ลูกหลวงพ่อ
เรื่อง : พระมหาภูรัช ทนฺตวํโส
ใช้พุทธธรรมนำชีวิต
เพื่อทำจิตให้สงบ พานพบสุขนิรันดร์
“...ถ้าคุณกำลังแสวงหาบางสิ่งเพื่อเติมเต็มช่องว่างภายในใจ หรือรู้สึกถึงการเรียกร้องบางอย่างจากข้างใน ถึงความหมายของการมีชีวิตที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นว่าคืออะไร มีจุดสมดุลอยู่ที่ไหน การบวชในพระพุทธศาสนานี้คือคำตอบ แล้วคุณจะพบแหล่งแห่งปัญญาอันบริสุทธิ์ ที่มีความสุขและความสงบที่เกิดขึ้นภายในใจเกินกว่าที่เราจะจินตนาการ...” (พระโทมัส สิริมงฺคโล)
เรื่องจริงจากเด็กหนุ่มชาวตะวันตกคนหนึ่ง เมื่ออายุ ๑๖ ปี เคยออกจากบ้านและโรงเรียน ตัดสินใจที่จะตั้งต้นชีวิตให้ได้ไวกว่าเดิม จึงออกมาทำธุรกิจของตัวเอง และประสบความสำเร็จได้ดีด้วย แต่กลับมีบางอย่างที่ทำให้ใจหดหู่และเศร้าหมอง มีคำถามที่ผุดเกิดขึ้นในใจและยังคงติดค้างอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อตอนอายุ ๑๘ ปี เสมือนจิตวิญญาณภายในบางอย่างตื่นขึ้น เขารับรู้ถึงความรัก ความเห็นอกเห็นใจต่อสิ่งมีชีวิต และนั้นคือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต เขาจึงกลับไปเรียนต่อเพื่อจะค้นหาคำตอบถึงสิ่งที่จะสามารถมาเติมเต็มช่องว่างภายในใจนั้นได้ จวบจนจบเกียรตินิยมจากวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษภายใน ๙ เดือน ทั้งที่คอร์สปกติใช้เวลาเรียนถึง ๒ ปี ก็ยังไม่พบในสิ่งที่ใจต้องการ
หลังจากน้ัน เขาได้กลับมาทำงานต่อพร้อมทั้งตั้งใจฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจตัวเองอย่างเข้มงวดกวดขัน และเริ่มต้นสนใจเรื่องของการนั่งสมาธิด้วย จนได้หาโอกาสไปศึกษากับผู้รู้ที่อยู่ในประเทศอินเดียในแถบเทือกเขาหิมาลัย และพบว่าสมาธิที่ก่อกำเนิดขึ้น ทำให้เกิดความสงบภายใน ทำให้สัมผัสได้ถึงใจตัวเอง ทำให้เขาเข้าใจตัวเองได้อย่างชัดแจ้งและเข้าใจธรรมชาติของชีวิตได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงตัดสินใจออกบวช
“อาตมาชื่อ พระโทมัส สิริมงฺคโล เดิมชื่อ Thomas Harper อายุ ๒๓ ปี เป็นชาวอังกฤษ และตอนนี้บวชพระเข้าพรรษาที่ ๑ อยู่ ณ ประเทศอังกฤษ
“อาตมาได้ประโยชน์มากจากการมาบวชเป็นพระภิกษุ เพราะเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สงบเย็น และปลอดกังวลจากเครื่องพันธนาการต่าง ๆ ทั้งเรื่องทรัพย์ เพศ ตลอดจนการมีชื่อเสียง เป็นต้น ประกอบกับการบวชนี้ อาตมาได้ให้โอกาสตัวเองมีเวลาเพื่อศึกษาความรู้อันสูงส่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันเป็นแหล่งแห่งปัญญาบริสุทธิ์ ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันอย่างทันสมัยใหม่เสมอ เป็นวิทยาศาสตร์และมีเหตุมีผล นี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิต
“หลัก ๆ แล้ว เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทั้งประวัติและธรรมะของพระพุทธเจ้า ได้เรียนรู้กฎแห่งกรรม การเวียนว่ายตายเกิด การยึดมั่นถือมั่นและการปล่อยวาง และความมีอิสระจากทุกข์ทั้งปวงในชีวิต โดยในแต่ละวันการคิดแบบพระ พูดแบบพระ และทำแบบพระนั้น คือการฝึกตัวในเรื่องของ ศีล สมาธิ และปัญญา อาตมาเรียนรู้แม้กระทั่งเรื่องใกล้ตัวที่สุด ดังเช่นเทคนิคการหายใจ การเลือกเฉพาะปัจจัยสี่ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต การรู้จักมีวินัยในตัวเอง มีความเคารพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ และอดทนต่อสิ่งต่าง ๆ อีกทั้งการรักษาความสะอาด ความเป็นระเบียบ มีความสุภาพ ตรงต่อเวลา และรักษาใจไว้ภายในตัวเป็นสมาธิ ซึ่งจะช่วยให้เกิดสมดุลในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น
“กิจวัตรของพระมีทั้งการสวดมนต์ที่ช่วยทำให้ใจสงบและยังสร้างความสามัคคีในหมสู่งฆ์ มีการทำความสะอาดเสนาสนะ ล้างห้องน้ำเพื่อลดทิฐิมานะและสร้างคุณธรรมคือความอ่อนน้อมถ่อมตนในตัวเรา การไม่ฉันภัตตาหารหลังเพลเพื่อฝึกฝนใจและบำเพ็ญตบะ การฟังธรรมและสนทนาธรรมเพื่อเข้าใจธรรมชาติของชีวิตจนเห็นสัจธรรม และที่สำคัญที่สุดที่เป็นแก่นแท้ของคำสอนในพระพทุธศาสนา คือ การนั่งสมาธิที่ทำให้ใจบริสุทธิ์ขึ้น และเป็นหนทางเดียว เพื่อเป้าหมายสูงสุด คือ พระนิพพาน
“สมาธิได้เปลี่ยนชีวิตอาตมาเป็นอย่างมาก จากที่เคยยึดติดอยู่ในกับดักทางความคิดภายในใจที่หดหู่ให้กลับมามีชีวิตที่มีความสุขในทุกแง่มุม สงบสุข เป็นอิสระ ร่าเริง เบิกบาน และเติมเต็มช่องว่างของใจอย่างที่อาตมาแสวงหาคำตอบมาโดยตลอด
“ด้วยความเคารพอย่างสูง อาตมาขอขอบคุณวัดพระธรรมกายจากใจจริง สำหรับความรู้ และทุกสิ่งที่ดีที่ได้จากการบวชพระในครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ ในชีวิตของอาตมา”
“จงก้าวตามพ่อชี้ มัชฌิมา
เส้นทางพระสัมมา พุทธเจ้า
หยุดอยู่กึ่งกายา ทุกเมื่อ
พบโลกุตตรธรรมเก้า หลุดพ้นสังสาร”
(ตะวันธรรม)