ฉบับที่ ๑๗ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

อานิสงส์สร้างพระสามแสนปลื้ม ลืมไม่ลง คงไม่ลืม ปลื้มทุกชาติ

 

 

          ลายคนปลื้ม เมื่อได้มองเห็นภาพในอดีตที่ตนรับปริญญาบัตร
...หลายคนปลื้มเมื่อเห็นโล่รางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันกีฬาวางเรียงรายอยู่ในตู้.. ฯลฯ แต่ครั้นอยู่บนเตียงคนป่วย สังขารกำลังได้รับความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย ลมหายใจกำลังอ่อนลง และเปลือกตากำลังหรี่เตรียมจะหลับลาจากโลก... เมื่อพบเหตุการณ์เช่นนี้ หาได้มีใครเอาภาพ หรือรางวัลดังกล่าว มาโชว์ให้คนป่วยดู หรือคอยบอกให้นึกถึงรางวัลต่างๆที่เคยได้รับหรือไม่ ...หากแต่คอยให้กำลังใจแก่คนป่วยให้เข้มแข็ง เตือนให้นึกถึงบุญหรือนึกถึงพระรัตนตรัย เพราะสิ่งนี้เท่านั้นคือที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงที่จะนำผู้ป่วยเมื่อละสังขารแล้ว... ไปสู่สุคติได้

          หากจะกล่าวไปแล้ว ความปลื้มของแต่ละคนล้วนมาจากหลายสาเหตุ เช่น ปลื้มจากความปีติยินดีที่สำเร็จการศึกษา หรือปลื้มจากการทำงานได้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งแต่ละสาเหตุดังกล่าวแม้จะมีความปลื้ม อิ่มอกอิ่มใจ แต่ก็จะรู้สึกปลื้มด้วยระยะเวลายาวนานต่างกัน ...นานบ้างไม่นานบ้าง.. เช่น แม้จะปลื้มจากทำธุรกิจได้กำไร แต่ไม่นานเมื่อพบกับภาวะเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ อาจจะขาดทุนทำให้จิตใจมีความทุกข์ระทม นั่นก็คือ ปลื้มบ้าง...ไม่ปลื้มบ้าง เป็นความปลื้มที่ยังไม่แน่นอน และเป็นที่น่าสังเกตว่า ความปลื้มทั้งหลายในโลกนี้ ไม่นานก็ลืมไป เพราะความทรงจำของมนุษย์มีเพียงจำกัด แต่กระนั้น... ถึงแม้จะสามารถจำได้แม่นยำ แต่ความปลาบปลื้มนั้น ก็หาได้ติดตามไปสู่ปรโลกได้

          เราจะสามารถปลื้มจากกรรมดีที่ตนกระทำไว้และจะนำไปสู่สุคติได้ เพราะการจากโลกไปของมนุษย์นั้น จะมีภพภูมิที่รองรับ ซึ่งจะเป็นนรกหรือสวรรค์นั้น ขึ้นอยู่กับกรรมที่ตนเองได้สั่งสมไว้ โดยตนจะต้องไปเสวยผลแห่งวิบากกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ตราบใดที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ กรรมจะคอยนำมนุษย์นั้นไป ทั้งสุคติหรือทุคติ

          ดังเรื่องราวตัวอย่างที่มีมาในพระไตรปิฎก (ปปัญจสูทนี อรรถกถามัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์) ดังนี้

          ในอเจลวิหาร ใกล้เคียงเชิงเขาโสภณ มีพระธรรมกถึกรูปหนึ่ง ชื่อพระโสณเถระ โยมบิดาของท่านเป็นนายพรานสุนัข (อาศัยสุนัขล่าเนื้อ) พระเถระได้คอยห้ามโยมให้เลิกจากการประกอบอาชีพเช่นนี้ แต่โยมบิดาก็ยังไม่ยอมเลิก ดังนั้น เมื่อไม่สามารถบอกให้เลิกบาปมุ่งแต่ทำตนให้อยู่ในศีลธรรมได้ จึงคิดว่าโยมเอ๋ย อย่าได้มีชีวิตที่ประกอบแต่ทุกข์และโทษเลย จึงให้โยมบิดาบวชทั้งที่ท่านไม่อยากบวช

          ต่อมาเมื่อบิดาซึ่งบวชอยู่นั้น แก่ชราและล้มป่วยลง ขณะที่นอนบนเตียงคนไข้ นรกก็ปรากฏขึ้น กล่าวคือมีภาพนิมิตปรากฏ เป็นสุนัขทั้งหลายล้วนแต่ตัวใหญ่ๆ มาจากเชิงเขาโสภณ มาล้อมท่านไว้ ทำทีเหมือนจะกัด ท่านกลัวต่อมหาภัยมาก จึงกล่าวกับพระโสณเถระว่า
"พ่อโสณะห้ามที พ่อโสณะห้ามที"

          พระโสณเถระถามว่า อะไรครับหลวงพ่อ? ท่านกล่าวว่า "ท่านไม่เห็นหรือว่า สุนัขตัวใหญ่กำลังจะมาขย้ำเรา" พระโสณเถระคิดว่า คตินิมิตเกิดขึ้น เช่นนี้ ย่อมนำท่านไปสู่อบายภูมิอันทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน แต่อย่ากระนั้นเลย.. บิดาของคนเช่นเราซึ่งได้บวชอุทิศพระพุทธศาสนา จักไปเกิดในนรกได้อย่างไรเล่า เราจักช่วยท่าน

          คิดแล้วจึงให้พวกสามเณรไปนำดอกไม้นานาชนิดมา และให้ตกแต่งเครื่องลาดพื้นสำหรับบูชาและอาสนะสำหรับบูชาที่ลานเจดีย์และลานโพธิ์ แล้วเอาเตียงหามหลวงพ่อไปยังลานเจดีย์ ให้นั่ง บนเตียงแล้วกล่าวว่า "หลวงพ่อขอรับ บูชานี้จัดไว้เพื่อหลวงพ่อ... ขอให้หลวงพ่อกล่าวว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า นี้เป็นบรรณาการของข้าพระองค์ผู้ยาก ข้าพระองค์ขอถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเครื่องบูชานี้"

          แล้วพระหลวงพ่อก็กล่าวตาม พร้อมได้ทำจิตให้เลื่อมใสในการบูชา และในทันทีที่ได้ทำจิตให้เลื่อมใสแล้ว ทันใดนั้นเทวโลกปรากฏขึ้นแก่ท่าน กล่าวคือ มีภาพนิมิตที่ปรากฏเป็นสวนนันทนวัน สวนจิตรลดาวัน สวนมิสสกวัน สวนปารุสกวัน และวิมานทั้งหลาย และเหล่านางฟ้าฟ้อนรำมารายล้อมท่านไว้

          ท่านจึงกล่าวว่า
         "หลีกไปเถิดโสณะ หลีกไปเถิด โสณะ"
          พระโสณะประหลาดใจ จึงถามว่า
          "อะไรหรือหลวงพ่อ"
          พระหลวงพ่อ จึงกล่าวว่า
          "หญิงเหล่านี้ คือ โยมผู้หญิงของคุณกำลังมา"
          ซึ่งหมายถึงเหล่านางฟ้าที่มาปรากฏให้เห็น และเข้าใจว่าคงเป็นโยมของพระโสณเถระกำลังมา

          พระโสณเถระจึงดีใจว่า บัดนี้สวรรค์ปรากฏแก่หลวงพ่อแล้ว นั่นก็หมายความว่า คตินิมิตที่เกิดขึ้นหลังจากการบูชาเจดีย์ เป็นนิมิตที่ดีและจะนำหลวงพ่อไปสู่สุคติอย่างแน่นอนแล้ว

          จากเรื่องนี้ ทำให้ได้ข้อคิดในตอนท้ายประการหนึ่งว่า... แม้จะมีการให้กำลังใจหรือเตือนให้คนป่วยรำลึกนึกถึงบุญ
แต่ถ้าหากคนป่วยไม่เคยทำบุญมาก่อนหรือไม่เคยรู้สึกปลื้มกับประสบการณ์ของการทำบุญใดๆ ก็ยากที่ความปลื้มนั้นจะเอ่อท้นขึ้นมาในกลางใจ ทำให้เกิดคตินิมิตที่ดีที่จะนำไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ แต่ในทางตรงข้าม หากคนป่วยคุ้นเคยกับการทำบาปอกุศลมาโดยตลอด แทนที่จะเกิดภาพแห่งความปลื้มปีติ แต่จะกลับกลายเป็นนิมิตที่น่าเกลียดน่ากลัวมาคอยหลอกหลอน ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อละจากโลกนี้ไป... ทุคติคือที่หมาย

          แต่สิ่งที่จะทำให้เราปลื้มตลอด ทั้งเมื่อคราร่างกายยังแข็งแรงอยู่ หรือทุกครั้งเมื่อระลึกนึกถึง หรือแม้ขณะเมื่อกำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วย สิ่งที่จะทำให้เราปลื้ม และสามารถจำภาพแห่งความปลื้มได้ง่าย ก็เมื่อได้เห็นภาพยอดและเชิงลาดแห่งอาคารทำวิชชา หรือก็คืออาคาร ๖๐ ปี พระราชฯ ล้วนสำเร็จเรียงรายไปด้วย องค์พระธรรมกายนับสามแสนองค์ เรืองรองงดงามอร่ามตา เห็นแล้วย่อมจะเกิดความปลาบปลื้มยินดีเอ่อล้นขึ้นในดวงใจ และจะยิ่งปลื้มมากขึ้นเมื่อสามารถบอกกับตนเองด้วยความภาคภูมิใจว่า เราก็มีส่วนในการสร้างองค์พระทั้งสามแสนองค์นี้ ด้วยเช่นกัน...

 

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล