Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
ตอน โทษของกาเมสุมิจฉาจาร
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของความสันโดษ เรียบง่าย จะปฏิบัติให้เข้าถึงพระรัตนตรัยก็ต้องทำใจให้สงบ ง่ายๆ หากรู้จักทำใจให้บริสุทธิ์เหมือนเด็กๆอีกไม่นานก็จะเข้าถึงได้และสิ่งที่เป็นความลับ เรื่องเหลือเชื่อ เช่น นรก สวรรค์ นิพพาน ก็จะถูกเปิดเผยออกมา เหมือนเราเปิดม่ายแห่งความมืดในยามรัตติกาล ให้แสงสว่างดวงจันทร์ทำความสว่างให้กับโลก
เราเป็นคนธรรมดา ต้องทำแบบคนธรรมดา ต้องยอมรับว่าความมืด ความเมื่อย เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะต้องเจอ ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกเฉพาะเราคนเดียว ทุกคนต้องเจอมาก่อนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะไปวิตกกังวลทุกข์ร้อนใจ ทำใจให้สงบนิ่ง รักษาอารมณ์ดี อารมณ์สบายไว้ จะได้เข้าถึงที่พึ่งภายใน คือพระรัตนตรัย
มีธรรมภาษิตที่ปรากฏในขุททกนิกายธรรมบท ความว่า
นรชนผู้ประมาท ชอบเป็นชู้กับภรรยาคนอื่น ย่อมถึงฐานะความเศร้ามอง ๔ อย่าง คือ
๑.ได้สิ่งที่ไม่ใช่บุญ
๒.ไม่ได้นอนตามความปรารถนา
๓.ถูกนินทาจากผู้อื่น
๔.ย่อมเข้าถึงนรก
คำว่านรชนผู้ประมาทในที่นี้ หมายถึงว่า คนที่ตามใจตัวเอง เข้าข้างตัวเองว่าผิดพลาดนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไร คนอื่นก็ทำกันทั้งนั้น คงไม่บาปมั้ง เลยประพฤติผิดในภรรยาหรือสามีของคนอื่น จึงประสบเหตุแห่งทุกข์ ๔ ประการดังกล่าวข้างต้น เพราฉะนั้น บุรุษหรือสตรีที่มีคู่ครองแล้ว
ควรยินดีเฉพาะคู่ครองของตน ส่วนผู้ที่ยังไม่มี ถ้าจะเลือกหาคู่ครอง ก็ควรเลือกคนที่ยังไม่มีเจ้าของ รักความสงบ รักชื่อเสียง อย่าได้ประพฤติล่วงละเมิดศีลข้อนี้เป็นอันขาด ถ้าหากตามใจกิเลสที่คุกรุ่นอยู่ในใจ และไปล่วงละเมิดภรรยาของคนอื่น อาจสุขเพียงชั่วครู่ แต่ต้องสร้างศตรูอีกมากมาย
ไหนจะต้องไปเสวยทุกขืในอบายอีกยาวนานและต้องใช้วิบากกรรมอีกหลายชาติ วิบากกรรมวิบากกาม ไม่เคยผ่อนโทษให้ใคร แม้แต่พระโพธิสัตว์ผู้สั่งสมบ่มบารมีมามากมาย ยังเคยตกนรกไปนานหลายชาติ เพราะความตามใจกิเลส
เรื่องของท่านมีอยู่ว่า ในภพชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลช่างทอง เมื่อเติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มผู้มีรูปงาม มีความเฉลียวฉลาด ได้ฝึกฝนจนเป็นช่างทองฝีมือเยี่ยม มีชื่อเสียงเลื่องลือตั้งแต่วัยหนุ่ม เศรษฐีใหญ่ในเมืองถึงกับว่าจ้างให้ทำเครื่องประดับแก่ธิดาของตนเป็นพิเศษ เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับลูกเศรษฐีผู้มีตระกูลเสมอกัน
พอเศรษฐีได้เห็นลักษณะงดงามชวนหลงใหลของช่างทอง ก็เกรงว่าลูกสาวคนสวยของตนจะไปหลงรักช่างทองผู้มีฐานะต่ำกว่า ซึ่งเป็นการไม่ครู่ควรกับตระกูลของตน จึงถามหนุ่มช่างทองว่า หากท่านได้เห็นเพียงแค่ข้อมือและข้อเท้าของลูกเรา ท่านจะสามารถทำเครื่องประดับได้ไหม
ชายหนุ่มผู้ชำนาญในการทำเครื่องประดับ รับคำว่า ทำได้ ไม่มีปัญหา เศรษฐีจึงสั่งให้คนงานกั้นฝาผนังระหว่างคนทั้งสอง เจาะช่องเพียงให้มือและเท้าลอดออกไปได้เพียงเท่านั้น ทำให้ลูกสาวเศรษฐีเกิดความสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่ให้ช่างทองมาวัดขนาดทดลองเครื่องประดับเหมือนช่างคนอื่นเขาทำกัน หรือช่างคนนี้มีรูปลักษณ์พิศดารไม่น่าดู
นางจึงมองลอดช่องไม้ด้วยความสงสัย เมื่อได้เห็นรูปร่างที่งดงามของช่างทองก็หลงใหลรักใคร่ ได้ลงมือเขียนจดหมายบอกรักทิ้งลงเบื้องหน้าช่างหนุ่ม มีใจความว่า ช่างทองผู้เป็นที่รัก หากท่านอยากจะเห็นรูปร่างของเราก็จงมาพบเราที่ต้นไม้ใหญ่หลังบ้านในคืนวันนี้เถิด เนื่องจากหนุ่มช่างทองได้เห็นมือเห็นเท้าแล้ว ก็ชวนให้อยากพบผู้เป็นเจ้าของว่าจะชวนให้ลุ่มหลงเพียงใด เมื่อลูกสาวเศรษฐีหยิบยื่นโอกาสให้ก็ดีใจ
พอได้เวลาก็ไปนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ที่นัดหมาย แต่ด้วยความตรากตรำกรำงานมาทั้งวัน จึงง่วงนอนมาก ในที่สุดลูกสาวเศรษฐียังไม่ทันมาถึงก็ได้เผลอหลับไปก่อน เมื่อคนในบ้านหลับกันหมด ลูกสาวเศรษฐีจึงแอบจัดอาหารออกมาพบกับช่างทอง เมื่อเห็นเขาหลับสนิท จะปลุกให้ตื่นก็เกรงใจ ได้แต่นั่งเป็นเพื่อน คอยไล่ยุงให้เขาหลับสบาย
ครั้นนั่งอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ยังหลับสนิท ไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว นางจึงวางขันทองไว้เป็นเครื่องหมายบอกให้รู้ว่าตนได้มาตามนัดหมายแล้ว จากนั้นก็รีบกลับเข้าบ้านเพราะเกรงว่าจะเป็นเป้าสายตาของคนอื่น วันต่อมาลูกสาวเศรษฐีแอบทิ้งจดหมายนัดพบอีก พร้อมกับกำชับให้เขาอดทน อย่าหลับเหมือนเมื่อวาน ช่างทองก็ได้ไปรอที่เดิม แต่กลับเผลอหลับไปอีก นางได้แต่วางอาหารเอาไว้ให้และเดินกลับไปด้วยความผิดหวัง
วันที่สามเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นเดิม ลูกสาวเศรษฐีรู้สึกเสียใจ ที่แม้ได้อยู่ใกล้ชิดก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุย คิดปลงว่าคงไม่ได้สร้างสมบุญร่วมกันมา จึงต้องแคล้วคลาดกันเช่นนี้ ฝ่ายชายหนุ่มครั้นตื่นขึ้นมาทีใด เห็นแต่ขันทองก็รู้สึกไม่พอใจตนเองที่ได้เผลอหลับไป ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้พูดตุยกับลูกสาวเศรษฐี วันรุ่นขึ้นเมื่อถึงวันกำหนดแต่งงานของลูกสาวเศรษฐี ชายหนุ่มก็ไม่สามารถตัดเยื่อใยออกไปได้ ได้เฝ้าคิดถึงนางไม่เสื่อมคลาย
จึงคิดอุบายที่จะได้ใกล้ชิดกับนาง ด้วยการทำเครื่องประดับงดงามปราณีตไปถวายพระอุปราช ซึ่งเครื่องประดับชิ้นนี้เป็นเครื่องที่ถูกพระทัยของพระองค์มากถึงกับตรัสถามว่า ท่านนำเครื่องประดับมามอบให้เรา ต้องการสิ่งใดเป็นเรื่องตอบแทน ช่างทองได้โอกาสกราบทูลความประสงค์ตนให้ทรงทราบ พระมหาอุปราชากับเห็นชอบด้วย
จึงปลอมแปลงแต่งกายให้นายช่างทองเป็นหญิงและมาบ้านท่านเศรษฐี สนทนากับท่านเศรษฐีว่า ที่ชายแดนเกิดกบฏขึ้น เสด็จพี่ของเราต้องการให้ไปปราบ เราจึงมาขอความช่วยเหลือจากลูกสาวของท่านให้ช่วยดูแลน้องสาวของเราเป็นการชั่วคราว เพราะช่วงที่เราไม่อยู่ ไม่มีใครดูแลนางจะทำให้นางเหงาใจได้ ท่านเศรษฐีบ่ายเบี่ยงว่า ลูกสาวของตนแต่งงานแล้วคงจะไม่มีเวลาเป็นเพื่อนเล่นกับนาง พระมหาอุปราชก็ยังคงยืนยันเช่นเดิม พร้อมกับรับสั่งให้ดูแลนางอย่างดี ห้ามบุคคลอื่นแม้แต่สามีของธิดาเศรษฐีเข้าไปรบกวนเป็นอันขาด
ฉะนั้น ตั้งแต่วันนั้นมา หนุ่มช่างทองก็ได้เพลิดเพลินอยู่กับลูกสาวเศรษฐีสมความปรารถนาถึงสามเดือน พระมหาอุปราชจึงมารับกลับ และจากการผิดศีลที่แอบเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นนั้นได้ทำให้หนุ่มช่างทองต้องตกนรกเวียนวนอยู่อบายภูมิยาวนาน
การที่ต้องตกนรกก็เพราไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในหนทางการสร้างบารมี ถ้าหากว่าย้อนเวลากลับไปได้ ชายหนุ่มช่างทองคงจะไม่คิดแตะต้องลูกสาวเศรษฐี เพราะมันไม่คุ้มกันเลยเมื่อเทียบกับความทุกข์ทรมานอันยาวนาน ในโลกที่เต็มไปด้วยกิเลสเย้ายวนใจนี้ มีเพียงผู้ที่ไม่ประมาท มีจิตมั่นคงในการรักษาศีลนั้นที่จะอยู่รอดปลอดภัย สามารถรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้ได้โดยไม่ใช้ชีวิตผิดพลาด