ฉบับที่ ๑๘ ประจำเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗

กายมหาบุรุษ เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)


เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
วันอังคารที่ ๑๖ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๗


................................................

กายมหาบุรุษ
เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง
               เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวโลกได้รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต
เป็นจุดเริ่มต้นของแสงสว่างภายในของโลกของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่แท้จริง

 

         กายมหาบุรุษเป็นกายที่สำคัญมาก คือ นอกเหนือจากความงดงามกว่ากายใดๆ ในภพ ๓ แล้ว กายนี้แหละที่จะตรัสรู้โดยชอบได้โดยพระองค์เอง ไม่ต้องมีครู เป็นสยมภู พระผู้ตรัสรู้เอง และเป็นกายที่เหมือนๆ กันกับกาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ทุกๆ พระองค์ที่มีผ่านมาในอดีต และเหมือนกับ กายของพระพุทธเจ้าที่จะมีต่อไปในอนาคต เพราะเป็นกายเดียวที่จะไปค้นตรงนั้นได้ เป็นกายของผู้ที่จะไปทำหน้าที่ค้นคว้าศึกษาว่า ทำอย่างไรจึงจะดับทุกข์ได้ ทำอย่างไรจึงจะตอบคำถามได้ทุกๆ คำถาม ที่เป็นข้อสงสัยของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในโลกนี้ โลกอื่น รวมไปถึงทั้งจักรวาลต่างๆ ต้องเป็นกายนี้เท่านั้นจึงจะเป็นกายบุกเบิกไปเอาความรู้ต่างๆ ที่พญามารปกป้อง ปกปิดนักหนาไม่ให้ไปรู้ไปเห็น แต่จะกันกายมหาบุรุษนี้ไม่ได้เพราะบารมีท่านเต็มเปี่ยมแล้ว

         กายมหาบุรุษนี้มีลักษณะเหมือนพระธรรมกาย ต่างแต่ไม่มีเกตุดอกบัวตูม เป็นกายที่ สง่างามมาก มีฤทธิ์ มีเดช และมีอานุภาพมาก คือเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมแล้วพระองค์ก็จะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายพระ-อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งกายโตใหญ่ไปตามกำลังบารมีของพระองค์ กายพระอรหันต์ หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา แต่กายของพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าโตใหญ่ไปกว่านั้น ไปตามกำลังบารมี เช่น ถ้าพระพุทธเจ้าที่บำเพ็ญบารมีมา ๒๐ อสงไขยแสนมหากัปก็ระดับหนึ่ง ถ้า ๔๐ อสงไขยแสนมหากัปก็โตใหญ่ขึ้นไปอีก ถ้า ๘๐ อสงไขยแสนมหากัป ก็ยิ่งโตใหญ่ขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นกายนี้จึงเป็นกายที่มีพลานุภาพมากเมื่อมาซ้อนเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกับพระธรรมกายภายใน จะสวมกันสนิทไม่มีช่องว่างเลยทั้งกายหยาบและกายละเอียด

         ส่วนกายมนุษย์ทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้ลักษณะมหาบุรุษ ตั้งแต่พระปัจเจกพุทธเจ้าลงมา เป็นกายที่มีลักษณะมหาบุรุษไม่ครบ เปรียบเหมือนตัวถังรถกับเครื่องยนต์ถ้าตัวถังบุบ เวลาสวมกันมันจะหลวมๆ เพราะฉะนั้นจะให้เร็วแรงตัวถังต้องดี ฮาร์ดแวร์กับซอฟแวร์มันต้องพอดีกันเป็นอันเดียวกัน ถ้าได้กายมหาบุรุษพญามารก็จะกันไม่อยู่ สัพพัญยุตญาณจึงเกิดขึ้น กายนี้แหละเป็นกายเดียว ที่อยู่ได้ถึง ๑ กัป ถ้าปรารถนา เพราะว่าไปสวมกันได้สนิทเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลยกับพระธรรมกายภายในที่ละเอียดลึกซึ้งกันไปเรื่อยๆ
         และกายๆ นี้ ใครจะปรารถนาก็ได้ ในสมัยที่พระพุทธองค์เสด็จลงจากดาวดึงส์ที่เมืองสังกัสสนคร ใครๆ ที่ได้เห็นพุทธานุภาพ เห็นพระวรกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่างก็ปรารถนาจะเป็นอย่างพระพุทธองค์ ต่างปรารถนาจะได้กายนี้ แม้ในตำรับตำราก็กล่าวไว้ว่าแม้แต่มด ซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังปรารถนา เพราะฉะนั้นกายนี้ไม่ได้ผูกขาด ใครจะปรารถนาก็ได้ แต่ก็มีกฎเกณฑ์ ถ้าหากว่า บารมีเต็มเปี่ยมระดับนี้จึงได้ ถ้าไม่ได้ระดับนี้ก็ไม่ได้หรือได้บางส่วน ดังนั้นการที่เราตั้งความ ปรารถนาอยากจะได้กายนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเป็นเรื่องที่อาจเอื้อมจนเกินไปก็ไม่ใช่

         ก่อนที่พระพุทธองค์จะได้กายมหาบุรุษนี้ พระองค์ก็ตั้งความปรารถนาและได้เคยเห็นกายมหาบุรุษนี้มาก่อนจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ โน้น เมื่อเห็นแล้วก็เกิดความประทับใจอยากเป็นอย่างนี้ เห็นพระสาวก องค์ที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕ เห็นกายของ พระปัจเจกพุทธเจ้ามานับพระองค์ไม่ถ้วน เห็นแล้วท่านก็เฉยๆ ได้สั่งสมบุญ สั่งสมบารมี ทั้งกับพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ต่างๆ แต่ความปรารถนาของพระองค์ต้องการกายมหาบุรุษที่ครบถ้วนบริบูรณ์

         เพราะฉะนั้นท่านไปเห็นอย่างนั้น จึงรักมาก ผูกพันมาก ยอมสละทุกอย่าง สละทั้งทรัพย์ภายนอก สละการเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ สละอวัยวะเพื่อบูชาธรรม แม้เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ท่านสละชีวิตมานับชาติไม่ถ้วน โดยมีความปรารถนาหนึ่งเดียวเท่านั้น ไม่มีคลอนแคลนเลย คืออยากจะเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้า อยากจะได้กายมหาบุรุษ

         ในสมัยที่พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็พยายามที่จะไปให้ถึง ณ ตรงนี้ เป็นทีม มุ่งที่จะไปเอาตรงนี้ เพราะฉะนั้นกายนี้จึงเป็นกายที่สำคัญมาก

         ผู้ที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้นั้นต้องมีกายมหาบุรุษเท่านั้น ถ้าไม่ได้กายนี้ก็ยากที่จะเข้าถึง เพราะว่ากายนี้เมื่อเวลาไปสวมกับ ผู้รู้ภายในจะสวมกันได้สนิท แล้วก็ไปร่ำเรียนความรู้จากนั้นต่อๆ กันไป ดังนั้นการหล่อพุทธปฏิมากร คือการหล่อกายมหาบุรุษนั้น ก็เพื่อจะไปเอากายนี้ หรืออย่างน้อยให้ไปใกล้ชิด กับกายของมหาบุรุษ ใครก็ตามที่ปรารถนา จะไปพระนิพพาน จะไปที่สุดแห่งธรรม ล้วนแต่ต้องผ่านการหล่อพุทธปฏิมากรทั้งสิ้น เพราะผู้ที่จะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมนั้นต้องได้กายมหาบุรุษอย่างเดียว จะต้องไปเป็นทีม ทั้งทีมต้องเท่าเทียมทัน ตั้งแต่รูปกาย รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ต้องฉลาดทันกัน มีความรู้ทันกัน

         การหล่อพระพุทธปฏิมากร ในวันที่ ๒๒ เมษายน ที่จะถึงนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่เราจะมีลักษณะกายมหาบุรุษ โอกาสนี้เป็นโอกาสที่ดี เป็นบุญใหญ่ที่จะบังเกิดขึ้นเพราะฉะนั้นให้มาเอาบุญใหญ่นี้นะลูกนะ

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล