Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
ตอน โปริสาท ตอนที่ 05
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ในเสวิสูตร ว่า
บุคคลคบคนเลว ย่อมเลวลง
คบคนที่เสมอกัน ย่อมไม่เสื่อมในกาลไหนๆ
คบคนที่สูงกว่าย่อมสูงเด่นขึ้น
เพราะฉะนั้นจึงควรคบคนที่สูงกว่าตน การเลือกคบคนมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการชี้ชะตาชีวิตว่าจะรุ่งเรืองหรือตกต่ำ จะมีความสุขหรือความทุกข์ ถ้าหากเราไม่เลือกคบคนดีไปคบกับคนพาล คุณภาพของใจก็จะมีแต่เสื่อมลง หาความเจริญไม่ได้ ในการเลือกคบคนนั้นอย่าเอาความถูกใจอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงความถูกต้องและคุณธรรมเป็นหลัก ควรคบคนที่กล้าแนะนำตักเตือนจนทำให้ตัวเราดีขึ้น สูงส่งขึ้น ทั้งศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา บารมีก็จะได้เพิ่มขึ้น
การหมั่นเข้าหาผู้มีคุณธรรมจะทำให้เราฉลาดในทุกเรื่องและเราจะได้ซึมซับคุณธรรมความดีจากท่านด้วย ในทำนองเดียวกัน การคบคนไม่ดีจะทำให้เราแย่ลง เหมือนดังเรื่องของลูกเศรษฐีผู้ติดในรสชาติของสุราเพราะคบคบพาลเป็นสหาย
ท่านเสนาบดีเห็นว่าการเสวยเนื้อมนุษย์นั้นเป็นสิ่งไม่สมควรจึงทูลเกลี้ยกล่อมให้พระราชาเลิกพฤติกรรมนั้นเสีย มิเช่นนั้นพระองค์จะถึงความพินาศเหมือนเรื่องของลูกเศรษฐีติดสุรา จากนั้นก็ได้นำเรื่องในอดีตมาเล่าถวาย
เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตกาล ในเมืองพาราณสี มีสกุลเศรษฐีสกุลหนึ่ง รักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัน ท่านเศรษฐีมีลูกชายสุดที่รักอยู่คนหนึ่ง วันหนึ่งลูกชายเศรษฐีได้ไปเที่ยวงานมหรสพกับพวกเพื่อนๆ เนื่องจากเพื่อนของลูกเศรษฐีเป็นคนพาลมีนิสัยเกเร ได้ชักชวนกันไปดื่มสุรา
ในวันแรกลูกเศรษฐีไม่ยอมดื่มสุราเพราะพ่อแม่สอนไว้ว่าการดื่มสุราจะนำความพินาศมาสู่ตนเองและครอบครัว แต่เพื่อนๆของลูกเศรษฐีหาทางที่จะทำให้ลูกเศรษฐีดื่มสุราให้ได้เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ต่อมาได้มีงานมหรสพในพระนคร ลูกเศรษฐีได้ถูกเพื่อนชักชวนให้ไปเที่ยวงานด้วยกันอีก แต่ได้ตอบปฏิเสธไปเพราะรู้ว่าถ้าหากไปก็ต้องถูกชวนดื่มสุราเหมือนเดิม
แต่พวกเพื่อนๆได้ช่วยกันเกลี้ยกล่อมว่าเมื่อไม่ต้องการดื่มสุราก็ไม่เป็นไร พวกเราจะหาน้ำนมไว้ให้ดื่ม ลูกเศรษฐีเห็นว่าเพื่อนเหล่านี้อุตส่าห์ให้เกียรติจึงตอบตกลงที่จะไปเป็นเพื่อน เมื่อไปถึงงานมหรสพแล้วก็พากันเดินเที่ยวชมอย่างสนุกสนาน
จากนั้นได้พากันมานั่งพักใต้ต้นไม้เพื่อดื่มสังสรรค์กันพวกเพื่อนๆส่งน้ำนมให้ลูกเศรษฐีดื่มในคืนนั้นนักเลงคนหนึ่งต้องการจะมอมเหล้าลูกเศรษฐีแทนที่จะพูดว่าเอาเหล้ามาให้ดื่มหน่อย กลับพูดอย่างสบายอารมณ์ว่าเอาน้ำผึ้งใบบัวมาให้ดื่มหน่อย เพื่อนๆก็เอาสุราที่ห่อด้วยใบบัวอย่างดีมาให้ดื่ม เมื่อดื่มแล้วก็แสดงอาการสดชื่น แจ่มใส ใบหน้าแดงเต่งตึง
ฝ่ายลูกเศรษฐีอดสงสัยไม่ได้จึงถามว่าน้ำผึ้งใบบัวเป็นอย่างไร เพื่อนคนหนึ่งก็พรรณนาสรรพคุณว่า น้ำผึ้งใบบัวนี้โบกขรมธุ เป็นน้ำผึ้งที่พิเศษกว่าน้ำผึ้งทั่วไป เป็นของหายากมาก วันนี้พวกเราโชคดีมีผู้นำมาขาย จะลองชิมหน่อยไหม
ลูกเศรษฐีไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกคอสุรา จึงทดลองดื่มด้วยความชะล่าใจว่าเป็นน้ำผึ้งใบบัวจริงๆ อีกทั้งตนเองก็ไม่เคยดื่มสุรามาก่อน ครั้นดื่มเข้าไปแล้วจึงรู้สึกติดใจในรสชาติที่แปลกๆ เพื่อนอีกคนหนึ่งก็ไม่รอช้าได้ยื่นเนื้อปิ้งเป็นกับแกล้ม ทำให้ลูกเศรษฐีชื่นชอบหนักเข้าไปอีก พอดื่มมากๆเข้าก็เกิดอาการมึนเมาขาดสติ
ครั้นเมาได้ที่พวกเพื่อนๆก็ค่อยๆเปิดเผยว่า นั่นไม่ใช่น้ำผึ้งใบบัว แต่เป็นสุรา ลูกเศรษฐีได้ฟังแล้วแทนที่จะกลับจิตกลับใจ เมื่อถูกฤทธิ์สุราครอบงำระบบประสาท สติสัมปชัญญะก็หายหมด จึงขอดื่มสุราต่อ กล่าวว่าเราไม่รู้จักน้ำดื่มที่มีรสอร่อยอย่างนี้มาก่อนเลย นำสุรามาให้เราดื่มอีกเถอะ เพื่อนๆก็ไม่ขัดใจ เอาเหล้ามาให้ดื่มอย่างเต็มที่ ดื่มจนเมาขาดสติ เพื่อนๆต้องช่วยกันประคองกลับบ้าน
ท่านเศรษฐีเห็นลูกชายเมากลับบ้านก็ตกใจ ได้ให้คนใช้น้ำผ้าเย็นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวคอยเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ด้วยความเป็นห่วง ครั้นลูกสร่างเมาแล้วจึงแนะนำว่า ลูกเกิดมาในตระกูลเศรษฐีประพฤติตัวเหลวไหลแบบนี้มันไม่เหมาะสม สุราจะนำพาความฉิบหายมาสู่วงศ์ตระกูลของเรา ลูกชายย้อมถามว่าการดื่มสุราเป็นความผิดด้วยหรือ รสอร่อยเช่นนี้ไม่เคยได้ดื่มที่ไหนมาก่อนเลย ทำไมจะต้องมาห้ามปรามด้วย
ท่านเศรษฐีก็บอกว่า น้ำที่ดื่มเข้าไปแล้วทำให้ขาดสติสัมปชัญญะ ขาดหิริโอตัปปะ ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ แม้เดินกลับบ้านก็ไม่ถูก นี่คือน้ำอุบาทว์ที่จะผลาญสุขภาพร่างกาย ผลาญทรัพย์สมบัติของเรา ลูกอย่างได้ไปดื่มอีกเลย แต่ดูเหมือนว่าคำสั่งสอนของพ่อจะไม่เกิดผลดีต่อลูกเศรษฐีเลย เพราะลูกเศรษฐีติดใจในรสชาติของสุราแล้ว ท่านเศรษฐีจึงยื่นคำขาดกับลูกชายว่า ถ้าอยากดื่มเหล้ามากก็ต้องออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น
ลูกเศรษฐีแม้จะถูกตัดพ่อตัดลูกก็ไม่หวั่นไหว ยืนยันกับพ่อว่า บรรดารสทั้งหลาย เครื่องดื่มนี้นับว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีรสเลิศอย่างหนึ่ง ลูกขออำลาไปแสวงหาน้ำดื่มที่มีรสเลิศ ซึ่งไม่มีในบ้านหลังนี้ ถึงแม้ต้องตายก็จะไม่ยอมงดดื่มสุราเด็ดขาด ท่านเศรษฐีโมโหมากที่ลูกชายไม่เชื่อฟังจึงขับไล่ออกจากบ้านโดยไม่ให้เหยียบเข้ามาในบ้านอีกต่อไป ลูกชายเศรษฐีออกจากบ้านพร้อมด้วยเงินติดตัวจำนวนหนึ่ง
ไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนขี้เมาด้วยกัน ครั้นอยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็ต้องถูกพ่อแม่ของเพื่อนขับไล่ออกจากบ้านเพราะเอาแต่ดื่มเหล้าอย่างเดียวไม่ยอมช่วยทำการทำงานเลย คราวนี้เมื่อไปขออาศัยบ้านเพื่อนคนไหนก็ไม่มีใครรับเข้าบ้าน เงินที่ติดตัวมาก็หมดกระเป๋าจึงต้องกลายเป็นคนอนาถาถือกระเบื้องเที่ยวขอทานนอนตามศาลาริมทางบ้าง อาศัยฝาเรือนเขาอยู่บ้าง ค่ำไหนนอนนั่น สติสัมปชัญญะเลอะเลือนเพราะฤทธิ์สุรา
ในที่สุดก็เสียชีวิตกลายเป็นศพไร้ญาติ เสนาบดีครั้นนำตัวอย่างของลูกเศรษฐีขี้เมามาเล่าให้ฟังแล้ว ได้กราบทูลขอให้พระราชาทรงเลิกเสวยเนื้อมนุษย์อย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นชาวเมืองจะเนรเทศพระองค์ออกจากแว่นแคว้นเหมือนลูกเศรษฐีขี้เมา อย่างไรก็ตาม พระราชาทรงยืนกรานว่า แม้จะถูกขับออกจากการเป็นพระราชาให้ไปอยู่ป่าตามลำพังก็ยอม
นี่ถือได้ว่าเป็นความยินยอมถึงขนาดเอาราชสมบัติเป็นเดิมพัน ทำอย่างไรก็ได้ขอเพียงให้ได้กินเนื้อมนุษย์ก็พอ ความเสพคุ้นที่ติดเข้าไปอยู่ในสายเลือด ในชีวิตจิตปัญญา การจะให้เลิกเด็ดขาดจึงเป็นไปได้ยากมาก ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นติดตามได้ในตอนต่อไป