ฉบับที่ ๒๙ ประจำเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๘

ทำอย่างไร เมื่อมีความจำเป็นต้องทำงานร่วมกับคนพาล

 

หลวงพ่อเจ้าคะ ถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคม ในที่ทำงาน ซึ่งต้องเจอะเจอกับคนพาล ที่ชอบชักนำไปในทางไม่ดี เช่น ชวนไปสังสรรค์ ด้วยการดื่มเหล้า เราควรจะวางตัวอย่างไรดี ?


ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า แท้ที่จริงในสังคมปัจจุบันเราหนีคนพาลไม่พ้น เพราะฉะนั้น เราจะต้องแยกให้ออก ว่าเขาเป็นคนพาลอย่างไร
             
              ๑. พาลถาวร คือ ผู้ที่ชอบคิดชั่ว ชอบพูดชั่ว ชอบทำชั่วเป็นปกติ เช่น คอรัปชั่นเป็นปกติ ดื่มเหล้าเป็นปกติ หมกมุ่นกับอบายมุขเป็นปกติ เป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าพาลถาวร

              ๒. พาลชั่วคราว คนพาลอีกประเภทหนึ่ง พาลเพราะว่าเผลอสติไป คือบางครั้งอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ก็คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว แต่ว่าพออารมณ์ดีขึ้นมา ก็คิดดี พูดดี ทำดี อย่างนี้เรียกว่าพาลชั่วคราว

              ถ้าหากจะว่าไปแล้ว ตัวเราก็จัดอยู่ในพาลประเภทนี้เหมือนกัน ซึ่งภาษาพระ ท่านใช้คำว่า กัลยาณพาล คือพาลพอทนกันได้ หรือว่าพาล พอแก้ไขได้นั่นเอง

              แล้วเราจะทำอย่างไรเมื่อพบว่าในที่ทำงานของเรานั้น มีคนที่เป็นทั้งประเภทพาลถาวรและพาลชั่วคราวอยู่ร่วมด้วย

              เมื่อเป็นอย่างนี้ เราคงวางตัวลำบากสักหน่อย แต่อย่างไรก็ตามต้องหาทางเอาตัวให้รอดจากบาป รอดจากนรก รอดจากการที่จะกลายเป็นคนพาลถาวร ตามเขาไปให้ได้ เพราะเชื้อพาลที่อยู่ในตัวของเราเอง ก็มีพอแรงอยู่แล้ว

              เพราะฉะนั้น ขั้นต้นดูที่พาลชั่วคราวก่อน อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า คนเรามีโอกาสที่จะคิดดี พูดดี ทำดี แล้วก็คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว สลับๆ กันไป แม้เคยทำความผิดแต่ก็ไม่ถึงกับร้ายแรงอะไรนัก ซึ่งคนประเภทนี้มักมีอยู่ในที่ทำงาน ในสังคม เป็นจำนวนมาก

              แล้วทำอย่างไรเมื่อต้องอยู่ด้วยกัน ต้องทำงานร่วมกัน ในเมื่อทิ้งกันไม่ได้ ก็ต้องดูว่าเขามีส่วนดีตรงไหน แล้วเอาส่วนดีของเขานั้นมาใช้ในการทำงานร่วมกัน ในเวลางานความรู้ความสามารถเขามีก็ทำกันไป

              ส่วนความไม่ดีของเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงเสีย ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นี่คือวิธีวางตัวขั้นต้นของเรา สำหรับในกรณีที่เขาไม่ได้เลวร้ายอะไรจนเกินไปนัก

              แต่ว่ากับพวกที่เป็นพาลถาวร แล้วอยู่ในที่ทำงานเดียวกันกับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏว่า เป็นผู้บังคับบัญชาของเราเอง ซึ่งหนีก็ไม่ได้ จะลาออกไป เดี๋ยวก็ตกงานแล้วครอบครัวจะเดือดร้อน

              ตรงนี้ต้องขอบอกว่ามันเป็นเคราะห์กรรมของเรา เนื่องจากภพชาติที่แล้วเราคงเป็นคนพาลเต็มที่เหมือนอย่างกับเขา แต่เราสามารถแก้ไขตัวเองมาได้ระดับหนึ่ง ส่วนเขายังแก้ไข ตัวเองไม่ได้

              เมื่อหนีไม่ได้อย่างนี้ โบราณท่านก็เลย สอนว่า ให้อยู่แบบคนผิงไฟในหน้าหนาว คือถ้าอยู่ห่างกองไฟก็หนาว อยู่ใกล้ๆ ไฟก็จะไหม้เอาได้ จากผิงไฟจะกลายเป็นย่างไฟไป เพราะฉะนั้น ถ้าต้องทำงานกับผู้บังคับบัญชาประเภทนี้ เราจะต้องอยู่ในกรอบของระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด

              ยกวินัยมาเป็นเกราะหุ้มตัวเราเอาไว้ให้ได้ ทั้งวินัยทางโลกและวินัยทางธรรม จากนั้นเมื่อจนใจต้องทำงานร่วมกัน ก็ทำกันไป แต่พ้นเวลางานเมื่อไรเป็นออกห่างให้สุดขีดเหมือนกัน

              แล้วยอมรับไว้อีกอย่างหนึ่งเถอะว่า เนื่องจากเป็นเคราะห์กรรมของเรา เราจะไม่เจริญในตำแหน่งหน้าที่การงานเท่าที่ควร ซึ่งช่วยไม่ได้จริงๆ เอาแค่ว่าสามารถปิดนรกให้ ตัวเองได้ ถือว่าโชคดีแล้ว คิดว่าใช้กรรมเขา สักชาติหนึ่งก็แล้วกัน

              ทำให้ได้อย่างนี้ แล้วก็ปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ วันใดวันหนึ่งเมื่อภูมิรู้ภูมิธรรมของเรา แก่กล้าขึ้นมา วันนั้นจึงค่อยมาคิดแก้ไขคนพวกนี้

              โดยพวกที่แก้ไขได้ก็แก้ไขกันไป ส่วนพวกที่แก้ไขไม่ได้แล้วเรามีอำนาจพอ ไล่ออกไปให้พ้นเถอะ มิฉะนั้นจะทำให้หน่วยงาน หรือคนอื่นๆ พลอยเดือดร้อนกลายเป็นพาลตามเขาไปด้วย

              เราคงทำได้เท่านี้ ยิ่งกว่านี้คงจะยาก เอาเป็นว่าระวังตัวของเราให้พ้นนรกได้ เมื่ออยู่กับคนพาลถาวร ก็ถือว่าเราเป็นคนที่โชคดี มีบุญมากแล้ว

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

* * อยู่ในบุญ แนะนำ/เกี่ยวข้อง * *

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล