสมบัติอีก ลงมาเกิดในมนุษย์ก็หนีสมบัติ หนีความรวยไม่พ้น มันติดเข้าไปอยู่ในกลางตัวจะไปหนีพ้นที่ไหน และเราจะได้สมบัติอัศจรรย์กัน ทีเดียวเพราะใจเราอัศจรรย์ ถ้าใจเราอยู่เหนือธรรมชาติเราก็จะได้สมบัติที่เหนือธรรมชาติ

    เพราะฉะนั้น ทรัพย์ในโลกมนุษย์นอกจากมีไว้เพื่อความปลอดภัยของชีวิตแล้ว เขามีเอาไว้สำหรับ สร้างบารมี ไม่ใช่มีเอาไว้อวด เอาไว้ข่มกัน หรือเอาไว้เพื่อความอุ่นใจว่าเรามีเท่าเขา หรือมากกว่าเขา ไม่ใช่เป็นเครื่องปลื้มใจเท่านั้น แต่ว่าทรัพย์มีไว้สำหรับการสร้างบารมีนะลูกนะ

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล