ฉบับที่ ๒๐๔ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒

UNSEEN ปฏิปทาพระพ่อ (คุณครูไม่เล็ก)

เรื่องจากปก
เรื่อง : กองบรรณาธิการ

 

UNSEEN ปฏิปทาพระพ่อ (คุณครูไม่เล็ก)


Unseen ปฏิปทาพระพ่อ
จากทีมอุปัฏฐาก พระสมุห์พิชิต ฐิตชโย

         หลวงพี่ต้องขอกล่าวว่า คุณธรรมของคุณครูไม่เล็กมีมากมาย หากให้พูดเพียงไม่กี่นาทีนั้นยากมาก แต่คุณธรรมที่โดดเด่นที่หลวงพี่ได้สัมผัสจากคุณครูไม่เล็กก็คือ ความอดทน มีครั้งหนึ่งท่านเปรยถามว่า “คุณครูไม่เล็กเก่งไหม” แล้วท่านก็ไล่ถามลูกอุปัฏฐากทุกรูปเลย ซึ่งท่านได้รับคำตอบเดียวกันหมดว่า “เก่งมากครับ” แต่ท่านบอกว่าท่านไม่เก่ง คนที่เก่งคือคุณยายอาจารย์ฯ และคุณครูไม่ใหญ่ ท่านอยู่ด้วยความอดทน คุณยายสั่งให้ทำอะไร ท่านก็ทำ รวมถึงคุณครูไม่ใหญ่ให้ทำอะไร ท่านไม่เคยมีข้อแม้เงื่อนไขใด ๆ และไม่เคยเอ่ยวาจาใด ๆ ท่านถือเอาทุกคำสั่งของคุณยายอาจารย์ฯ และคุณครูไม่ใหญ่เป็นบทฝึกสำหรับท่าน ทำให้ท่านมีความแข็งแกร่งขึ้น มีความสามารถมากขึ้น เก่งมากขึ้น และเป็นนักรบแห่งกองทัพธรรมที่ยอดเยี่ยม ท่านฝึกตนดังกล่าวจนกระทั่งกลายเป็นคุณธรรมประจำตัวของท่าน และท่านก็นำมาฝึกลูก ๆ รุ่นต่อไป

      ในเรื่องความอดทนนั้น เป็นไปได้ยากมากที่ใครจะอดทนกับการที่มีคนมาคอยจับจ้องอยู่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง แม้แต่พวกเราเองยังมีพื้นที่ส่วนตัว หรือ Comfort Zone ซึ่งนับตั้งแต่ที่หลวงพี่ได้เข้ามาที่อาศรมบัณฑิต หลวงพี่เห็นว่าไม่มีเวลาใดเลยที่คุณครูไม่เล็กจะละสายตาจากลูก ๆ นั่นเป็นเพราะลูก ๆ ก็คอยมองดูท่านอยู่ตลอดเวลา มองดูอะไร ?

              ๑. มองดูการฝึกตัวของท่าน 

              ๒. มองดูความบริสุทธิ์ของท่าน โดยดูจากพระธรรมวินัยที่ท่านได้เคี่ยวเข็ญตนเองมาตลอด


        หลวงพี่เรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จึงได้มีโอกาสออกแบบกุฏิแล้วก่อสร้างกุฏิถวายท่าน ท่านบอกว่า "ขอกุฏิแบบใส ๆ คือ สามารถเห็นได้รอบเลย" หลวงพี่จึงทักท้วงขึ้นว่า “ถ้ากุฏิใสจะเห็นภายในหมดเลยนะครับ หลวงพ่อจะอยู่ได้อย่างไร” พอหลวงพี่พูดจบ ท่านก็พูดขึ้นว่า “นี่สิดี จะได้เป็นบทพิสูจน์ว่าหลวงพ่อบริสุทธิ์ ไม่ว่าใครเดินผ่านไปมา ก็จะเห็นหลวงพ่อได้ตลอดเวลา” สิ่งนี้จะเป็นเครื่องวัดความบริสุทธิ์ ญาติโยมหรือใครก็จะได้เห็นว่าท่านกำลังทำอะไร เพราะหากที่แห่งใดมีมุมให้บัง จะเป็นสถานที่ที่สามารถทำความชั่วได้ง่าย ทำให้กุฏิใส ๆ บริสุทธิ์ดี เขาจะได้เห็นท่านเป็นตัวอย่างในการฝึกตัว นี้เพียงแค่เรื่องเบื้องต้นที่พวกเราสามารถมองดูท่านได้ตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง จึงถือว่ายากมาก นี้เป็นประการแรก

           ประการต่อมา ทุกครั้งที่ท่านจะกล่าวอ้างสิ่งใดก็ตาม ท่านจะยกครูบาอาจารย์ไว้ตลอดเวลา ท่านจะพูดถึงคุณครูไม่ใหญ่หรือคุณยายอาจารย์ฯ ทุกครั้ง และท่านไม่เคยอวดอ้างถึงคุณธรรมหรือความรู้ความสามารถของท่านว่า ท่านเก่งอย่างไรหรือดีอย่างไรเลย ทำให้หลวงพี่รู้ว่า ท่านมีความกตัญญู มีความรักและเคารพในครูบาอาจารย์ของท่านเสมอ ดังนั้นเมื่อหลวงพี่ได้อยู่ใกล้ชิดท่าน จึงได้ข้อคิดขึ้นมาว่า ตัวของเราเองควรจะเป็นดุจดังแผ่นดิน เพื่อพร้อมที่จะรองรับคุณธรรมของทุกคน


          ท่านพูดเสมอว่า "มีอาจารย์อยู่รอบตัว" ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ก็เป็นอาจารย์หรือเป็นครูให้ตัวเราได้ แม้แต่ขณะที่ท่านนั่งเทศน์อยู่ ท่านบอกว่าคนที่นั่งฟังเทศน์อยู่ก็เป็นครูให้ตัวเราได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา เราสามารถจับให้เป็นความดีได้หมด และเป็นครูสอนตัวเราได้ เมื่อตอนที่เราเป็นเด็ก เราต่างก็มีความปรารถนาและใฝ่ฝันจะมีครูดีสักคน แล้วก็แสวงหากัน สำหรับหลวงพี่ แม้หลวงพี่เคยพบครูมามาก แต่สุดท้ายก็มาพบครูดี คือ คุณครูไม่เล็ก ซึ่งคอยอบรมพร่ำสอน เป็นต้นบุญต้นแบบ เป็นมิตรแท้ เป็นผู้ชี้นำประโยชน์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้ ท่านจึงเป็นทั้งมิตรแท้และเป็นกัลยาณมิตร

          ดังนั้น จะหาบุคคลเช่นท่านได้ที่ใดในโลก ที่เอาชีวิตของตนเองเป็นเดิมพันเพื่อฝึกคนขึ้นมา วัดพระธรรมกายเติบโตขึ้นได้จากการฝึกพระ ฝึกสามเณร ฝึกอุบาสก ฝึกอุบาสิกา จากรุ่นต่อรุ่น โดยท่านเอาชีวิตของท่านเป็นเดิมพันในการฝึก ซึ่งท่านไม่เคยเอ่ยสักครั้งว่า ท่านเหนื่อย ท่านทำงานหนัก ท่านหิว หรือท่านไม่ไหว แม้บางวันท่านให้น้ำเกลืออยู่ ญาติโยมยังเข้ามากราบท่าน หลังจากญาติโยมกลับไปแล้ว หลวงพี่ถามท่านว่า “เหนื่อยไหมครับ” ท่านบอกว่า “ไม่เหนื่อยหรอก” แล้วท่านก็สบายดี แม้ว่าสุขภาพร่างกายของท่านเป็นแบบนี้ แต่จิตใจของท่านเต็มร้อย ส่วนคนที่มากราบท่าน แม้ร่างกายของเขาแข็งแรง แต่ใจของเขาไม่เต็มร้อย เพราะขาดที่พึ่ง เพราะฉะนั้นแม้ภายนอกจะเห็นว่าร่างกายของท่านไม่ไหว แต่ท่านมีหัวใจของความเป็นครู ที่จะเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างคนขึ้นมา

          ใกล้วันคล้ายวันเกิดของท่านอีกครั้ง พวกเราก็จะได้มุทิตาสักการะท่านผู้เป็นที่เคารพรักของลูก ๆ ทั้งหลาย วันคล้ายวันเกิดของท่านเป็นวันที่ท่านเหนื่อยที่สุด เนื่องจากพวกเราไม่เคยเห็นบรรยากาศการต้อนรับแขกของท่าน พวกเราอาจจะไม่เข้าใจ จะขอยกตัวอย่างวันที่ ๒๑ ธันวาคมที่จะถึงนี้ ญาติโยมจะจองคิวเข้ามากราบท่านตั้งแต่วันที่ ๑๘ ถึงวันที่ ๒๐ และข้ามไปเป็นวันที่ ๒๒ ถึงวันที่ ๒๓ ซึ่งเป็นเช่นนี้ทุกปี และวันที่ ๒๑ เป็นวันที่ญาติโยมมานั่งรอกันที่หน้ากุฏิเลย บางปีญาติโยมมารอตั้งแต่ตีห้า ไม่ได้มานั่งจองคิวทำอะไร แต่เนื่องด้วยความรักจึงต้องการจะกราบท่าน ต้องการพบท่าน บางปีท่านต้องรับแขกตั้งแต่เวลา ๖ โมงเช้า พอท่านลงมาจากกุฏิ แขกมาเลย พอแขกมาแล้วท่านก็เข้าไปนั่งฉัน ในขณะที่ท่านนั่งฉันนั้นคุณโยมก็สนทนาไปด้วย ถามว่าสนุกไหมที่ต้องฉันไปคุยไป ไม่สนุกหรอก อิ่มไหม ไม่อิ่มหรอก รับแขกไปด้วยฉันไปด้วย เมื่อท่านฉันเสร็จเรียบร้อยท่านก็ให้พร แขกชุดที่สองก็เข้ามา ชุดที่สาม-สี่-ห้าเข้ามา ท่านรับแขกตั้งแต่ ๖ โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง


           หลวงพี่เป็นอุปัฏฐากยังเหนื่อย เหงื่อแตกและร้อน จึงถามท่านว่า “เหนื่อยไหมครับ” ท่านบอกว่าเห็นคนที่เขามากราบท่านไหม ตัวเราอยู่ตรงนี้ แต่เขาต้องดั้นด้นมา และแต่ละคนที่มามีตั้งแต่รุ่นอ่อน รุ่นแก่ บางคนเป็นรุ่นเพชรรุ่นพลอยแล้ว คือ ร่วมกันสร้างวัดมาตั้งแต่วัดพระธรรมกายยังไม่มีอะไรเลยจนมาถึงปัจจุบันนี้ ท่านถามหลวงพี่ว่าเขารักท่านไหม หลวงพี่ตอบว่า “รักครับ” ถ้าเช่นนั้นก็จบ เพราะเราคุยกันด้วยใจ ท่านถามต่อไปอีกว่า “ถ้าหากมีใครทำอะไรสักอย่างให้เรา เราควรจะตอบแทนเขาเท่าไรดี” ถ้าเป็นท่าน หากเขาทำอะไรให้ท่านสักหนึ่ง  ท่านจะตอบแทนเขาเป็นสิบเป็นร้อย และถ้าหากใครทำให้ท่านเป็นสิบเป็นร้อย ท่านจะตอบแทนเขาเป็นพันเป็นหมื่น บางคนทำอะไรให้ท่านมาก ๆ ท่านอยากจะตอบแทนเขาเป็นหมื่นเท่า แสนเท่า ล้านเท่า เพราะบุญคุณตอบแทนกันไม่หมด

           นี้คือครูบาอาจารย์ของเรา ท่านรักเรายิ่งกว่าชีวิตของท่านเสียอีก ท่านเสียสละเวลาของท่านเพื่อพวกเรามาตลอดทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นการที่เราจะตอบแทนหรือถวายของขวัญอันล้ำค่าแด่ท่าน ควรจะเป็นสิ่งใด เงินทองก็ไม่ใช่ ธรรมะท่านก็มีมากแล้ว สุขภาพดีเราก็ไม่สามารถถวายท่านได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราตอบแทนหรือถวายท่านได้ดีที่สุด คือ การประพฤติตนให้เป็นชาวพุทธที่ดีและถูกต้อง ท่านจะชื่นใจ และในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเราควรจะรวมใจบูชาธรรมท่านด้วยการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตรถวายเป็นการมุทิตาแด่ท่าน ให้ท่านมีอายุยืนยาว อยู่กับพวกเราประดุจเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกเราไปอีกนานแสนนาน อาราธนาให้ท่านอยู่เป็นกัปเลย อยู่ได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่อง แต่ใจของเราขอให้ทำเพื่อท่าน ท่านจะได้เป็นศูนย์รวมใจของลูก ๆ ทั้งหลาย ทั้งภพนี้ ทั้งในจักรวาลหน้าหรือในภพชาติต่อไป ขอให้พวกเราได้เป็นลูกศิษย์หลานศิษย์ของท่านตลอดไป

           เวลาหลวงพี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วมองไปที่พระจันทร์ หลวงพี่จะนึกถึงท่านทุกครั้ง ท่านบอกว่าทุกครั้งที่ท่านมองพระจันทร์เต็มดวง ท่านมีความสุขมาก ทุกครั้งที่หลวงพี่คิดถึงท่าน หลวงพี่จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเห็นพระจันทร์เต็มดวง จะตั้งจิตอธิษฐานว่า  ขอให้หลวงพี่เป็นลูกศิษย์ของท่าน เมื่อเกิดมาแล้วขอให้ได้พบครุูบาอาจารย์เช่นนี้ไปทุกชาติ พอนึกถึงหน้าท่านแล้ว หลวงพี่ก็จะกราบ แม้ว่าตัวหลวงพี่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่ใจของหลวงพี่ผูกพันรักเคารพท่านตลอดเวลา พวกเราก็รักท่าน ดังนั้นเรามาสวดธรรมจักรถวายบูชาธรรมท่านให้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ เพื่อพระพ่อของพวกเรา

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล