Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
ตอน โปริสาท ตอนที่ 19
มีธรรมภาษิตที่ปรากฏในขุทกนิกาย ขุททกปาฐะ ความว่า
การกล่าวความจริงเป็นวาจาไม่ตาย ธรรมนี้เป็นของเก่า สัตบุรุษทั้งหลายตั้งมั่นแล้วในความสัตย์ที่เป็นอรรถและเป็นธรรม ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย สิ่งนี้เป็นธรรมที่มีมาตั้งแต่เก่าก่อนเป็นจริงตลอดกาลไม่มีใครลบล้างได้
ผู้ยึดเอาความจริงเป็นหลักในการดำรงชีวิต เมื่อรับคำว่าจะทำอะไรแล้วก็ทำจริง ไม่โกหกหลอกลวง พลังแห่งความสัตย์จะก่อให้เกิดเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพ เปล่งวาจาอะไรไปก็จะสำเร็จหมดทุกประการ เพราะฉะนั้นสัตบุรุษจึงยึดมั่นในความสัตย์ยิ่งชีวิต แต่ความสัตย์นั้นมีหลายประเภท ทั้งที่เป็นอรรถ เป็นธรรมของบัณฑิต และความสัตย์ของคนพาลที่เรียกว่าสัจจะมหาโจร
ต่อจากตอนที่แล้วพระเจ้าสุตโสมขอพรข้อสุดท้ายให้จอมโจรโปริสาทเลิกกินเนื้อมนุษย์แต่โปริสาทไม่อาจให้พรได้จึงได้ขอร้องให้เปลี่ยนเป็นข้ออื่น พระโพธิสัตว์ได้ตรัสให้สติปลุกจิตสำนึกให้โปริสาทกล้าประพฤติธรรมแม้จะต้องเอาชีวิตเข้าแลก ท่านได้ให้กำลังใจว่า
เมื่อสักครู่ท่านลั่นวาจากลางป่า มีกษิตริย์ ๑๐๑ พระองค์เป็นพยานว่า คนเช่นเราให้พรใดแล้วกลับไม่ให้ ก็ไม่ควรให้พรนั้นขอพระสหายจงมั่นพระทัยรับพระพรเถิด แม้ชีวิตของหม่อมฉันก็จะสละถวาย การเสียสละชีวิตได้นั่นเป็นธรรมของสัตบุรุษ สัตบุรุษย่อมมีปฏิญาณสัตย์ พรที่ท่านประทานไว้แล้วจงประทานมาเถิดสหาย ขอท่านจงสมบูรณ์ด้วยธรรมของสัตบุรุษเถิด นรชนพึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เมื่อนึกถึงธรรมพึงสละอวัยวะ ทรัพย์ แม้กระทั่งชีวิตทั้งหมดเถิด
พระโพธิสัตว์เห็นว่าโปริสาทยังไม่อาจตัดใจได้แล้วไม่พร้อมจะถวายพรข้อนี้จึงกล่าวสอนในฐานะครูว่า บุรุษรู้ธรรมจากบุคคลใดและบุคคลใดเป็นสัตบุรุษบรรเทาความสงสัยของบุรุษผู้สงสัยได้ ข้อนั้นเป็นที่พึ่งและจุดหมายของบุรุษนั้น บัณฑิตไม่พึงทำลายไมตรีกับบุคคลนั้น ดูก่อนสหายโปริสาทขึ้นชื่อว่าถ้อยคำของอาจารย์ผู้มีคุณ ไม่ควรจะทำไร เราเป็นอาจารย์ของท่านให้ท่านศึกษาศิลปะมากมายแม้ในเวลาที่ยังเยาว์ บัดนี้ได้กล่าวสตารหาให้แก่ท่าน เพราะฉะนั้นท่านก็จะทำตามถ้อยทำของเรา ท่านจะยอมทำลายมิตรภาพนี้และทำลายความเป็นศิษย์อาจารย์เพราะเพียงเนื้อมนุษย์หรือ ท่านจงไตร่ตรองให้ดีเถิด
โปริสาทได้สดับฟังถ้อยคำนั้นแล้วก็ยิ่งเกิดความละอายในพฤติกรรมของตน จากที่เคยยืนกรานว่าจะไม่ยอมถวายพระพรข้อนี้เด็ดขาดเริ่มมีจิตใจโอนอ่อนผ่อนตาม ค่อยๆไตร่ตรองถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อคิดทบไปทวนมาแล้วได้ถอนหายใจหนักๆอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ดำริว่า ท่านสุตโสมเป็นอาจารย์ของเราและพรเราก็ได้ถวายแก่พระองค์ ธรรมดาว่าความตายในอัตภาพหนึ่งย่อมเป็นของแน่นอนไม่ตายเร็วก็ตายช้า แต่สุดท้ายก็ต้องตายเหมือนกัน แต่ชีวิตหลังความตายของผู้ทำลายมิตรทำลายความสัตย์ ทำลายสายใยของศิษย์อาจารย์ ช่างน่าสลดใจเหลือเกิน เพราะเหมือนกับว่าได้กลายเป็นคนอกตัญญูไปแล้ว
ฉะนั้นเราควรยอมเลิกกินเนื้อมนุษย์เสียดีกว่า เราจะยอมถวายพระพรดังที่พระราชประสงค์ และใช้โยนิโสมนสิการไตร่ตรองดีแล้ว โปริสาทก็น้อมตัวลงถวายบังคมที่พระบาทของพระโพธิสัตว์ แม้จะมีใบหน้านองด้วยน้ำตา แต่ก็กล่าวถ้อยคำด้วยใจที่มุ่งมั่นว่า
“เนื้อมนุษย์เป็นอาหารที่ชอบใจของหม่อมฉันมายาวนาน หม่อมฉันยอมสละทุกอย่างก็เพราะอาหารนี้ แต่เพื่อรักษาคุณธรรมของสัตบุรุษและด้วยความเคารพในพระองค์ หม่อมฉันยอมถวายพระพรข้อนี้แด่พระองค์”
พระโพธิสัตว์ตรัสให้กำลังใจว่า “สหายรัก คนที่ตั้งอยู่ในศีลถึงจะตายก็ประเสริฐ เราขอรับพรที่ท่านประทาน และท่านได้ตั้งอยู่ในทางของพระอริยะ ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องทูลขอท่านอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าท่านยังมีความรักในตัวเราอยู่ขอท่านจงสมาธานศีล ๕ เถิด”
โจรโปริสาททูลรับว่า “ดีแล้วอาจารย์ ขอพระองค์จงประทานศีล ๕ แก่หม่อมฉัน จงเป็นที่พึ่งแก่หม่อมฉัน เหมือนน้ำเป็นที่พึ่งของหมู่ป่า ป่าเป็นที่พึ่งของฝูงสัตว์ทั้งปวงเถิด”
จากนั้นพระโพธิสัตว์ก็ตรัสบอกให้จอมโจรโปริสาทผู้กลับใจได้สมาธานศีล ๕ และให้รักษาเอาไว้อย่างเคร่งครัด ต้องรักศีลยิ่งชีวิตมิฉะนั้นจะเสียวาจาสัตย์อีก
ในขณะนั้นเหล่าทวยเทพผู้มาประชุมกัน ณ สถานที่แห่งนั้น เกิดความแช่มชื่นเบิกบาน ชื่นชมในอัจฉริยภาพของพระโพธิสัตว์ ได้สาธุการเกิดเสียงดังลั่นไปทั่วป่าว่า
“ไม่มีใครเลย ตั้งแต่อเวจีจนถึงภวัคคพรหมที่สามารถห้ามจอมโจรโปริสาทให้เลิกกินเนื้อมนุษย์ได้ แต่พระเจ้าสุตโสมสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยากให้สำเร็จได้อย่างน่าอัศจรรย์”จากนั้นเทวดาทุกสวรรค์ชั้นฟ้าก็เปล่งเสียงสาธุการดังสั่นต่อๆกันไปจนลั่นโลกธาตุ
ฝ่ายพระราชาทั้ง ๑๐๑ พระองค์ที่ถูกแขวนอยู่กับต้นไม้ เมือ่ได้ยินเสียงสาธุการของเหล่าเทพยาดาก็ปลื้มปิติดีใจ ดำริว่า พวกเราไม่ตายแล้ว พวกเราได้ชีวิตเพราะอาศัยพระเจ้าสุตโสม พระองค์ทรงทรมานเจ้าโปริสาทได้ นับว่าทำสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยากและก็พากันสรรเสริญพระโพธิสัตว์ไม่หยุดปาก พระโพธิสัตว์ทรงรับสั่งให้โปริสาทไปปลดปล่อยทุกพระองค์ พอโปริสาทได้สดับรับสั่งก็ครุ่นคิดว่าเราเป็นศตรูของกษัตริย์เหล่านี้ เราปลดปล่อยเป็นอิสระกษัตริย์เหล่านี้ก็จะช่วยกันจับเราฆ่า
ถึงแม้เราจะต้องเสียชีวิตก็ไม่อาจเสียศีลที่เรารับจากท่านสุตโสม ลองนึกถึงภาพของพระราชาทั้ง ๑๐๑ พระองค์ที่ถูกโปริสาทร้อยฝ่ามือแขวนอยู่กับกิ่งไม้ดู แต่ละพระองค์มีปลายฝ่าพระบาทพอจรดถึงแผ่นดินเท่านั้น ดิ้นรนไปมาอย่างน่าเวทนา ซึ่งก่อนหน้านี้โปริสาทรู้ว่าอย่างไรเสียกษัตริย์เหล่านี้ไม่เร็วก็ช้าต้องตายอยู่แล้ว จึงปฏิบัติต่อกษัตริย์เหล่านี้โดยไร้ความปราณี
วิธีการก็คือเมื่อโปริสาทจับพระราชาแต่ละพระองค์มาได้แล้วได้ใช้ปลายมีดแทงใส่กลางฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองข้างและเอาเชือกมาร้อยมัดไว้กับต้นไทรใหญ่ทำให้กษัตริย์แต่ละพระองค์ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัสเจียนตาย องค์ไหนที่ถูกจับมาก่อนแผลที่ฝ่าพระหัตถ์ก็บวมเป่งเกิดเป็นหนองไหล มีแมลงวันไต่ตอม บางพระองค์ทรงทรมานมากมีลมหายใจรวยริน ใกล้สวรรคตทุกขณะ เพราะไม่ได้เสวยอาหารมาหลายวัน
พระเจ้าสุตโสมทรงดำริว่ากษัตริย์เหล่านี้ยังมีความแค้นฝังแน่นอยู่ในพระทัย เมื่อหลุดจากเครื่องพันธนาการได้แล้วก็อาจจะช่วยฆ่าโปริสาททิ้งเสีย แต่โปริสาทจะไม่ประทุษร้ายตอบเด็ดขาด ในที่นี้มีเราผู้เดียวที่จะเป็นที่พึ่งแก่โปริสาทได้