ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ทำมือให้เป็นมงคล


ธรรมะเพื่อประชาชน : ทำมือให้เป็นมงคล

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน

 

DhammaPP126_01.jpg

ทำมือให้เป็นมงคล

                    กว่าที่ใครคนหนึ่งจะผ่านด่านแห่งอันตราย ในสังสารวัฏจนกระทั่งมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องมีบุญบารมีมากทีเดียว แล้วต้องไม่มีกรรมอันใดมาขัดขวาง จึงได้เกิดเป็นมนุษย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านถึงได้ตรัสเอาไว้ว่า การเกิดเป็นมนุษย์เป็นการยาก เมื่อการเกิดเป็นการยากอย่างนี้แล้ว เราก็ควรที่จะดำรงชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท แล้วตระหนักถึงคุณค่าของการเกิดมา โดยใช้วันเวลาให้คุ้มค่า ให้ผ่านไปพร้อมๆ กับการสร้างบารมี ทำสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรา มีคุณค่า

 

 

DhammaPP126_02.jpg

                        หมั่นปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน เวลาที่สูญเสียไปก็จะไม่สูญเสียไปเปล่า เพราะมีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน

 

 

DhammaPP126_04.jpg

                    มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฎอยู่ ใน เอกัญชลิกเถราปทานที่ ๙ ความว่า เราได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณเปล่งปลั่งดั่งทอง พระนามว่าวิปัสสี เลิศกว่าผู้นำทั้งหลาย เป็นนรผู้แก้วกล้า ทรงแนะนำดี ทรงฝึกผู้ที่ยังไม่ได้ฝึก ผู้คงที่ ทรงมีวาทะมาก มีสติสัมปชัญญะมาก เสด็จดำเนินไปในระหว่างตลาด จึงมีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัสได้ประนมอัญชลีไหว้ ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ การที่เราได้ประนมอัญชลีไหว้ในเวลานั้น ด้วยกรรมนั้นเราไม่ได้รู้จักทุคติเลย นี้ก็เป็นผลแห่งอัญชลีไหว้

 

 

DhammaPP126_05.jpg

                    คุณวิเศษเหล่านี้คือปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖  เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว สิ่งต่างๆ ที่เรากระทำในแต่ละวันในขณะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ล้วนมีผลต่อเราทั้งทางตรงและทางอ้อม สิ่งที่กระทำนั้นแยกได้ ๒ ประการใหญ่ๆ ก็คือ กุศลแล้วก็อกุศล สิ่งใดที่ทำแล้วก่อให้เกิดความดีงาม ต่อตนเองและผู้อื่น จะมีผลดีในภพชาตินี้ และจะส่งผลก็ยังภพชาติเบื้องหน้า ให้ได้ประสบแต่สิ่งที่ดีงาม สิ่งนี้เรียกว่ากุศล

 

 

DhammaPP126_06.jpg

                    แต่สิ่งที่ทำตรงกันข้าม หากว่าทำลงไปแล้ว ส่งผลให้มีความทุกข์ทรมาน จนเป็นเหตุให้ต้องไปรับทุกข์ในอบายภูมิก็เรียกว่าอกุศล หรือพูดง่ายๆ ก็คือบุญกับบาป อุปกรณ์ในการสร้างบุญและบาปนี้มีอยู่ ๓ ทางด้วยกันก็คือทางกาย ทางวาจาแล้วก็ทางใจ หากใครน่ะรู้จักระวังกาย วาจา ใจไม่ทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศล ทำแต่สิ่งที่เป็นบุญกุศล ผู้นั้นก็ย่อมได้ชื่อว่า เป็นบัณฑิตผู้เห็นภัยในโลกนี้และโลกหน้า

 

 

DhammaPP126_07.jpg

                    อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของเรา สามารถที่จะนำมาเป็นอุปกรณ์ในการสร้างบุญได้ทั้งนั้น บัณฑิตผู้รักบุญต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะอำนวยให้สร้างบุญก็สามารถที่จะหาบุญได้

 

 

DhammaPP126_08.jpg

                    เหมือเรื่องราวของนักสร้างบารมีในกาลก่อน ที่หลวงพ่อจะนำมาเล่าในวันนี้ เป็นเรื่องราวที่ควรแก่การอนุโมทนา และควรเอาเป็นแบบอย่างในการสร้างบารมี เป็นเรื่องของพระเถระที่ท่านได้กล่าววาจาในข้างต้น ท่านได้ระลึกถึงผลบุญที่ตัวท่านเองได้ประสบมาในภพชาติก่อนๆ ท่านได้มีโอกาสสั่งสมบำเพ็ญบุญญาธิการไว้  ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ท่านได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ตามสมควรแก่อัตภาพ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะสร้างบุญพิเศษ ที่พอระลึกถึงแล้ว เกิดมาหาปีติแต่อย่างใด ชีวิตได้เวียนว่ายตายเกิดตามภพภูมิต่างๆ บางภพบางชาติก็เกิดในตระกูลที่สมบูรณ์ไปด้วยโภคทรัพย์สมบัติ บางภพบางชาติก็เกิดมาในตระกูลที่ยากจน มีชีวิตขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้มายาวนานทีเดียว 

 

 

DhammaPP126_09.jpg

                    จนกระทั่งมาถึงยุคที่สว่างไสวที่สุดยุคหนึ่ง ในการแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าวิปัสสี พระองค์มีพระชนมายุถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปีทีเดียว เมื่อตรัสรู้แล้ว ก็ทรงประกาศพระสัทธรรมไปทั่วชมพูทวีป ทำให้ผู้มีบุญได้เข้าถึงกายธรรมอรหัต กำจัดกิเลสอัศวะให้หมดสิ้นไป เป็นพระอริยบุคคล ในพระพุทธศาสนา มากมายก่ายกองทีเดียว จนกิตติศักดิ์อันดีงาม ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแผ่ขจรไปทั่วสารทิศ  

 

 

DhammaPP126_12.jpg

                    ในยุคนั้นพระเถระได้บังเกิดในเรือนของตระกูลแห่งหนึ่ง ท่านเป็นเด็กที่มีใจน้อมไปในทางกุศล มีจิตใจอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยเมตตา จนกระทั่งเจริญวัยบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ได้ยินข่าวคราวการบังเกิดขึ้น ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ แม้ว่าจะไม่เคยเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เลย แต่ก็หาโอกาสไปฟังธรรมจากพระสาวก ผู้ที่จาริกมายังนครที่ท่านอาศัยอยู่เรื่อยๆ ท่านคิดอยู่ในใจเสมอว่า สักวันหนึ่งเราน่ะคงจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดา ได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ 

 

 

DhammaPP126_11.jpg

                    ท่านเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างแรงกล้า และไม่เคยพลาดโอกาสที่จะทำความดีเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จผ่านมาทางพระนครนั้น วันรุ่งขึ้นก็ได้เสด็จออกบิณฑบาตรในพระนคร เพื่อโปรดสาธุชนผู้มีบุญทั้งหลาย ในวันนั้นกุลบุตรได้เข้าไปทำธุระบางอย่างในพระนคร ก็เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังบิณฑบาตรอยู่ และได้เห็นพระฉัพพรรณรังษีแผ่ซ่านออกจากพระวรกาย ก็คิดว่า เราเคยได้ยินกิตติศักดิ์เกี่ยวกับพระบรมศาสดามามากว่า พระองค์ทรงสมบูรณ์ด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ วันนี้ความปรารถนาของเราที่จะได้เห็นพระพุทธองค์สมหวังแล้ว แต่เราเพิ่งเดินทางออกมาจากเรือน ไม่มีไทยธรรมติดมาเลยแม้สักอย่างเดียว เราจะเอาบุญกับพระบรมศาสดาอย่างไรหนอ  เมื่อคิดอย่างนี้ท่านก็ใช้ปัญญาไตร่ตรองว่า แม้จะไม่มีสิ่งของในมือทั้งสอง เราก็จะใช้มือของเรานี่แหละเอาบุญกับพระองค์ ว่าแล้วท่านก็ทำความเลื่อมใสในพระพุทธองค์ ได้ยืนเอามือทั้งสองประคองอัญชลีด้วยความเคารพนอบน้อม หลังจากวันนั้นผ่านไป ทุกๆ ครั้งที่กุลบุตรมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง ก็จะเกิดมหาปีติอยู่ตลอดเวลาว่า มือของเหล่านี้เป็นมืออันเป็นมงคลหนอ ที่เราได้นมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า ท่านระลึกถึงผลกรรมที่ทำเพียงเท่านี้ 

 

 

DhammaPP126_15.jpg

                    จนกระทั่งละจากโลกไป ด้วยบุญนั้น ทำให้ท่านท่องเที่ยวในเทวดาและมนุษยโลก เมื่อเกิดในหมู่เทวดาก็เป็นที่เคารพ เกรงอกเกรงใจ ของทวยเทพทั้งหลาย เมื่อมาเกิดในหมู่มนุษย์ ก็จะเป็นที่รักที่ชอบใจ และเป็นผู้ควรแก่การบูชา ของมนุษย์ในทุกที่ทุกสถาน ท่านได้เสวยสมบัติทั้ง ๒นับภพนับชาติไม่ท่วน 

 

 

DhammaPP126_.10.jpg

                    จนกระทั่งมาถึงพุทธการนี้ ท่านได้มาบังเกิดในตระกูล ผู้สมบูรณ์ไปด้วยมหาสมบัติทั้งหลาย มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ด้วยบุญเก่าที่ท่านสั่งสมมา พอได้ยินข่าวการอุบัติขึ้นของพระรัตนตรัย ก็เกิดเลื่อมใสอย่างเต็มเปี่ยม จึงตัดสินใจสละความสุขสบายทางโลก ออกบวชในพระศาสนา เมื่อบวชแล้วก็ได้ทูลขอวิธีการปฏิบัติธรรม กับพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วท่านก็ได้ตังใจบำเพ็ญเพียรย่างเต็มที่

 

 

DhammaPP126_13.jpg

                    ด้วยอำนาจแห่งบุญที่เคยประคองอัญชลี ต่อพระวิปัสสีพุทธเจ้า ทำให้ท่านใช้เวลาไม่นานนัก ก็บรรลุพระอรหัต กำจัดกิเลสอาสวะได้หมดสิ้น และด้วยอำนาจบุญที่บำเพ็ญมาในการก่อนเป็นเครื่องสนับสนุน จึงทำให้ท่านปรากฏนามว่า  เอกัญชลิกเถระ เมื่อท่านระลึกถึงบุพกรรมที่ได้ทำมา ก็เห็นเรื่องราวทั้งหมด เหมือนผลมะขามป้อมที่วางอยู่บนฝ่ามือ บังเกิดปีติโสมัส จึงประกาศการสร้างบุญของท่านว่า ผลแห่งบุญนี้ยิ่งใหญ่เกินประมาณ เราได้สร้างบุญเล็กน้อย ด้วยการประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้น ยังมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่เพียงนี้ สองมือที่ได้กราบไหว้ผู้ทรงศีล เป็นมืออันเป็นมงคลจริงหนอ เพราะสามารถอำนวยสมบัติ ทั้งที่เป็นโลกียทรัพย์และอริยทรัพย์ให้บังเกิดขึ้น กิจทุกอย่างที่ควรทำ เราได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็ได้กระทำแล้ว

 

 

DhammaPP126_14.jpg

                    เห็นไหมจ๊ะ ว่ามือทั้งสองข้างที่อยู่กับตัวเรานี้ มีความสำคัญกับชีวิตเรา ทั้งภพนี้และภพหน้า หากมือนี้ได้อัญชลีบูชาผู้ประพฤติธรรม มือนั้นก็เป็นมงคล เพราะทำในสิ่งที่ควรทำ แต่ทว่าหากนำมือนี้ไปสร้างบาปอกุศลก็เป็นมืออัปมงคล ก่อให้เกิดแต่ความทุกข์ ความเดือดร้อน เราเกิดมาเป็นมนุษย์มีอาการครบ ๓๒ ก็ควรจะใช้ทุกส่วนของร่างกาย ให้เป็นทางมาแห่งบุญให้มากที่สุดนะจ๊ะ ใช้กาย วาจา ใจ ใช้ความคิด คำพูดและการกระทำ ให้เป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพานให้ได้

 

พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) 
 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล