ฉบับที่ ๒๑ ประจำเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

จุดเปลี่ยนชีวิต "เพื่อนใหม่.. ที่ไม่ฆ่าลูก" โดย : ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์

 

-: บันทึกเรื่องราวของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากการมาวัดพระธรรมกาย :-

: ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์

 


มีแม่จำนวนมากที่ให้ลูกทุกสิ่ง แล้วต้องสูญเสียในทุกสิ่ง
โดยไม่อาจแลกกับความเป็นคนดีของลูกได้อย่างที่ควรจะเป็น
จนต้องมานึกทบทวนตัวเองว่า เราเป็นแม่ที่ยังไม่ได้ให้อะไร
..เงิน เวลา ความรัก ที่ไม่เคยมีวันหยุดรัก
และให้มากกว่าทั้งหมดของชีวิตที่แม่มี ยังไม่พออีกหรือ..? ?
และเรื่องจริงที่จะนำเสนอต่อไปนี้ น่าสนใจพอไหม
หากจะบอกว่า สิ่งเหล่านี้ "ไม่พอ"
โดยเฉพาะเพื่อแลกกับความเป็นคนดีของลูก แม้สักคน...


             ความกดดันบางอย่างทำให้แม่กลายเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารที่สุด แต่ก็มีความสุขที่สุด ในการให้ทุกสิ่งแก่ลูก ชีวิตเธอคนนี้ก็เช่นกัน อาจารย์กชกร อัศวโยธากุล เธอเป็นครู และเป็นแม่ของลูกในเวลาเดียวกัน

             แจ้.. จอมพล วิสิทธิ์ศาสตร์ ลูกชายวัย ๑๖ ปี ลูกอาจารย์หัวหน้าหมวดสังคม ที่มีประสบการณ์โดยตรงในการสอนศีลธรรม ยกระดับชีวิตของเด็กหลายคนให้เป็นคนดี ดูจากอาชีพของแม่ ลูกน่าจะเป็นเด็กดีที่สุดคนหนึ่ง

             "เราให้เงินลูกไปโรงเรียนทุกวัน เลี้ยงเขา อย่างดี สอนเขาทุกอย่าง เพราะเราเป็นครู จะได้เปรียบกว่าพ่อแม่คนอื่น เรามีประสบการณ์กับ เด็กหลายคน มีเวลาให้ลูกเพียงพอ เราเลี้ยงเขา ให้มีกิน มีใช้ ไม่ต้องดิ้นรนเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วย ตัวเอง โดยเฉพาะความรัก คิดว่าเราให้กับลูกโดยไม่แพ้ แม่คนไหน"

             ภาพพจน์ของแจ้ดีมาก ในสายตาของแม่ แจ้ไปโรงเรียนทุกวัน เหมือนเด็กขยันทั่วๆ ไป จนกระทั่งแจ้ขึ้นชั้น ม.๒ แจ้เริ่มนอนดึกจนผิดสังเกต บางคืนไม่นอนเลย เปิดเพลงมีเสียงดังกระหึ่มตลอดคืนจนถึงเช้า แล้วก็ไปโรงเรียนต่อในวันรุ่งขึ้น

             แจ้ ขยันเรียนมากเกินไป มีอะไรเกิดขึ้นกับแจ้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เกรดเฉลี่ยลดลงมาอยู่ในระดับ ๐-๑


             "โธ่..แม่ครับ อาจารย์เขาไม่ปล่อยเกรด เขาอยากได้คุณภาพ นี่แจ้เรียนได้ที่กลางๆ แล้วนะ ทั้งห้องเขาก็ได้แบบนี้กัน บางคนยิ่งกว่าแจ้เสียอีก..!!.."

             เป็นคำพูดที่ดี ที่ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกสบายใจขึ้น แต่คุณจะเชื่อแจ้ด้วยรึเปล่า..?? อย่าเพิ่งตัดสินใจตอนนี้ก็ได้ เพราะเรามีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มให้คุณ

             แม่ของแจ้ ได้รับนักเรียนชายมาอุปการะ ให้ความรักเหมือนลูกคนหนึ่งด้วยในบ้าน และไม่นานต่อมากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น

             บัตร ATM กับสร้อยคอทองคำ หาย..!!..!!! มันเป็นของแม่ และที่สำคัญมันหายในบ้าน

             แปลก..!!..ที่ไม่มีร่องรอยแห่งการรื้อค้นใดๆ ของทุกอย่างวางอยู่ในตำแหน่งปกติ จะว่าขโมยขึ้นบ้าน ก็ไม่น่าจะใช่ และแม่ก็แน่ใจด้วยว่า ไม่ได้ทำตก หรือลืมหายที่ไหน

             ข้อสงสัยต่อมา จึงแทรกขึ้นในความคิดทันที "ใครล่ะขโมย..ขโมยคนนั้นต้องเป็นคนในบ้าน และต้องรู้ตำแหน่งประจำที่วางของอยู่"

             และตอนนี้เด็กชายคนหนึ่ง ที่เธอรับไว้อุปการะ กลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยปริยาย เขากำลังโดนสอบสวน !!

             "อาจารย์ครับ อาจารย์จะเชื่อผมไหมครับ หากผมจะบอกว่า แจ้ เป็นคนเอาไป ผมมีพยาน..."

             คำตอบนั้นทำให้แม่สับสน และกลัวใจตัวเองเหลือเกิน ว่าจะยอมรับไม่ได้ หากคนขโมยคนนั้น คือ ลูกของเธอเอง

            "แจ้ .. แจ้ เอาไปรึเปล่าลูก"
แจ้ไม่ยอมรับ จนกระทั่งพบพยานที่ยืนยันในการกระทำของแจ้ อย่างชนิดที่ปฏิเสธไม่ได้

             แม่ได้แต่น้ำตาริน ให้กับความจริงที่ถูกปกปิดจากบุคคลที่เธอรักและไว้ใจที่สุด เธอโดนลูกหลอกตลอดเวลา

             "แจ้ ..บอกแม่ซิ ลูกเอาเงินไปทำอะไร" เธอ ยังคงสะอื้นต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

             "ซื้อยา..ไงแม่" แจ้ตอบด้วยเสียงอ่อนลง

             "ยาอะไร..??"

             "ยาบ้า.. ผมตั้งใจเอาเงินไปซื้อมาขาย ซื้อมา อันละ ๓๐ บาท ขาย ๘๐ แถมยังได้เสพฟรีอีกด้วย"

             คุณเชื่อไหมประโยคนี้เป็นประโยคที่แม่ทุกคนยอมรับไม่ได้หรอก เธอก็เช่นกัน

             แจ้เริ่มเข้าสู่วงการค้ายา และเสพมัน เพราะกลุ่มเพื่อน เงินในกระเป๋าของแม่ถูกขโมย ณ ตำแหน่งเดิมซ้ำๆ ครั้งละไม่ต่ำกว่าพันเพื่อไปซื้อยา ตลอด ๒ ปี โดยที่แม่ไม่รู้เลย เพราะพฤติกรรมของแจ้แนบเนียนพอที่จะทำให้แม่เข้าใจว่า แจ้เป็นคนดีของแม่เสมอ

             แล้วแจ้ไม่รู้หรือ ว่าการที่แจ้ทำแบบนี้มันไม่ดี

             "ใครๆ เขาก็เสพกัน เพื่อนติดกันเยอะจนเราไม่รู้สึกว่ามันไม่ดี แหล่งอยู่ในดงด้านหลังโรงเรียน พวกเรามีกันเยอะ เขาเรียกที่นั่นว่าคาสิโน เรามีกันหลายกลุ่ม มีกลุ่มสูบบุหรี่ กลุ่มเล่นไพ่ พนันทุกรูปแบบเพียบ พอเล่นได้ ก็เอาเงินมาแลกยา เขาทำกันทั้งนั้น ไม่ยาก แค่บดใส่ฟอยด์ แล้วลนควัน สูดเข้าจมูก วิธีนี้มันเร็ว มีเพื่อนร่วมด้วยมันสนุก รู้สึกคึกคักตลอดเวลา"

             คำต่อคำ ของแจ้ประโยคนี้ เรียกร้องความสนใจได้ดี แต่พ่อแม่คนไหนเล่า จะอยากให้ลูกตัวเอง น่าสนใจด้วยวิธีนี้ ดังนั้นโจทย์ต่อไปของคุณก็คือ คุณมีวิธีการใดรึยัง ที่จะทำให้แน่ใจว่า ชีวิตของลูก หรือคนที่คุณรัก จะไม่ทำตามแบบเพื่อนเหมือน แจ้ !!

             ในที่สุดแจ้ก็ยอมเลิก "ยาบ้า" เพราะหวั่นไหวเมื่อเห็นน้ำตาแม่บ่อยครั้ง เพราะเขาสัมผัสถึงคำว่ารักที่สุดของแม่ได้

             แต่ทว่าแจ้ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้นหรอก เพราะตอนนี้แจ้ถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียน เรียบร้อยแล้ว และไม่มีอะไรจะทำ

             ประกอบกับไฟในวัยหนุ่มได้กระตุ้นให้เขา ลิ้มลองอบายมุขชิ้นต่อไป...

             แม่ขึ้นไปพบก้นบุหรีในห้องนอนของแจ้
             "แจ้..สูบบุหรี่เหรอลูก" แม่ถามอย่างสะเทือนใจ
             "เปล่าแม่ ..ของเพื่อนครับ ..แจ้หรือจะสูบ"

             แต่หนสุดท้ายแม่ก็จับได้ว่าแจ้ ทั้งดื่ม ทั้งสูบเป็นประจำ ลองนึกดู ความเสียใจจะเกิดขึ้นมากเพียงใด หากคุณเป็นแม่ของแจ้

             เราคงอยากจะรู้ หรือไม่ก็นึกสงสัยบ้างไหมว่า ในเมื่อแม่ให้ทุกอย่างกับแจ้ แล้วทำไมแจ้ถึงเป็นแบบนี้

             แม่รักและมอบทุกอย่างแก่ลูกเหมือนครอบครัวส่วนใหญ่ให้แก่ลูก แต่หลายคนคงลืม นึกไปว่า มีบางอย่างเข้ามาถึงตัวลูกโดยที่เราเองควบคุมไม่ได้ สิ่งนั้นคือ การคบเพื่อน ตลอดจนปล่อยให้ทีวี และสื่อต่างๆ เลี้ยงลูกแทนเรา คุณคิดว่า สิ่งเหล่านี้น่าไว้ใจเพียงไร ที่จะไม่ชวนลูกให้ ลิ้มลองอบายมุขขั้นพื้นฐาน จนสู่อบายมุขระดับลึก แล้วบอกแต่เพียงว่า "มันเท่ห์ และอินเทรนด์"

             เราไม่ได้ปฏิเสธสื่อ แต่สื่อจะต้องไม่ทำให้จิตใจที่ดีอยู่ เสื่อมลง สื่อจะต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิต เพื่อชี้นำให้เด็กๆ ดีขึ้น จริงไหม..??

             ตอนนี้ เราพบแล้ว "เจ้าตัวการ" ที่มีอิทธิพลกับแจ้มากกว่าแม่

             มาดูกันต่อว่า แม่ต้องให้อะไรกับแจ้เพิ่ม เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

             เงิน เวลา ความรัก ความเข้าใจ ธรรมะ คุณคิดว่า อะไรที่ควรจะเพิ่มขึ้น..??

             ในเมื่อทุกอย่างแม่ให้แจ้มาหมดแล้ว ขาดแต่เพียงธรรมะ ที่แม่ยังไม่ได้ให้

             ปัญหาอยู่ที่ว่า จู่ๆ เอาธรรมะไปให้แจ้ แจ้จะยอมรับได้หรือ กับคำว่าธรรมะ

             แต่หากเราขยายความจากคำว่า ธรรมะ มาเป็นคำว่า หลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ให้กับแจ้ เขาจะยอมรับสิ่งนี้ได้ง่ายกว่า...

             ในที่สุด แม่ตัดสินใจเลือกสิ่งนี้
             แม่ของแจ้ หันเข้าหาธรรมะก่อน โดยตัดสินใจ ไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ จังหวัดเชียงใหม่ จากการอ่านแผ่นพับที่ได้รับ และได้ดูรายการธรรมะผ่านจานดาวธรรม เป็นครั้งแรก ....

             "ไม่เคยเห็นการนำเสนอธรรมะในรูปแบบนี้ ทำให้เข้าใจพุทธศาสนาลึกซึ้งขึ้นมาก รู้สึกที่ผ่านมาเราทำบาปไปหลายอย่างด้วยความไม่รู้ จึงมีความคิด ทันทีว่า จะนำจานดาวเทียมถ่ายทอดธรรมะนี้ไป ติดตั้งที่โรงเรียน เปิดให้นักเรียนดู ซึ่งก็พบว่าเด็กชอบมาก ชอบชั่วโมงที่เราสอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะปกติแล้ว วิชาพุทธศาสนาจะน่าเบื่อ แต่เดี๋ยวนี้ เด็กจะเรียกร้องให้เราช่วยเล่ากรณีศึกษาเรื่อง กฎแห่งกรรมให้ฟัง แล้วขอไปทำแบบฝึกหัดเองที่บ้าน เด็กๆ ตั้งใจเรียนกันมาก รู้บาปบุญคุณโทษ เลิกรังแกสัตว์ นก ปลาในโรงเรียนอยู่เป็นสุขขึ้น"

             และลืมไม่ได้ ที่จะนำเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะถ่ายทอดให้ลูกฟัง โดยหากุศโลบายเพื่อที่จะให้แจ้ดูดาวธรรมให้ได้ เพราะเป็นวิธีสุดท้ายแล้ว ที่เธอยังพอจะมีความหวังอยู่ว่า สิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนอนาคต อันมองไม่เห็นของลูกเธอได

             เธอชวนแจ้ไปพนาวัฒน์ โดยแลกกับคอมพิวเตอร์ ตามที่แจ้ต่อรอง

             "เราต้องยอมแลก หลายคนบอกว่า ลูกต่อรองแล้วเราให้ เป็นการตามใจลูกมากเกินไป แต่สำหรับตัวเองคิดว่า เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง มันคุ้มค่า มาก หากเราเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของแจ้ได้"

             แต่ตอนนี้แจ้มีอคติต่อพุทธศาสนา เขาไม่ชอบศาสนาพุทธ รู้สึกงมงาย เหลวไหล เป็นเรื่องของ คนแก่ เขาไม่อยากจะนับถือศาสนาพุทธด้วยซ้ำ หากอายุครบ ๒๐ ปีเมื่อไร ก็จะเปลี่ยนศาสนา

             แต่เพื่อแลกกับเครื่องคอมฯ และคำโน้มน้าวของแม่ แจ้ยอม..!!

             ตอนนี้แจ้ได้ไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์แล้ว ได้ฟังพระอาจารย์สอน และที่สำคัญ ได้ดูรายการธรรมะผ่านจานดาวธรรมที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเทศน์สอน

             "ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า พุทธศาสนาจะดีถึงขนาดนี้ มีเหตุมีผล ตอนนี้ผมคิดว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ดีที่สุด เมื่อก่อนคิดว่าคงเป็นเรื่องของคนแก่ๆ แต่พอมาดูแล้ว มันกลายเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากสำหรับทุกคน เพราะเรื่องการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง หากไม่รู้มันอันตราย ต้องทำบาปไปโดยไม่รู้ โดยเฉพาะ โทษของการติดยา โทษของสุราบุหรี่ ในมหานรก ขุม ๕ ขุม ๖ ผมตกใจมาก คิดเลยว่า เราต้องตกนรกแน่ๆ หากไม่เลิก และตัดสินใจว่า ถ้าลงไปจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่..."

             หลังจากกลับไปบ้าน แจ้ก็ได้ดูจานดาวธรรมกับแม่อย่างสม่ำเสมอ

             ชีวิตแจ้ตอนนี้เปลี่ยนไปมาก หักดิบเลิกทุกอย่าง หันกลับมาเรียนใหม่อีกครั้ง ช่วยเหลืองานบ้าน พอตกเย็นเวลาเพื่อนมาชวนไปกินเหล้า ก็ตอบปฏิเสธอย่างมั่นใจว่า เลิกแล้ว แล้วยังชวนเพื่อนเลิกด้วย

             "ผมว่า รายการจานดาวธรรม เป็นธรรมะที่มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจมาก ไม่น่าเบื่อ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านมีเทคนิคหรือวิธี ตอบสนองการเรียนรู้ให้กับคนทุกระดับ มากกว่าจะยัดเยียดความเข้าใจยากๆ ในด้านศาสนาให้เขา จึงทำให้เข้าใจง่าย และต่อมาผมจึงได้ตัดสินใจบวช

             ..ที่ผ่านมา ผมชั่วมาเยอะแล้ว ทำบาปมามาก หากผมไม่บวชนี่ มีนรกเป็นที่ไปแน่ๆ แล้วที่ผมฟังถึงอานิสงส์การบวชที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเล่าใน Case study มาหลายเรื่อง บุญบวชมีอานิสงส์มาก จะช่วยเราไม่ให้ตกนรกได้ และอีกอย่างผมอยากบวชให้แม่ด้วย เพราะที่ผ่านมาผมทำให้แม่เสียใจมามากแล้ว"

             "หลังจากที่แจ้บวชแล้ว ทุกวันนี้เหมือนเราได้ ลูกคนใหม่ เหมือนได้อนาคตลูกคืนมา เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก อย่างที่เราไม่คิดไม่ฝัน"

             และท้ายสุด แจ้มีอะไรจะบอกแม่ครับ
             "ผมภูมิใจในตัวแม่ผมมาก และก็รักแม่มากๆ รู้สึกเลยว่าแม่เป็นผู้หญิงที่เก่งมาก เก่งตรงที่ดึงผมออกจากนรกได้ ถ้าผมไม่ได้แม่แนะนำธรรมะให้ หรือให้ผมฟังคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อจากจานดาวธรรม ทั้งชีวิตต่อไปของผมก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร และอีกอย่างหนึ่งนอกจากครอบครัวเรามีความสุขขึ้นแล้ว ผมยังภูมิใจที่แม่ทำหน้าที่กัลยาณมิตรเป็นผู้นำบุญชวนคนอื่นติดจานดาวธรรมด้วย เพราะ ผมเองก็อยากจะเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นเหมือนผมบ้าง..."

             หลายคนคงลุ้นให้เรื่องของแจ้จบลงด้วยดี แต่ผู้เขียนรู้สึกว่าแจ้ได้สิ่งที่ดีกว่าที่คิด เพราะแค่จานดาวธรรมดวงเดียว เปลี่ยนชีวิตจากเด็กหมดอนาคต ให้กลายเป็นเด็กมีอนาคต และมากไปกว่านั้น เขายังได้โอกาสอันวิเศษสุดในชีวิตของความเป็น ลูกผู้ชาย คือ แจ้ได้บวช...

             จากเรื่องราวของแจ้ ทำให้เราได้คิดว่า หากเราไม่ได้อยู่ติดหรืออยู่กับลูกตลอดเวลา คอยบอกเขาว่า เพื่อนคนนี้ห้ามคบ สิ่งเหล่านี้ผิด สิ่ง เหล่านี้ไม่ควร เราก็ควรจะมอบหลักการดำเนินชีวิต ที่ถูกต้องให้กับเขา ไว้ตัดสินใจเอง ว่าสิ่งไหนถูก สิ่งไหนควร โดยการผ่านสื่อดีๆ สักช่องให้อยู่เป็นเพื่อนเขา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะห้ามลูกไม่ให้คบเพื่อน ห้ามไม่ให้ลูกดูทีวีที่นำเสนอสิ่งที่ไม่ดี แต่เป็นไปได้ที่เราจะหาสื่อทางรอดให้กับเขา

             เพียงแต่คุณจะให้โอกาสกับบุคคลที่คุณรักที่สุดไหม โปรดอย่ารอให้ปัญหาทุกอย่างมันเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยแก้เลย เพราะคุณอาจจะไม่โชคดีเหมือนครอบครัวของแจ้ก็ได้

             ติดจานดาวธรรม สื่อทางรอดเพื่อให้เป็นเพื่อนกับทุกชีวิตในครอบครัว และพบความสุขในชีวิตที่ดีกว่า...

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล