Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
ตอน กรรมเก่าของพระพุทธเจ้า ๒
เมื่อกล่าวถึงภารกิจหลักของการเกิดมาเป็นมนุษย์มีอยู่เพียงอย่างเดียว คือการสร้างบารมีเพื่อมุ่งไปสู่อายตนนิพพาน อันเป็นเป้าหมายชีวิตของทุกๆ คน รวมไปถึงเป้าหมายของสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย ถึงแม้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่จะรู้หรือไม่ก็ตาม สุดท้ายก็ต้องไปสู่พระนิพพานกันทั้งหมด
เพราะฉะนั้น ภพชาตินี้เรายังมีกิจที่จะต้องทำให้รู้แจ้งให้ได้ว่าเราเกิดมาจากไหน มาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิตที่แท้จริง และจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร ดังนั้น เราจึงควรหมั่นฝึกฝนอบรมจิตใจของเราให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งเข้าไปถึงผู้รู้แจ้งภายในคือพระธรรมกายให้ได้
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน จูฬกัมมวิภังคสูตร ว่า
“กมฺมสฺสกา มาณว สตฺตา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฏิสรณา กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตาย
ดูก่อนมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้”
กรรมก็คือการกระทำที่เกิดทางกาย วาจา และใจของเรานี่เอง ซึ่งก็มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว การกระทำของเราในอดีต ไม่ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล จะส่งผลเป็นวิบากในภพชาตินี้ กรรมบางอย่างยังส่งผลต่อไปถึงภพชาติหน้า และกระทั่งภพชาติสุดท้าย ในทำนองเดียวกัน กรรมที่เราทำในภพชาตินี้ก็จะส่งผลเป็นวิบากในภพชาติต่อไป เมื่อเข้าใจเช่นนี้ เราจะได้สั่งสมกันแต่กรรมดี ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับบาปอกุศล จะได้ดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย มีแต่สุคติภพอย่างเดียว
ที่ผ่านมาหลวงพ่อได้นำเรื่องกฎแห่งกรรมมาเล่าให้ฟังว่ากรรมมีกี่ประเภท แบ่งเป็นกรรมหนัก กรรมเบาหรือจะส่งผลเป็นวิบากอย่างไรบ้าง ในวันนี้หลวงพ่อขอนำเรื่องบุพกรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์สอนใจต่อจากตอนที่แล้ว
การที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงถูกพระเทวทัตกลิ้งหินลงจากภูเขา เพื่อหวังจะปลงพระชนม์ชีพ แต่หินตกไปกระทบไหล่เขาแตกกระจาย ทำให้สะเก็ดหินกระเด็นไปถูกพระพุทธองค์ จนห้อพระโลหิตได้รับความเจ็บปวดไม่น้อย เนื่องเพราะในอดีตกาล ครั้งที่พระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์ มีน้องชายต่างมารดาอยู่คนหนึ่ง เมื่อบิดาล่วงลับไปแล้ว พี่น้องทั้งสองทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ เพราะพวกทาสทำการยุแหย่ให้แตกแยก สองพี่น้องจึงต่อสู้ชกต่อยกัน พระโพธิสัตว์มีกำลังมากกว่า จึงกดทับน้องชายเอาไว้ แล้วกลิ้งหินมาทับบดน้องชายจนถึงกับกระอักโลหิตตาย
เพราะวิบากกรรมนั้น พระโพธิสัตว์เสวยทุกข์ในนรกหลายพันปี เมื่อมาในภพชาตินี้ กรรมนั้นยังตามส่งผลอีก เป็นเหตุให้พระเทวทัตกลิ้งหินโดยประสงค์ให้ตกมาทับพระองค์
เมื่อกล่าวถึงพระเทวทัตซึ่งทำตนเป็นปรปักษ์กับพระบรมศาสดามาโดยตลอด แต่พระพุทธองค์ทรงมีจิตเมตตาเสมอต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย จึงไม่เคยคิดอาฆาตตอบเลย บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมพระเทวทัตจึงเหมือนกับผู้ร้ายของเรื่องที่นำความเดือดร้อนมาให้หมู่สงฆ์อยู่เป็นประจำ เช่นทำสังฆเภท คือทำหมู่สงฆ์ให้แตกกัน
และเป็นผู้ทำให้พระเจ้าอชาตศัตรูหลงผิดไปทำกรรมหนักถึงขั้นอนันตริยกรรม คือทำปิตุฆาต สำหรับท่านที่ได้ศึกษาชาดกและพุทธประวัติ ถ้าหากไม่รู้จักวางใจเป็นกลางๆ ก็จะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อพระเทวทัต ว่าทำไมท่านถึงเป็นคนเหี้ยมโหดใจร้าย แล้วทำไมต้องจองเวรกับพระโพธิสัตว์มาโดยตลอด ก็เพราะว่าก่อนหน้านั้น ทั้งสองเคยเป็นเพื่อนรักกันมา และสั่งสมบุญด้วยกันมาหลายภพหลายชาติ
แต่มีอยู่ภพชาติหนึ่ง แรงอาฆาตได้บังเกิดขึ้น รื่องมีอยู่ว่า พระเทวทัตกับพระโพธิสัตว์เป็นพ่อค้ามีชื่อเหมือนกันคือ เสรีวพาณิช ทั้งสองได้ล่องเรือออกเดินทางไปค้าขายต่างเมืองด้วยกัน เมื่อไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งก็ได้แยกทางกันไปเพื่อค้าขาย พ่อค้าคนแรกเข้าไปตระกูลของเศรษฐีเก่า หลานสาวในบ้านเห็นพ่อค้ามีเครื่องประดับมากมายมาขายก็อยากได้บ้าง แต่มีเงินไม่พอที่จะซื้อ จึงขอร้องให้ยายนำถาดทองใบใหญ่ซึ่งมีสนิมทองจับมาแลกซื้อ
พ่อค้าจับถาดใบนั้นขึ้นมาพิจารณา ทดลองเอาเข็มขีดดูก็รู้ทันทีว่าเป็นถาดทองคำแท้ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล แต่เนื่องจากตนเองเป็นคนโลภ คิดค้ากำไรเกินควร จึงบอกว่าถาดใบนั้นมีราคาไม่ถึงครึ่งมาสก ไม่มีราคาพอที่จะซื้อเครื่องประดับเหล่านี้ได้ จึงทำเป็นไม่สนใจ ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า เดี๋ยวจะกลับมาเอาถาดทองใบนี้ทีหลังให้ได้
บังเอิญว่าเมื่อพ่อค้าคนแรกผ่านไปได้ไม่นาน พ่อค้าโพธิสัตว์ก็หาบสินค้าของตนผ่านมาทางนั้นพอดี เมื่อพิจารณาดูถาดใบนั้นอย่างถี่ถ้วน ก็รู้ว่าเป็นถาดทองคำมีราคาถึงหนึ่งแสนกหาปณะ แม้สินค้าทั้งหมดที่ตนเองนำมาขายพร้อมกับเงินอีกหนึ่งพันกหาปณะ ก็ไม่สามารถจะแลกกับถาดทองใบนี้ได้ จึงบอกสาวน้อยไปตามความเป็นจริง
ยายของสาวน้อยเห็นพ่อค้าโพธิสัตว์เป็นผู้มีใจซื่อสัตย์ จึงแลกถาดทองกับเครื่องประดับทั้งหมด เมื่อพ่อค้าคนแรกหวนกลับมา เพื่อจะกดราคาถาดทองอีก แต่เมื่อรู้ว่าพ่อค้าโพธิสัตว์แลกไปเสียแล้ว ก็เสียใจมากถึงกับเป็นลมหมดสติ เมื่อรู้สึกตัวขึ้น รีบวิ่งไล่ตามพ่อค้าโพธิสัตว์ไป ร้องเรียกให้หยุด แต่พระโพธิสัตว์ได้ล่องเรือออกจากฝั่งไปแล้ว พ่อค้าผู้คิดไม่ซื่อนั้นรู้สึกโกรธแค้นมาก ตะโกนด่าพระโพธิสัตว์ ถึงกับเลือดลมในตัวปั่นป่วนถึงขนาดกระอักออกมาเป็นเลือด
ก่อนตาย พ่อค้าคนนี้ได้อธิษฐานที่จะผูกพยาบาทตามรบกวนพระโพธิสัตว์ไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเข้านิพพานไปทีเดียว
เพราะอกุศลจิตที่เกิดขึ้นอย่างแรงกล้าในระหว่างชวนจิตดวงสุดท้ายก่อนตาย ทำให้ความปรารถนานั้นส่งผลเป็นวิบากกรรมที่ทำให้พระเทวทัตไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร ก็ตามคอยเบียดเบียนพระโพธิสัตว์เรื่อยมา ถึงขนาดเข่นฆ่าเอาชีวิตมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
แต่พระเทวทัตเองก็หนีกฎแห่งกรรมไปไม่พ้น ต้องชดใช้กรรมเป็นเวลายาวนาน รวมไปถึงต้องตกนรกอเวจี เมื่อมาในอัตภาพนี้ แม้จะออกบวชเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ก็ยังปรารถนาอยากมีชื่อเสียงเหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรารถนาที่จะขอเป็นผู้บริหารหมู่สงฆ์เอง จึงทูลขอกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อถูกพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิเสธ จึงทำสังฆเภทและหาทางที่จะปลงพระชนม์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายครั้งหลายครา ตั้งแต่ปล่อยช้างนาฬาคีรีวิ่งเข้าใส่พระพุทธองค์หมายเอาจะชีวิต
ว่าจ้างนายขมังธนูให้ไปซุ่มดักปลงพระชนม์พระบรมศาสดากลางป่าแต่ก็ไม่สำเร็จสักครั้ง วันหนึ่งพระเทวทัตยืนอยู่ยอดเขา กลิ้งหินก้อนโตหวังให้ตกใส่พระพุทธองค์ แต่ด้วยพุทธานุภาพ ยอดเขาอื่นจึงรับเอาหินก้อนนั้นที่กำลังตกลงมา
ก้อนหินใหญ่จึงแตกกระจายเป็นสะเก็ดเล็กสะเก็ดน้อย แล้วกระเด็นมากระทบหลังพระบาทของพระองค์ทำให้ถึงกับห้อพระโลหิต เพราะผลกรรมที่พระเทวทัตอาฆาตในพระผู้มีพระภาคเจ้านี้ ประกอบกับกรรมในภพชาติก่อนของพระองค์เอง ที่กลิ้งหินทับน้องชายต่างมารดาจนตาย และกรรมที่สมัยหนึ่งพระองค์เป็นเด็กชาวบ้าน กำลังเล่นอยู่กับเพื่อนๆ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเที่ยวบิณฑบาตไปตามถนน ด้วยความคะนองมือ จึงหยิบก้อนหินขว้างใส่หลังเท้าของพระปัจเจกพุทธเจ้าจนโลหิตไหลออกมา
เพราะกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในนรกยาวนาน มาภพชาตินี้จึงถูกสะเก็ดหินกระเด็นใส่จนถึงขนาดห้อพระโลหิต จะเห็นว่าใครทำกรรมใดไว้ก็จะต้องรับผลแห่งกรรมนั้นรํ่าไป
ชีวิตในสังสารวัฏนั้นยาวนาน ผู้รู้อุปมาเอาไว้ว่า หากเอากระดูกของคนเพียงคนเดียวเท่านั้นมากองรวมกันไว้ ก็จะได้กองกระดูกที่สูงเท่าภูเขาตั้งตระหง่านเทียมเมฆทีเดียว แล้วแต่ละภพชาติ เราเองก็ไม่ทราบว่าได้ทำกรรมดีกรรมชั่วอะไรเอาไว้บ้าง เพราะฉะนั้น คราใดที่เราพบปัญหาและอุปสรรคมาขัดขวาง ก็อย่าได้เกิดความท้อแท้ว่าบุญไม่ส่งผล เพราะกรรมในอดีตมันยังมาเป็นอุปสรรคอยู่
ให้ดูตัวอย่างพระบรมศาสดาของเรา กรรมดีก็ส่งผลให้พระองค์ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แต่บาปกรรมบางอย่างที่เผลอไปทำเข้า ก็ตามมาส่งผลให้พระองค์ได้รับความลำบากเช่นกัน แม้จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ตาม ดังนั้นทุกคนอย่าประมาทไปทำบาปอกุศลเข้า ที่แล้วก็แล้วกันไป ให้เริ่มต้นใหม่ด้วยการทำความดียิ่งๆ ขึ้นไป