Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
อานุภาพบุญ ตอนที่ ๑
ชีวิตในสังสารวัฏมีเพียงบุญและบาปเท่านั้น ที่คอยจริงช่วงและช่วงชิงนั้นอยู่ตลอดเวลา บุญและบาปจึงเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราและก็อยู่ในตัวเรา เพราะเป็นสิ่งที่เกิดจากการกระทำทางกาย วาจา ใจของเรา คนส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ไกลตัวมากกว่า โดยมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ทั้งๆ ที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นที่สุดในชีวิต เพราะบุญจะทำให้ชีวิตของเราน่ะรุ่งโรจน์โชตนาการ ส่วนบาปจะทำให้ชีวิตตกต่ำย่ำแย่ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดาหากหมดบุญก็หมดสิทธิ์ แม้ชีวิตตัวเองก็รักษาไว้ไม่ได้ ถ้าเป็นเทวดาก็ต้องจุติเป็นมนุษย์ก็ต้องละจากโลกไป หมดสิทธิ์ในการที่จะอยู่ครอบครองทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติและก็คุณสมบัติ หรือแม้กระทั่งชีวิตของตน ดังนั้นน่ะบุญยังเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องสั่งสมเอาไว้เสมอทั้งให้ทาน รักษาศีลและก็เจริญสมาธิภาวนาต้องทำกันให้เต็มที่ อย่าได้ประมาทในการสั่งสมบุญกันนะจ๊ะ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว ในสิริโจรชาดก ว่า
คนไม่มีบุญจะมีศิลปะก็ตามไม่มีศิลปะก็ตาม มีความขวานขวายรวบรวมทรัพยไว้ เป็นจํานวนมาก แต่คนมีบุญเท่านั้นย่อมได้บริโภคใช้สอยทรัพย์เหล่านั้น โภคทรัพย์สมบัติเป็นอันมากย่อมล่วงเลยผู้ไม่มีบุญเสีย และเกิดขึ้นกับบุคคลผู้ที่ได้ทำบุญไว้ในที่ทุกสถาน อนึ่ง โภคทรัพย์สมบัติเป็นอันมากย่อมเกิดขึ้นแก่ผู้มีบุญ ในที่แม้มิใช่สถานที่เกิดแห่งทรัพย์ทั้งหลาย...
บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต ตั้งแต่ปุถุชนจนถึงพระอริยเจ้า เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้เราได้รูปสมบัติที่งดงามแข็งแรง มีอายุขัยยืนยาว เป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของมหาชนทั้งหลาย มีทรัพย์สมบัติมากทั้งแก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดา พวกพ้องบริวาร พรั่งพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ในการสร้างบารมี มีคุณสมบัติที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ทุกอย่าง สมบูรณ์ด้วยสมบัติทั้งที่เป็นของมนุษย์และที่เป็นของทิพย์ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพานสมบูรณ์หมดทุกประการ ดังนั้นบุญจึงเป็นแหล่งกำเนิดที่สามารถดลบันดาลให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ดวงบุญนั้นอยู่ที่ศูนย์กลางกายภายในของกายทุกกาย เป็นดวงบุญที่ซ้อน ๆ กันอยู่ภายใน เป็นผังสำเร็จที่ติดตามเราไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งเข้าสู่อายตนนิพพาน
คนไม่มีบุญก็เหมือนผลไม้พันธุ์ไม่ดี ถึงแม้จะใส่ปุ๋ย พรวนดิน รดน้ำบำรุงรักษาอย่างดี แต่อย่างมากก็ทำให้ผลดกขึ้นมาบ้าง ที่จะทำให้มีรสโอชากว่าเดิมนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นคนมีบุญน้อยเวลาจะทำอะไรก็ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างหนักและเสียเวลามาก ทั้งยังติด ๆ ขัด ๆ มีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แม้จะรวบรวมทรัพย์ไว้เป็นจำนวนมากก็ไม่ได้ใช้ทรัพย์นั้น แต่คนมีบุญมากเวลาจะทำกิจการงานใดก็จะสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย ไใม่ว่าผู้มีบุญจะไปอยู่ที่ไหนทรัพย์สมบัติก็บังเกิดขึ้นมารองรับ ให้ผู้มีบุญได้ใช้สร้างบารมี
เหมือนดังเรื่องที่หลวงพ่อจะได้นำมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้นะจ๊ะ เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องของธิดาท่านหนึ่ง ที่เกิดอยู่ในตระกูลมั่งคั่ง ในสมัยนั้นหลังจากที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ชาวเมืองกำลังช่วยกันสร้างพระเจดีย์ทอง ที่มีความสูงประมาณ ๑ โยชน์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เสสวดีกุมาริกาได้ไปยังสถานที่ก่อสร้างพระเจดีย์พร้อมกับมารดา เมื่อเห็นชาวเมืองต่างพากันขยันขันแข็งในการก่อสร้างพระเจดีย์ จึงถามแม่ว่า “พวกชาวเมืองเขากำลังสร้างอะไรกันอยู่” เมื่อแม่ของกุมาริกานั้นบอกแก่นางว่า “เขากำลังทำอิฐทองคำเพื่อก่อสร้างพระเจดีย์กันอยู่จ้ะลูก” กุมาริกาพอได้ฟังข่าวบุญอันเป็นมงคลเช่นนั้นก็เกิดปีติ เลื่อมใสเข้ามาทันทีอยากจะมีส่วนร่วมในบุญใหญ่ครั้งนั้นด้วย จึงตัดสินใจถอดเครื่องประดับที่ติดตัวมา แล้วก็บอกกับแม่ว่า “แม่จ๋า หนูขอสละสร้อยคอเส้นนี้เพื่อร่วมสถาปนาการสร้างพระเจดีย์ทองในครั้งนี้ด้วย ขอคุณแม่ให้ช่างนำเครื่องประดับนี้ไปทำเป็นอิฐทองคำ เพื่อสร้างพระเจดีย์ด้วยค่ะ”
แม่ของกุมาริกาฟังแล้วก็ปีติขนลุกชูชันพร้อมกับอนุโมทนากับลูกว่า “ดีแล้วลูก ลูกให้ไปเถิด” แล้วบุญใหญ่ในครั้งนี้ก็จะได้ติดตัวลูกไปทุกภพทุกชาติ แล้วนางก็นำเครื่องประดับของลูกสาวส่งให้แก่ช่างทอง เมื่อช่างทองรับเครื่องประดับไปแล้ว ก็อนุโมทนาในการทำบุญของหนูน้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ทีเดียวที่เด็กหญิงตัวน้อย ๆ แต่กลับมีหัวใจกล้าหาญและยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
ต่อมากุมาริกาตามตรึกระลึกนึกถึงบุญใหญ่ในครั้งนั้นเรื่อยมา และสังสมบญอยู่เป็นประจำจนตลอดชีวิต เมื่อถึงวาระสุดท้ายภาพของการสร้างบุญใหญ่ ในการสร้างพระเจดีย์ ก็มาปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนแจ่มใส เมื่อละจากอัตภาพนั้นแล้วก็ได้ไปบังเกิดในเทวโลก มีบริวารและวิมานอันใหญ่โตโอฬาร มีรัศมีกายสว่างไสวประดุจทองคำ นางได้ท่องเที่ยวเสวยสุขอยู่ในเทวโลกเป็นเวลายาวนาน และท่องเที่ยวอยู่แต่ในสุคติภพอย่างเดียว จนมาถึงในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา นางได้มาเกิดที่ตำบลนาลกะหรือบางแห่งเรียกว่าบ้านนาลันทาในแคว้นมคธ หมู่ญาติได้ตั้งชื่อกุมาริกานั้นว่า เสสวดี แปลว่า ผู้มีบุญวิฌศษ นางได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากบุคคลรอบข้างจนกระทั่งเติบโตเป็นสาว
วันหนึ่งมารดาได้ใช้ให้นางไปซื้อน้ำมันที่ตลาด และวันนั้นมีพ่อค้าคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรเศรษฐีได้ขุดสมบัติของบิดาที่ได้ฝังเอาไว้เป็นจำนวนมากเพื่อจะได้นำเงินทอง แก้วมณีและแก้วมุกดาเหล่านั้นมาใช้ แต่ด้วยอำนาจวิบากกรรมมาบดบัง ทำให้ทรัพย์สมบัติที่ขุดขึ้นมากลายเป็นถ่านเป็นกระเบื้อง ก้อนหินและก้อนกรวดจนหมดสิ้น
ถึงแม้เหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้ พ่อค้าก็ไม่ยอมละทิ้งทรัพย์สมบัติเหล่านั้น กลับขนไปกองไว้ที่ตลาด ด้วยความหวังว่า ถ้าหากผู้มีบุญมาพบเข้าก็คงจะเห็นเป็นเงินเป็นทองขึ้นมาแน่นอน และแล้วความหวังของพ่อค้าหนุ่มนั้นก็สัมฤทธิผล เมื่อนางเสสวดีเดินไปที่ตลาด นางเดินเข้าไปหาพ่อค้าแล้วถามขึ้นว่า “ทำไมท่านจึงนำแก้วมณี แก้วมุกดาและเงินทองมากมายมากองไว้เช่นนี้เล่า เงินทองและแก้วมณีเหล่านี้ควรจะเก็บไว้ให้ดีในที่มิดชิดมิใช่หรือ” พ่อค้าก็ได้ให้นางไปจับต้องสมบัติเหล่านั้นดู ในที่สุดถ่านก็กลายเป็นแก้วแหวนเงินทองเหมือนเดิม หนุ่มเศรษฐีรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของนาง จึงได้ให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยา
เมื่อพ่อค้าอยู่ครองคู่กับนาง ก็ได้เห็นความประพฤติของนางล้วนแล้วแต่เป็นไปในทางที่ดี จึงเปิดประตูเรือนคลังแล้วถามว่า “น้องหญิงเจ้ามองเห็นอะไรในคลังนี้บ้าง” นางตอบว่า “ดิฉันมองเห็นเงิน ทองคำและแก้วมณีจำนวนมากกองอยู่” พ่อค้าหนุ่มจึงเล่าให้นางฟังว่า “ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ได้หายไปหมด เพราะบาปกรรมของพี่แต่บัดนี้ทรัพย์สมบัติได้กลับมีขึ้นอีกด้วยบุญบารมีของน้อง เพราะฉะนั้นนับแต่นี้ไปขอให้น้องจงจัดแจงดูแลทรัพย์สมบัติทั้งหมดในบ้าน เพียงผู้เดียว พี่จะใช้สอยเฉพาะส่วนที่น้องให้เท่านั้น” ส่วนว่าเรื่องราวของนางเสสวัสดีสาวิกา จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราคงต้องมาติดตามกันต่อในวันถัดไปนะจ๊ะ
จากเรื่องนี้เราก็จะเห็นว่า บุญเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทั้งบุญหยาบและบุญละเอียด หากหมดบุญแม้ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ ก็มีอันต้องแปรสภาพหรือเปลี่ยนมือไป จะไปอยู่กับเฉพาะผู้มีบุญเท่านั้น ผู้มีบุญไม่ว่าจะไปเกิดอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม บุญนั้นก็จะตามไปให้ผลในสถานที่นั้นและในการทุกเมื่อ ดังนั้นเราต้องสั่งสมบุญกันให้เยอะๆ นะลูกนะ แล้วบุญที่สำคัญที่สุดคือการทำใจหยุดใจนิ่ง เพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัวเพราะฉะนั้นก็ให้หมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมกัน อย่าเกียจคร้านในการทำความเพียร เพราะสิ่งนี้จะเป็นที่พึ่งอย่างสำคัญให้กับเรา ในการสร้างบารมีเพื่อไปสู่ที่สุดแห่งธรรมกันนะจ๊ะ