Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน
ผิดพลาดเพราะลำเอียง ตอน (๔)
พระบรมศาสดาของเราทรงเข้าถึงความสุขที่แท้จริง เพราะท่านได้บรรลุกายธรรมอรหัตเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็นำความรู้นี้น่ะมาประกาศให้ชาวโลกได้พิสูจน์ว่า วิธีการที่จะทำให้โลกเกิดสันติสุขที่แท้จริงนั้น จะต้องให้ทุกคนในโลก เข้าถึงสันติสุขภายในกันก่อน คือเข้าถึงพระธรรมกายซึ่งมีอยู่แล้วในตัวของทุกๆคน ธรรมกายน่ะเป็นแหล่งกำเนิดของความสุข เป็นแหล่งของสติแหล่งของปัญญา เมื่อเข้าถึงแล้วมนุษย์ก็จะมีความคิด คำพูดและการกระทำที่ดี จะมีความเมตตากรุณา รู้จักแบ่งปันและให้อภัยกัน และสันติสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นในโลก
มีธรรมมาษิตที่ปรากฏในธรรมธชชาดกว่า ข้าพระองค์เป็นผู้ไม่ริษยา เป็นผู้ไม่ดื่มน้ำเมา เป็นผู้ไม่ติดในความรัก เป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในความไม่โกรธ ข้าแต่มหาราชชื่อว่า ความริษยาไม่มีแก่ข้าพระองค์ น้ำเมาข้าพระองค์ก็ไม่เคยดื่ม ความรักก็ดี ความโกรธก็ดีไม่เคยมีในผู้อื่น ข้าพระองค์ประกอบด้วยองค์ ๔ เหล่านี้
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะประพฤติธรรมชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน จนทำได้อย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์แสดงว่า เขาจะต้องมีแรงบันดาลใจหรือมีสาเหตุ ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตเป็นอย่างมาก มากระตุ้นเตือนความรู้สึกที่ดีๆ ให้อยากทำความดี ดังเช่นการฝึกตนไม่ให้เป็นคนริษยา ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่มัวเมาในความรักและความโกรธต่อผู้อื่น การฝึกฝนคุณธรรมทั้ง ๔ ประการเปรียบเสมือนการสวนกระแส ในสิ่งที่ชาวโลกทั่วไปเขาทำกัน เพราะชาวโลกส่วนใหญ่ยังมีใจที่เต็มไปด้วยไฟริษยา
การดื่มน้ำเมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติการไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้นการที่ใครก็ตามฝึกคุณธรรม ๔ ประการนี้ได้อย่างบริบูรณ์ จึงเป็นบุคคลที่น่ายกย่องสรรเสริญ เพราะฉะนั้นเราก็มาศึกษาอัตชีวประวัติของบุคคลพิเศษท่านนี้กันดูนะจ๊ะ
บุคคลท่านนี้ชื่อว่าฉัตตปาณี เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์มาตั้งแต่รู้ความเพราะท่านมีญาณวิเศษอย่างหนึ่งคือ สามารถระลึกชาติได้ ทำให้รู้ว่าตัวเองน่ะเป็นใครในภพชาติที่แล้ว เกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม ทำอย่างไรจึงจะดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างปลอดภัย แล้วเมื่อตายแล้วจะได้ไปบังเกิดที่ไหน เพราะฉะนั้นท่านจึงประพฤติพรหมจรรย์ ทำมาหากินด้วยความสุจริต โดยเป็นช่างกัลบกของพระราชา โดยที่ใครก็ไม่รู้ถึงพฤติกรรมอันน่ายกย่องของท่าน แต่ความลับน่ะไม่มีในโลกแม้มนุษย์ไม่ทราบ แต่เทวดาหรือผู้รู้ทั้งหลายก็ย่อมรู้ ย่อมเห็น กลิ่นศีลและกลิ่นอายแห่งความดีเป็นกลิ่นหอมฟุ้งทวนลม หอมหวนไปถึงสวรรค์ทีเดียวนะจ๊ะ
ความเดิมจากเมื่อวานนี้ หลวงพ่อได้เล่าถึงตอนที่ธรรมธัชบัณฑิตผู้เป็นพระบรมโพธิสัตว์กำลังประสบปัญหา เพราะไม่รู้ว่าจะหาผู้มีคุณธรรม ๔ ประการได้จากที่ไหน พระอินทร์ทรงทราบว่า มีเพียงช่างกัลบกที่ชื่อฉัตตปาณีคนเดียวเท่านั้น ที่มีคุณธรรม ๔ ประการ จึงเสด็จลงมาแนะนำให้พระโพธิสัตว์ทราบ เพราะฉะนั้นเรามารับฟังเรื่องราวของช่างกัลบกผู้ทรงคุณธรรมนี้กันต่อนะจ๊ะ
เมื่อธรรมธัชบัณฑิตพาช่างกัลบกไปเข้าเฝ้าพระราชาแล้ว พระองค์ตรัสถามถึงแรงบัลดาลใจในการประพฤติธรรมทั้ง ๔ ประการ เป็นข้อๆ ไปว่าได้เห็นเหตุอะไร จึงเป็นผู้ไม่ริษยา ฉัตตปากราบทูลตามความสัตว่า ขอเดชะขอพระองค์ทรงโปรดสดับเถิด ในชาติก่อนข้าพระองค์เคยเป็นพระราชาในกรุงพาราณสีนี้เอง ได้ลงราชอาชญาให้จองจำปุโรหิตผู้เป็นโอรสของตัวเอง เพราะสตรีเป็นเหตุ เรื่องก็มีอยู่ว่า อัครั้งหนึ่งข้าพระองค์ได้แต่งตั้งนางสนมคนหนึ่ง เป็นอัครมเหสี เพราะมเหสีคนเดิมได้เสียชีวิตลง
พระเทวีคนใหม่เป็นผู้มักมากในกาม ได้ประพฤติกาเมสุมิจฉาจารย์กับพวกเหล่าอำมาตย์ถึง 64 นาย ต่อมานางได้ใส่ความพระโอรสผู้ไม่ปรารถนาจะประพฤติกาเมสุมิจฉาจารย์ต่อพระนาง แต่เนื่องจากพระนางเกรงว่า พระโอรสจะนำความลับของนางไปเปิดเผย จึงรีบหาทางกำจัดโดยเร็วที่สุด ข้าพระองค์หลงเชื่อเพราะเกิดความโกรธและริษยาต่อโอรสของตัวเอง ยังไม่ทันได้ไต่สวนทวนความถึงต้นสายปลายเหตุ ก็สั่งให้ราชบุรุษจับพระโอรสไปล่ามโซ่จองจำเอาไว้ แต่ด้วยปัญญาของพระโอรสผู้เป็นบัณฑิต ข้าพระองค์จึงทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงว่า พระโอรสเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ปรารถนาประพฤติอสัทธรรม แต่เป็นความผิดของมเหสีเพียงคนเดียว ดังนั้นน่ะพระโอรสจึงได้รับการปลดปล่อย
ข้าพระองค์ตระหนักว่าเราละเลยสนม 16,000 คลอเคลียอยู่กับพระเทวีเพียงนางเดียวเท่านั้นน่ะ ด้วยอำนาจกิเลสยังไม่สามารถจะให้นางอิ่มหนำได้ ขึ้นชื่อว่าการโกรธต่อหญิงทั้งหลายที่ให้เต็มได้ยากอย่างนี้ ก็เช่นกับการโกรธอาหารที่บริโภคแล้วกลับเป็นคูถ ว่าทำไมจึงกลับเป็นคูถหรือเหมือนกับการโกรธผ้านุ่มที่เศร้าหมอง ว่าเหตุใดจึงเศร้าหมอง ต่อแต่นี้ไปเราขออธิษฐานตั้งมั่นว่า ตราบใดที่ยังไม่บรรลุอรหัต ตราบนั้นขอความริษยาอย่าได้มีเกิดแก่เราเลย
พระราชาทรงสดับแล้วก็ได้ให้สาธุการกับปณิธานอันมั่นคง ของช่างกัลบกและตรัสถามต่อไปว่า ดูก่อนท่านฉัตตปาณี การดื่มสุราเป็นเรื่องปกติของชาวโลก ท่านเห็นอารมณ์อันใดจึงเป็นผู้ไม่ดื่มน้ำเมา ฉัตตปาณีกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช ครั้งหนึ่งข้าพระองค์เมาแล้วได้ฆ่าบุตรแล้วก็กินเนื้อบุตร เมื่อส่างเมาข้าพระองค์ถูกความโศกถึงบุตรนั้นครอบงำแล้ว จึงตั้งใจเว้นจากการดื่มน้ำเมา
จากนั้นฉัตตปาณีก็เล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า ข้าแต่มหาราชเมื่อครั้งก่อนข้าพระองค์เป็นพระเจ้าพาราณสีเช่นเดียวกับพระองค์ เป็นคนติดสุราอย่างหนัก หากขาดน้ำเมาเสียแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดไม่รื่นเริงใจ และหากวันไหนไม่มีเนื้อประกอบเป็นอาหาร วันนั้นก็จะไม่ยอมบริโภค บังเอิญว่าครั้งหนึ่งในวันอุโบสถที่พระนครไม่มีการฆ่าสัตว์ พ่อครัวได้ซื้อเนื้อมาเก็บตุนเอาไว้ แต่เก็บไว้ไม่ดีถูกสุนัขแอบเข้าไปกินเสียจนหมด
เมื่อพ่อครัวหาเนื้อไม่ได้ จึงเข้าไปปรึกษากับพระเทวี พระเทวีแนะกุศโลบายว่า โอรสของเราน่ะเป็นที่โปรดปรานของพระราชา พระราชาทรงเห็นโอรสของเราแล้วจะทรงจุมพิต สวมกอดพระโอรสอย่างเพลิดเพลิน จนไม่ใส่พระทัยว่าจะมีเนื้อสำหรับพระองค์หรือไม่ เราจะตกแต่งพระโอรสแล้วก็ให้นั่งบนพระเพลาของพระราชา เวลาที่พระองค์ทรงหยอกล้อพระโอรส ท่านจึงค่อยๆ นำพระกระยาหารเข้าไปถวาย เมื่อปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว พระเทวีจึงตกแต่งพระราชกุมารให้นั่งบนพระเลาของพระราชา พระราชาทรงหยอกล้อเล่นกับพระโอรส ด้วยความรักใคร่เอ็นดู
พอได้เวลาพ่อครัวจึงนำพระกระยาหารเข้าไปถวาย เนื่องจากพระราชาทรงเมาสุราไม่ทรงเห็นเนื้อก็ทรงพิโรธ ได้ตวาดพ่อครัวว่า เนื้อสำหรับเราหาได้ยากนักหรือ ว่าแล้วก็ทรงหักคอพระโอรสที่นั่งอยู่บนพระเพลา โยนไปให้พ่อครัวแล้วรับสั่งให้รีบไปปรุงมาโดยเร็ว พ่อครัวก็มือไม้สั่นประคองสติไม่อยู่ ได้ทำตามรับสั่งด้วยความตกใจ ครั้นพระราชาได้เสวยเนื้อพระโอรสเป็นกับแกล้มเหล้าแล้ว ก็เสด็จเข้าห้องบรรทมหลับไป
ทรงตื่นจากบรรทมแล้วก็ทรงส่างเมา แล้วจึงรับสั่งเรียกหาพระโอรส ฝ่ายพระเทวีได้ร่ำไห้กันแสงตลอดคืน น้ำตาแทบกลายเป็นสายเลือด เมื่อพระราชาตรัสถามก็กราบทูล เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นวาน พระราชาทรงกันแสงด้วยความโศกถึงพระโอรส ทรงเห็นโทษในการดื่มน้ำเมาว่า ทุกข์นี้เกิดขึ้นแก่เรา เพราะอาศัยการดื่มน้ำเมา แล้วทรงกำฝุ่นขึ้นมาทาพระพักตร์ ทรงอธิษฐานว่าตั้งแต่นี้ไปเรายังไม่บรรลุพระอรหัตเพียงใด เราจะไม่ดื่มสุราอันทำความพินาศเพียงนั้น
เห็นไหมจ๊ะว่าการที่บุคคลใดจะลด ละ เลิกจากบาปอกุศล ต้องมีแรงบันดาลใจอะไรสักอย่าง ที่ทำให้เกิดฉุกคิดขึ้นมาได้โดยจะเห็นทุกข์เห็นโทษในสิ่งนั้น โดยเฉพาะสิ่งที่ตัวเองได้ทำผิดพลาดเอาไว้ อันที่จริงน่ะมนุษย์ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และไม่มีอะไรที่สายเกินไปสำหรับการปฏิวัฏชีวิตใหม่ ให้สมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะการทำความดีลงทุนน้อยกว่าการทำความชั่ว เพราะฉะนั้นแม้ลูกๆ ของหลวงพ่อจะไม่มีประสบการณ์ถึงขั้นสะเทือนใจอย่างตัวอย่างนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปทดลองนะจ๊ะ เรามีปัญญาสอนตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปลองผิดลองถูก แต่จะทำสิ่งที่ถูกต้องร่องรอยตามแนวทางของสัตบุรุษเท่านั้น ซึ่งก็คือสิ่งที่เป็นบุญกุศลอย่างเดียว แล้วชีวิตเราก็จะได้ปลอดภัยและมีชัยชนะ ไปทุกภพทุกชาติกันนะจ๊ะ