ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ความหวังของมนุษย์


ธรรมะเพื่อประชาชน : ความหวังของมนุษย์

Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน

Dhamma_01.jpg

ความหวังของมนุษย์

 

                ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ไม่มีใครเลยที่ไม่อยากประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะความสำเร็จนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ แต่ในการแสวงหาความสำเร็จนั้นน่ะ มีบ่อยครั้งที่เรามักจะประสบกับปัญหาและอุปสรรคจนกระทั่งกลายมาเป็นความล้มเหลว การที่จะประสบความสำเร็จสมหวังได้นั้น มีสิ่งหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังคือบุญ การที่เราประสบความสำเร็จได้มากก็เพราะมีบุญมาก ถ้าประสบความสำเร็จน้อยก็เพราะเราสั่งสมบุญมน้อย ดังนั้นถ้าหากเราประสบความล้มเหลวในชีวิตก็แสดงว่าบุญในตัวของเราหมด

 

 

Dhamma_02.jpg


                เพราะฉะนั้นน่ะ เราก็ต้องรีบเร่งลิขิตชีวิตกันใหม่ โดยการสั่งสมบุญให้มาก ๆ อันจะเป็นเหตุนำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จของชีวิต ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

 

 

Dhamma_03.jpg

                        มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน อังคุตตรนิกายตติยปัณณาสก์ ว่า 
                            เทฺวมา ภิกฺขเว อาสา ทุปฺปชหา
                            กตมา เทฺว ลาภาสา จ
                            ชีวิตาสา จ อิมา โข ภิกฺขเว
                            เทฺว อาสา ทุปฺปชหา


                        ดูก่อนภิกษุทั้งหลายความหวัง ๒ อย่างนี้ละได้ยากคือ ความหวังในลาภ ความหวังในชีวิต ดูก่อนมีสุขทั้งหลายความหวัง ๒ อย่างนี้แหละละได้ยาก แต่ละชีวิตก็มีความหวังที่แตกต่างกันออกไป มีความปรารถนาอยากได้อยากมี อยากเป็นไม่เหมือนกัน

 

 

Dhamma_04.jpg


                แต่โดยรวมแล้วก็เป็นความหวังที่ยังวนเวียนอยู่ในภพทั้งสามคือ เกิดมาแล้วก็อยากมีลาภ มีสมบัติทรัพย์สินเงินทอง มีสมบัติแล้วก็อยากใช้และอยากอยู่กับสมบัตินั้นนาน ๆ ไม่อยากพลาดจากสมบัติที่ตัวเองมี เมื่อสมบัติมีพร้อมแล้ว ก็หวังว่าอยากจะมีอายุขัยยืนยาว อยากสมหวังทุกอย่างในชีวิต คนส่วนใหญ่แล้วจะต้องเอาความหวังเอาไว้ให้ได้ใน ๒ สิ่งเหล่านี้แหละ

 

 

 

Dhamma_05.jpg

                ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงความหวังของคนที่ยังติดข้องอยู่ในโลก ซึ่งยังไม่รู้จักเป้าหมายชีวิตที่แท้จริงว่าคืออะไร เกิดมาทำไม ตายแล้วจะไปไหน จุดสุดท้ายชีวิตอยู่ตรงไหน มีน้อยคนนักที่จะตั้งความหวังเอาไว้ว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้สั่งสมบูรณ์อย่างเต็มที่ จนตลอดชีวิต ให้โอกาสในการสร้างความดีทุกอย่าง ครั้งละโลกแล้วก็ให้ได้ไปดุสิตบุรี และให้ได้หลุดพ้นจากอัศวะกิเลสปราบมารประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษเข้าสู่อายตนะนิพพานไป ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ใครที่คิดอย่างนี้ได้แสดงว่ามีดวงปัญญามาก รักที่จะสร้างบารมี เหมือนกับพระบรมโพธิสัตว์ทีเดียว

 

 

 

 

Dhamma_06.jpg

                การเกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาติของพวกเรานั้นน่ะ ต้องมีการกำหนดเป้าหมายให้กับตัวเองอย่างชัดเจน เมื่อตั้งความปรารถนาอะไรเอาไว้ก็ต้องเร่งรีบทำในสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด

 

 

 

Dhamma_07.jpg

                บางคนมีเป้าหมายตั้งแต่ก่อนเกิด เหมือนอย่างพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย ท่านรู้ด้วยตัวของท่านเองว่าเกิดมาเพื่อสั่งสมบุญบารมีให้แก่รอบ เพื่อให้บรรลุพระโพธิญาณ พอเกิดมาก็สร้างบารมีกันอย่างเดียวตลอดชีวิตของท่านจึงไม่ประมาท เพราะท่านมีเป้าหมายชัดเจนจึงทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังสติปัญญามีหลายภพหลายชาติที่ท่านต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบารมี แม้ชีวิตก็สามารถสละได้ ความสำเร็จเกิดจากความพยายามไปสู่เป้าหมาย ที่เราได้ตั้งไว้นั่นเอง การที่เราได้อัตภาพเป็นมนุษย์ถือว่าประเสริฐสุด

 

 

 

Dhamma_08.jpg


        ดังนั้นจึงควรตั้งเป้าหมายชีวิตของเราให้สูงเอาไว้ เป้าหมายมีอยู่ ๓ ระดับด้วยกันคืออย่างที่ ๑ เป้าหมายระดับล่างเป็นเป้าหมายในโลกนี้คือ เป้าหมายในปัจจุบันชาติ เช่นบางคนมีเป้าหมายที่จะรวยที่สุดในโลก บางคนมีเป้าหมายจะเป็นประธานาธิบดี เป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นดร.เป็นต้นอย่างนี้เรียกว่าเป้าหมายบนดิน 


        อย่างที่ ๒  เป้าหมายระดับกลาง ก็ได้แก่เป้าหมายหลังจากหมดลมหายใจของความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ต้องหมั่นถามตัวเองว่า เราจะไปสู่สุคติหรือทุคติ ถ้าจะไปสู่สุคติภูมิไปเป็นชาวสวรรค์ก็ต้องมั่นสั่งสมบุญเอาไว้ให้มาก ๆ ทำทั้งทาน ศีล ภาวนาต้องไม่ให้ขาดเลย ชีวิตหลังความตายนั้นน่ะยาวนานนัก ไม่นานเราก็จะเป็นอดีตมนุษย์เหมือนกันหมดทุกคน เราทำดีก็ไปสู่สุคติโลกสวรรค์นี่จะเรียกว่าเป้าหมายบนฟ้านะจ๊ะ 

 

 

 

Dhamma_09.jpg

     อย่างที่ ๓ ได้แก่เป้าหมายระดับสูง เป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกชีวิต ความรู้นี้มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะอริยสัจ ๔ ก็ดีอริยมรรคมีองค์ ๘ ก็ดีมีเฉพาะในพระพุทธศาสนา ทำเหล่านี้คือหนทางไปสู่เป้าหมายอันสูงสุดของชีวิต คือการทำใจให้บริสุทธิ์หลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งหลาย ไปสู่อายตนะนิพพาน ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม นี่เรียกง่าย ๆ ว่าเป้าหมายเหนือฟ้า

 

 

 

Dhamma_10.jpg


                ในสมัยหนึ่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี. ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมกับนำปัญหาที่สงสัยอยู่ในใจไปถามพระองค์ ปรารถนาจะให้พระองค์ได้เมตตาวิสัชนาให้แจ่มแจ้ง เมื่อได้สนทนาพอเป็นเครื่องรำลึกถึงกันแล้ว ก็ได้ทูลถามว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มนุษย์ในโลกนี้ มีความปรารถนาที่ผิดแผลกแตกต่างกันออกไป ความปรารถนาของมนุษย์แต่ละคนไม่เหมือนกันเลยพระเจ้าค่ะ อยากทราบว่าส่วนใหญ่มนุษย์ทั้งหลายมีความปรารถนาอะไรกันบ้าง 

 

 

 

Dhamma_11.jpg


                พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า แม้ว่ามนุษย์จะมีความปรารถนาแตกต่างกันเพียงไรก็ตาม แต่ก็มีความปรารถนาคล้าย ๆ กัน ๔ ประการได้แก่

        ประการที่ ๑ คือมนุษย์ในโลกนี้จะปรารถนาว่า ขอให้โภคทรัพย์สมบัติจงเกิดขึ้นกับเรา คือขอให้ร่ำรวยให้เงินทองไหลมาเทมา มีสมบัติบังเกิดขึ้นเอาไว้ใช้อย่างไม่รู้จักมาจากสิ้น เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงต้องร่ำเรียนวิชาทำมาหากิน แล้วก็ขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้ได้ทรัพย์สมบัติมาหล่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ใครมีความสามารถมากมีความขยันหมั่นเพียรมาก ก็สามารถหาเงินทองมาได้มาก   

        ดังพระบาลีที่ว่า อุฏฺฐาตา วินฺทเต ธนํ  คนขยันย่อมหาทรัพย์ได้ แต่ถ้าจะให้ได้มาอย่างง่าย ๆ และเย็น ๆ ก็ต้องมีบุญสนับสนุน เพราะบุญเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จที่เราปรารถนาเอาไว้

 

Dhamma_12.jpg

        ประการที่ ๒ คือขอยศจงมีแก่เราและหมู่ญาติ เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่เมื่อร่ำรวยขึ้นมาแล้ว ก็อยากจะมียศถาบรรดาศักดิ์ เมื่อรวยแล้วก็อยากให้เป็นที่ยอมรับ อยากมีชื่อเสียงได้รับการยกย่องชมเชย อย่ากเป็นที่รักที่นับถือของทุกคนในสังคม มีลาภแล้วก็อยากมียศ

 

 

 

Dhamma_13.jpg

        ประการที่ ๓ คือมนุษย์ทั้งหลายจะปรารถนาว่า ขอเราจงเป็นผู้มีอายุยืนนานอย่าเจ็บอย่าป่วย อย่าไข้ อายุขัยยืนยาวมากเท่าไหร่ยิ่งดี เป็นธรรมดาของคนในโลก อยากรวยนาน ๆ อยากมีชื่อเสียงนาน ๆ และประการสุดท้ายคือ เมื่อตายไปก็ขอให้ได้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ไม่ว่าจะยากดีมีจนทุกคนอยากไปสวรรค์ทั้งนั้นแหละไม่มีใครอยากไปนรกหรือไปตกในอบายภูมิ แต่ความหวังของมนุษย์จะเป็นจริงดังที่กล่าวมาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับบุญและบาป ๒ อย่างนี้เท่านั้น 

 

 

 

Dhamma_14.jpg


                ความหวังก็ส่วนความหวังแต่ความจริงน่ะส่วนความจริง ความจริงนั่นน่ะเขาวัดกันที่การกระทำ ความหวังทั้งหลายจะกลายเป็นจริงได้ ก็มาดูกันที่บุญในตัว ดูที่ความคิด คำพูดและการกระทำ ทุกคนมีสิทธิ์คิด แต่ไม่ใช่ว่าจะสมหวังดังที่คิดเสมอไปนะจ๊ะ 


                ความหวังทั้งหลายจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้นั้น พระบรมศาสดาทรงสอนเอาไว้ว่า ต้องเป็นคนมีศรัทธาในพระรัตนตรัย เชื่อในเรื่องบุญบาปว่ามีจริง เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง โลกนี้โลกหน้ามีจริงอย่างนี้เป็นต้น ให้กลัวต่อการทำบาปแม้เพียงเล็กน้อย แล้วตั้งใจทำแต่บุญกุศลอย่างเดียวทรงสอนให้เราเป็นคนมีศีลเพราะอย่างน้อยก็ต้องรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ 

 

                จากนั้นก็ทรงสอนให้มีจาคะคือรักในการบริจาค ยินดีในการให้ทาน ยิ่งทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ความหวังที่ตั้งไว้ก็จะกลายเป็นจริงได้ง่ายขึ้น และประการสุดท้ายต้องเป็นคนมีปัญญาคือหาโอกาสเพิ่มพูนความรู้ในการดำเนินชีวิตในสังสารวัฏ เป็นความรู้ที่จะทำให้ปิดประตูนรก เปิดประตูสวรรค์และพระนิพพานให้กับตัวเราเองได้

 

 

 

Dhamma_15.jpg

                 ดังนั้น เมื่อลูก ๆ เข้าใจกันอย่างนี้แล้ว น่ะใครที่หวังอะไรเอาไว้และอยากให้ความหวังกลายเป็นจริงขึ้นมาต้องทำตามหลักพุทธวิธีนะจ๊ะ โดยเฉพาะพวกเราน่ะเป็นนักสร้างบารมีพันธุ์รื้อวัฏฏะ มีเป้าหมายที่จะไปปราบมาร ประหารกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ มุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมกัน ก็อย่าลืมที่จะตั้งความหวังว่าเราจะต้องปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ในชาตินี้ และให้ได้ศึกษาวิชาธรรมกายให้รู้แจ้งเห็นจริงในวิชชาธรรมกาย แล้วชีวิตในการสร้างบารมีของเราก็จะได้ไม่ผิดพลาด มีแต่ความเจริญปลอดภัยและมีชัยชนะตลอดไปทุกภพทุกชาติกันนะจ๊ะ

 

 
 
 
 
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล