ฉบับที่ ๒๐๘ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๖๓

ความตั้งใจของสามเณรน้อยที่โลกต้องตะลึง !

สัมภาษณ์พิเศษ
เรื่อง : นานา
ภาพ : ภาพนิ่งและครูอ้อย
(cute cat)

 

ความตั้งใจของสามเณรน้อยที่โลกต้องตะลึง !

             การตัดสินใจบวชของสามเณรรูปนี้ ราวกับว่าเป็นผู้ที่ได้ทำบุญมามากในปางก่อน เพราะการที่เด็กอายุขนาดนี้จะคิดเช่นนี้ได้...มีไม่มากเราอยากให้คุณอ่าน แล้วคุณจะอึ้ง ทึ่ง ปลื้ม เกิดแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ไปพร้อมกัน เพื่อพร้อมจะมอบเส้นทางที่ดีที่สุดให้ลูกหลานอันเป็นที่รักสืบไป...

                สามเณรเป็นหนึ่ง ศิลาภัย หรือเรียกสั้น ๆ ว่าสามเณรนิว ที่หลายคนรู้จักกันในนามสามเณรผู้ท่องจำและสามารถจดบันทึกธรรมวิภาค ปริเฉทที่ ๑ ครบทุกหมวด เเละยังสอบไล่ได้เปรียญธรรม ประโยค ๑-๒ ในขณะที่มีอายุแค่ ๑๓ ปีเท่านั้น ซึ่งก็ต้องขอบอกว่ามีสามเณรไม่กี่รูปที่สามารถทำได้เช่นนี้ !

 

อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของการบวชสามเณร ?

             ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ครับ ตอนนั้นสามเณรยังไม่ได้บวช อายุเเค่ ๖ ขวบ วันหนึ่งญาติผู้พี่นั่งรถทัวร์กลับมาเยี่ยมบ้านในลักษณะโกนผม ใส่ชุดสีส้ม ๆ ทำให้สามเณรไม่เข้าใจว่าพี่เขาไปทำอะไรมา เห็นบอกแต่ว่าบวชเณรมา ซึ่งพอสามเณรฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าการบวชเณรคืออะไร แต่ความรู้สึกข้างในบอกว่าอยากไปกับเขามาก ๆ จึงขอขึ้นรถทัวร์ตามไปด้วยโดยที่ไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย เพื่อไปบวชสามเณรภาคฤดูร้อนในวันนั้นเลยครับ จากการตัดสินใจอย่างรวดเร็วขนาดนี้ จึงทำให้โยมพ่อโยมเเม่ไม่ทันตั้งตัว ท่านทั้งสองจึงจัดหาของใช้เท่าที่จำเป็นส่งตามไปในภายหลัง เเละได้บวชเป็นสามเณรจนกระทั่งจบโครงการครับ

          หลังจากนั้น พอถึงช่วงปิดเทอมทีไร สามเณรก็จะขอโยมพ่อโยมแม่มาบวชสามเณรภาคฤดูร้อนต่อเนื่องทุกปีตั้งเเต่ชั้นอนุบาล ๓ จนจบประถมศึกษาปีที่ ๖ รวมแล้วก็บวช ๗ ครั้ง ๗ ปีครับ ซึ่งทุกครั้งสามเณรก็ไม่อยากจะลาสิกขาเลย มักจะอยู่เป็นคนสุดท้ายของโครงการเเละเมื่อจำเป็นต้องกลับบ้าน สามเณรก็ยังชอบที่จะให้โยมเเม่โกนผมให้เหมือนกับตอนที่บวชเป็นสามเณรอีกด้วยครับ เมื่อจบ ป.๖ ก็สมัครเป็นสามเณรประจำวัดพระธรรมกายทันทีครับ

 

ทำไมถึงอยากบวชเณร ?

           สามเณรชอบชีวิตนักบวช เวลาคุณครูให้เขียนว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร สามเณรจะเขียนทุกครั้งว่า อยากเป็นสามเณร การบวชเป็นสามเณรทำให้ได้เจอเพื่อนใหม่ทุกปี เเละยังได้ฝึกตัวในด้านต่าง ๆ ซึ่งโยมพ่อโยมแม่ก็ชอบด้วย เพราะหลังจากบวชจบโครงการแล้วก็เป็นเด็กดีขึ้น จนโยมพ่อโยมแม่ก็เห็นว่าลูกเปลี่ยนเเปลงไป เช่น รู้จักพับผ้าห่ม เก็บที่นอน ซักผ้า ซึ่งนอกจากซักผ้าของตัวเองเเล้ว ยังซักชุดขาวให้โยมเเม่ด้วย ทำให้โยมแม่ปลื้มและชมใหญ่เลย รู้สึกรักและภูมิใจในตัวลูกมากขึ้นไปอีก


คิดว่า..ชีวิตนักบวชต่างกับฆราวาสอย่างไร ?

           ถ้าเราเป็นฆราวาสใช้ชีวิตทางโลกมักจะต้องเเต่งงาน ต้องทำงาน ต้องดิ้นรน มีเวลานั่งสมาธิปฏิบัติธรรมน้อย เหมือนปลาที่กระโดดดีดตัวขึ้นมาบนพื้นดิน แล้วต้องแถกตัวดิ้นหาน้ำเพื่อความอยู่รอด เเต่ชีวิตนักบวชเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ สามารถว่ายไปได้เรื่อย ๆ เป็นอิสระจากการครองเรือน เพื่อเอาเวลามาทำพระนิพพานให้แจ้ง

 

การบวชเป็นสามเณรประจำที่วัดพระธรรมกายยากไหม ?

             ตอนเข้าไปใหม่ ๆ ก็เจอความยากลำบากเเตกต่างจากที่เคยอยู่บ้าน เพราะที่บ้านนอนเปิดเเอร์สบาย ๆ พอมาอยู่ที่วัดต้องนอนเสื่อพื้นเเข็ง ๆ ปวดหลัง เเต่พอเราเห็นรุ่นพี่ทำได้ก็คิดว่าเราต้องทำได้ จนกระทั่งตอนนี้บวชเป็นสามเณรประจำได้ ๒ ปีเเล้ว

             การมาอยู่ที่นี่พระอาจารย์ท่านฝึกฝนเราให้อยู่ในระเบียบวินัย ได้พัฒนาตนเองต่างจากเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน เเละยังได้ฝึกความสามัคคีซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องมาอันดับหนึ่งของหมู่กุฏิสามเณร และที่สำคัญต้องเคารพรุ่นพี่ ซึ่งรุ่นพี่ก็ต้องดูเเลรุ่นน้อง

             ความตั้งใจส่วนตัวสามเณรอยากจะเป็นนาคหลวงสายเปรียญธรรม ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดในด้านการศึกษาภาษาบาลี คือ สามารถศึกษาจนสำเร็จเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ในขณะยังเป็นสามเณร

       ที่สามเณรตั้งใจอย่างนี้เพราะเมื่อเห็นพี่สามเณรสอบได้เปรียญธรรม ๙ ประโยคเเล้วได้ไปเป็นพระอาจารย์สอนคนอื่น ๆ สามารถไปเผยเเผ่คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นต้นแบบอย่างนี้แล้ว สามเณรอยากทำให้ได้บ้าง ซึ่งรุ่นพี่นาคหลวงต้นเเบบของสามเณรก็คือพระมหาภาสกร ธมฺมวทญฺญู ป.ธ.๙ ซึ่งท่านคือเเรงบันดาลใจให้สามเณรขยันและพยายามสอบไม่ให้ตกทุกปี

        สิ่งนี้เป็นความใฝ่ฝันของสามเณร เพราะตั้งแต่ครั้งที่ตัดสินใจบวชสามเณรตอน ๖ ขวบก็ถามโยมเเม่ตลอดว่า ๖ ขวบแล้ว บวชเป็นสามเณรประจำได้หรือยัง ซึ่งอายุตอนนั้นยังไม่ถึงเกณฑ์โยมแม่ตอบว่าไม่ได้ และพอสามเณรอายุ ๗ ขวบ ๘ ขวบ ก็ถามโยมแม่อีกเรื่อย ๆ เหมือนเร่งวันเร่งคืน เพราะอยากบวชเป็นสามเณรประจำเร็ว ๆ จวบจนกระทั่งอายุได้ ๑๒ ปี จบ ป.๖ แล้ว ก็รีบมาบวชเป็นสามเณรประจำ เเล้วก็เริ่มเรียนบาลีเลย


เรียนหนักไหม ผลเป็นอย่างไร ?

            สามเณรเริ่มเรียนบาลีตอนอายุ ๑๓ ขวบ ซึ่งเรียนและสอบได้นักธรรมตรีพร้อมกับสอบผ่านประโยค ๑-๒ ได้ด้วย ส่วนปีนี้อายุ ๑๔ ปี ก็สอบนักธรรมโทเเละสอบบาลีประโยค ๓ ควบกันไปด้วย ถ้าสอบได้ก็ถือว่าได้ประโยค ๓ ตั้งเเต่อายุยังน้อย ซึ่งก็มีไม่กี่คนที่ทำได้ครับ

           ปีที่ผ่านมา สามเณรสอบนักธรรมได้คะเเนนเป็นที่หนึ่งบ้าง ที่สองบ้าง เเละได้รับเกียรติบัตรจากพระอาจารย์ในฐานะผู้สามารถท่องจำธรรมวิภาค ปริเฉทที่ ๑ ครบทุกหมวดเเละได้รับเกียรติบัตรผู้สามารถจดบันทึกธรรมวิภาค ปริเฉทที่ ๑ ครบทุกหมวด ในโครงการสามเณรทรงธรรมวิภาค ระดับนักธรรมชั้นตรี ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑


ชอบเรียนบาลีไหม เพราะอะไร ?

            ชอบเรียนบาลี เพราะได้เรียนรู้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รู้เรื่องราวในอดีตที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ การเรียนทำให้เรารู้และรักษาคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ด้วย ซึ่งการเรียนครั้งเเรกก็ยาก เหมือนเรียนภาษาอังกฤษใหม่ ๆ ที่เราไม่รู้อะไรเลย ต้องเริ่มใหม่จากอักษร A B C… ภาษาบาลีก็เหมือนกัน เราก็ต้องเริ่มเรียนรู้คำศัพท์ ต้องหัดเเปล

 

มีอุปสรรคไหม ยากไหม ในการเรียนบาลี ?

          พระอาจารย์เคยบอกไว้ว่า ภาษาบาลีเหมือนยานอนหลับ เราเรียนตอนบ่าย เป็นเวลาที่เด็กอนุบาลยังนอนกลางวัน ซึ่งก็จริง ๆ ครับ เพราะตอนบ่ายก็มีง่วงเหมือนกัน เเต่สามเณรก็พยายามจะไม่หลับ เพราะมานึกถึงเวลาสอบบาลีซึ่งไม่เหมือนการสอบทางโลก ไม่มีคะเเนนเก็บสะสม ถ้าสอบตกแล้ว..ตกเลย... และหนึ่งปีมีการสอบเเค่ครั้งเดียว เเพ้ชนะวัดกันเเค่เพียงวันเดียว คือ วันสอบ ถ้าสอบไม่ได้ภายในปีนั้นถือว่าพลาดเลย และนี้คือความยาก ซึ่งความคิดนี้ก็เลยเป็นเเรงผลักดันให้สามเณรพยายามที่จะไม่หลับในช่วงเรียนครับ


มีเทคนิคการเรียนบาลีส่วนตัวอย่างไร ?

           สามเณรเป็นคนโชคดีในขั้นหนึ่ง คือ เป็นคนจำเเม่น ความจำดี เเต่พระอาจารย์บอกว่าการเรียนบาลีนั้น คนเก่งก็ยังเเพ้คนขยัน เพราะคนเก่งมักจะประมาท พอเห็นว่าตัวเองเเปลได้ก็ไม่ฝึกหัดเเปล ต่างกับคนขยันที่พยายามฝึกฝนแปลจนกลายเป็นคนเก่งในที่สุด

        สำหรับสามเณรเองก็ใช้ความโชคดีคือจำแม่นมาช่วย บวกกับความขยัน ถ้าทำ ๒ อย่างพร้อมกันการเรียนบาลีก็ไม่ยากเกินความพยายาม ทุกวันนี้สามเณรจะดูหนังสือทบทวนที่อาจารย์สอนตอนหัวค่ำ จากนั้นก็พักผ่อนสักครึ่งชั่วโมง พอ ๒๒.๐๐ น. ก็จะตื่นขึ้นมานั่งอ่านบาลี หัดเเปลในกุฏิที่เขาให้จำวัด แต่ก็ต้องระวัง เวลาอ่านต้องกดโคมไฟให้ลงต่ำ เพื่อไม่ให้แสงไฟไปเเยงตาคนอื่น


เรียนหนักและต้องขยันขนาดนี้ แบ่งเวลานั่งสมาธิอย่างไร ?

           สามเณรชอบนั่งสมาธิมากครับ ยิ่งมีโครงการนั่งสมาธิให้ได้วันละ ๒ ชั่วโมงทุกวันนี้ถือว่าสุดยอดมาก เพราะการนั่งสมาธิจะเข้ามาช่วยเรื่องเรียนโดยตรง ทำให้เวลาอ่านหนังสือใจรวมเป็นหนึ่ง ไม่วอกเเวก และที่สำคัญที่สุด การนั่งสมาธิทำให้สามเณรเห็นแสงสว่างกลางท้อง ซึ่งเห็นแล้วมีความสุข รู้สึกตัวเบา ตัวลอย

         ทุกวันนี้ สามเณรจะจัดเวลานั่งสมาธิในตอนเช้า ๐๕.๐๐-๐๕.๓๐ น. และในระหว่างวันก็จะนั่งสะสมชั่วโมงการหยุดนิ่งด้วย เมื่อถึงตอนเย็นก็จะไปนั่งรวมกันกับหมู่คณะพร้อมกันทั้งวัดที่เทวสภา

 

การบวชเณรเป็นสิ่งจำเป็นไหม สำหรับเด็กยุคนี้ ?

          อยากให้เด็ก ๆ ทุกคนลองมาบวชดูก่อน สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดีครับ แล้วจะรู้ว่าชีวิตนักบวชมันให้คุณค่ากับตัวเองขนาดไหน ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่ายังไม่ถึงเวลา ยังไม่ใช่วัยที่จะมาบวช ซึ่งแท้จริงแล้ว วัยนี้เป็นวัยที่เหมาะสมในการปลูกฝังสิ่งดี ๆ ลงไป เหมือนผ้าขาวบริสุทธิ์ที่ควรจะแต่งแต้มสิ่งดี ๆ ลงไป เพราะในยุคนี้เป็นยุคที่กิเลสเยอะ มีโทรศัพท์มือถือไว้ทำนู่นนี่นั่นต่าง ๆ เล่นเกมจนไม่ได้กินได้นอน อยู่หน้าจอทั้งวัน ส่งผลให้สมาธิสั้น มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนไม่ดี แต่การมาบวชเณรนอกจากจะทำให้เราได้ฝึกสมาธิแล้ว จะทำให้เราเข้าสังคมเป็นได้ฝึกระเบียบวินัย เพื่อจะได้เป็นเยาวชนที่ดีของชาติต่อไป...

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล