ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ทำบุญจนบาปไม่ได้ช่อง


ธรรมะเพื่อประชาชน : ทำบุญจนบาปไม่ได้ช่อง

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน

 

DhammaPP_125_01.jpg

ทำบุญจนบาปไม่ได้ช่อง
 

                    ใจของมนุษย์ที่ฝึกดีแล้ว จะทำให้มนุษย์ผู้นั้นเป็นบุคคลประเสริฐ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ไปถึงใจสามารถบังคับกายได้ เหมือนพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่สามารถทำกายให้เบาเท่ากับใจ เบาเหมือนปุยนุ่น แล้วเหาะเหินเดินอากาศได้ หายตัวก็ได้ เพราะท่านฝึกใจเอาไว้ดีแล้ว ชีวิตของเราจะดีหรือแย่ก็ขึ้นอยู่ที่ใจ เมื่อใดที่เราประมาทถูกความโลภ ความโกรธ ความหลงครอบงำ จนตกเป็นทาสของอำนาจกิเลส วันนั้นใจของเราก็จะขุ่นมัวเศร้าหมอง หาความสุขความสบายได้ยาก แต่เมื่อใดที่เราไม่ประมาทเลือกแต่สิ่งที่ดีบรรจุไว้ในใจและรู้จักปลอบใจให้สบายแต่การวางใจให้หยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ หยุดใจเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าไปสัมผัสกับแหล่งแห่งความสุขภายใน ที่ชุ่มเย็นใสสว่าง เมื่อนั้นใจของเราก็จะปราศจากความทุกข์อย่างสิ้นเชิง

 

 

DhammaPP_125_03.jpg

                    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน คิหิสามีจิสูตรว่า 


                            บัณฑิตทั้งหลายย่อมปฏิบัติปฏิปทา สมควรแก่คฤหัสถ์คือ บำรุงภิกษุ 
                            ผู้มีศีลผู้ดำเนินชอบด้วยจีวรด้วยบิณฑบาตร เสนาสนะและคิลานปัจจัย 
                            บุญย่อมเจริญมากแก่บัณฑิตเหล่านั้น ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน
                            บัณฑิตเหล่านั้นครั้นทำกรรมอันเจริญบ่อยๆ แล้ว ย่อมไปสู่สรวงสวรรค์


                    การทำบุญบ่อยๆ ภาษาพระท่านเรียกว่า ปุนัปปุนัง ทำถี่ๆ ทำบ่อยๆ ทำแล้วทำอีก ตอกย้ำซ้ำเดิม เติมผังรวยถาวรให้ควบแน่มากยิ่งขึ้น ยิ่งทำก็ยิ่งมีความสุข เพราะว่าการสั่งสมบุญเป็นการสั่งสมความสุข และความสำเร็จให้กับชีวิต ใครที่ทำบุญแล้วมีความทุกข์ใจ ไม่ปลื้มใจในบุญที่ได้ทำ แสดงว่าผิดหลักวิชานะจ๊ะ 

 

 

DhammaPP_125_02.jpg

                    ถ้าทำบุญถูกหลักวิธี ต้องมีความสุขทุกขั้นตอน คือสุขทั้งก่อนจะทำบุญ ขณะทำบุญและหลังจากทำไปแล้ว ที่มีความสุขเพราะในขณะนั้น บาปอกุศลไม่เข้ามาแทรกในใจ ยิ่งถ้าหากท่านใดตั้งใจที่จะเป็นนักสร้างบารมีพันธุ์รื้อวัฏฏะ ก็ต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจ ทำบุญจนบาปไม่ได้ช่อง ไม่มีโอกาสส่งผล เมื่อผังรวยเข้ามาแทน ผังจนถาวรก็จะถูกขจัดให้มลายหายสูญไปจากใจของเรา หรืออย่างน้อยในฐานะที่เราเป็นพุทธศาสนิกชน เมื่อเราทำบุญก็ไม่ควรคิดเพียงว่า วันนี้เราได้ทำบุญมากแล้ว บุญเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา แล้วก็ละเลยการสั่งสมบุญในคราวต่อๆ ไป คิดอย่างนี้ไม่ถูกนะจ๊ะ 

 

 

DhammaPP_125_04.jpg

                    แม้ในขณะที่ทำบุญก็ควรทำความพอใจในบุญนั้น เมื่อนึกถึงบ่อยๆ ก็ได้บุญบ่อยๆ บุญก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้ ถ้าเรียกว่าได้บุญทับทวี โดยไม่ต้องเสียเงินตรา ไม่เสียเวลา เพียงแค่ทำใจให้เลื่อมใส และนึกถึงบุญที่ททำไปแล้วด้วยความปลื้มปีติ เมื่อบุญส่งผลเต็มที่ ดวงบุญสุขใสสว่าง จนวิบัติบาปศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถปิดบังขวางกันเอาไว้ได้ สมบัติใหญ่ทั้งหลายที่เป็นของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผล นิพพานก็จะบังเกิดขึ้น แล้วจะได้เป็นอภิมหาเศรษฐีที่รวยถาวร รวยข้ามชาติแล้วก็รวยรวดเดียวกระทั่งไปถึงที่สุดแห่งธรรม 

 

 

DhammaPP_125_05.jpg

                    เหมือนเรื่องที่เคยเกิดในสมัยพุทธกาล สมัยนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตเมืองพาราณสี มีอุบาสิกาท่านหนึ่งชื่อว่า ยสุตตรา พอได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลก นางก็มีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระบรมศาสดา ที่ทรงสั่งสอนให้สั่งสมบุญบ่อยๆ เมื่อได้รับฟังโอวาทแล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็หาโอกาสไปถวายภัตตาหารอยู่บ่อยๆ ถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์เป็นประจำ นางไม่เคยอิ่มในการให้ทานเลย ทำแล้วก็ทำอีก ยิ่งทำบุญก็จะมียิ่งมีความปีติ มีความสุขเป็นอานิสงส์ เมื่อได้ยินว่ามีพระภิกษุเดินทางมาพำนักที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน นางก็จะหาโอกาสนำภัตตาหารหวานคาวไปถวายบ่อยๆ จากนั้นก็จะตั้งใจฟังธรรมด้วยความเคารพ 

 

 

DhammaPP_125_.06.jpg

                    นางได้ทำบุญอย่างนี้เป็นประจำ เหมือนกับรู้ตัวว่า เวลาในโลกนี้มีไม่มากแล้ว ต้องรีบสั่งสมบุญเอาไว้ให้มากๆ มีอยู่วันหนึ่งนางได้ทอผ้าเนื้อดีที่สุด และนำไปถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์ทรงรับผ้าคู่นั้นแล้ว ทรงห็นอุปนิสัยของอุบาสิกาว่า สามารถที่จะได้บรรลุธรรมมาพิศสมัยในพบชาตินี้ จึงได้แสดงธรรมที่ถูกกับจริตอัธยาศัยของนาง จากนั่นก็ทรงแสดงอนุปุพพิกถาและตามด้วยอริยสัจ ๔ ยสุตตราอุบาสิกาสามารถพิจารณาธรรมไปตามกระแส แห่งพระธรรมเทศนาที่ลุ่มลึกไปตามลำดับได้  ในที่สุดก็ได้บรรลุโสดาปฏิผล เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้นในพระพุทธศาสนา หลังจากนั้นเป็นต้นมา มหาอุบาสิกาก็ยิ่งมีความสุข ทั้งสุขที่ได้ให้ทาน ทั้งการรักษาศีลและฟังธรรม นางได้เจริญสมาธิภาวนาไม่เคยขาดเลย และก็มีความสุขที่เกิดจากการได้เข้าถึงพระธรรมกายพระโสดาบัน

 

 

DhammaPP_125_.07.jpg

                    เมื่อยสุตตราอุบาสิกาละโลกไปแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เป็นมเหสีของเท้าสักเทวราช ด้วยบุญญานุภาพของยสุตตราเทพธิดาที่ทำเอาไว้อย่างดีแล้ว ทำให้เทพธิดามีช้างแก้วมงคล มีข่ายทองคำเกิดขึ้นที่หลังช้าง มีมณฑปแก้วมณี มีบัลลังก์แก้วที่ตกแต่งอย่างดี ตั้งอยู่ตรงกลางมณฑป ที่งาทั้งสองข้างช้างมีสระโบกขรณี ๒ สระ ซึ่งดารดาษไปด้วยดอกปทุมทิพย์บานสะพรั่งน่ารื่นรมย์ ที่กลีบดอกปทุมทุกดอกมีเทพธิดายืนฟ้องลำขับร้อง ประกอบกับการประโคมทิพยดุริยางค์ที่มีสำเนียงไพเราะเสนาะโสดมาก ยสุตตราเทพธิดาได้ตรวจตราดูทิพยสมบัติที่ตนได้รับแล้ว ก็นึกทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต ก็ทราบว่าเราได้ทิพยสมบัตินี้ เพราะผลที่ได้ทำบุญเอาไว้ ในสมัยที่เป็นมนุษย์ได้หมั่นทำบุญบ่อยๆ แล้วได้บรรลุธรรมเมื่อฟังธรรมจากพระบรมศาสดา นึกแล้วก็ยิ่งเกิดความเลื่อมใส ในพระผู้มีพระภาคเจ้ามากยิ่งขึ้น เทพธิดามีความประสงค์ จะลงไปถวายบังคมพระบรมศาสดา ซึ่งขณะนั้นพระองค์ทรงประทับอยู่ที่วัดพระเชตวัน    

 

                     

DhammaPP_125_.08.jpg

                    ครั้นร่วงเข้ามัชฌิมยาม จึงขึ้นนั่งบนช้างแก้ว เหาะลงมาสู่มนุษยโลก พอมาถึงวัดพระเชตวัน ก็ลงจากช้างเข้าไปถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วได้ยืนฟังธรรมอยู่ในที่ไม่ไกล เมื่อฟังทำเสร็จแล้ว

 

 

DhammaPP_125_09.jpg

                    พระวังคีสเถระมองเห็นเทพนารีด้วยตาเนื้อ ท่านเห็นว่านางมีความเลื่อมไส ต่อพระพุทธเจ้ามากเป็นพิเศษ จึงขออนุญาตพระบรมศาสดา เพื่อไต่ถามบุพกรรมของเทพธิดา เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้วก็ไต่ถามว่า ท่านขึ้นนั่งคชสารตัวประเสริฐ ที่มีขนาดใหญ่ประดับด้วยแก้วและทองคำ ปกคลุมไปด้วยข่ายทองคำงามวิจิตร ดูก่อนเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ในครั้งที่เป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญกุศลอะไรเอาไว้ จึงได้บรรลุเทวฤทธิ์เช่นนี้ 

 

 

DhammaPP_125_10.jpg

                    เทพธิดาดีใจมาก ที่จะได้ประกาศมหากรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า ให้กับเหล่าเทวดาที่กำลังมาฟังธรรม และพุทธบริษัทที่มาประชุมกัน ให้ได้รับฟัง จึงแสดงบุพกรรมของตัว ที่ได้เคยทำบุญกุศลเอาไว้ย่อๆ จากนั้นก็ได้กระทำประทักษิณ เวียนรอบพระพุทธเจ้า แล้วเหาะขึ้นนั่งบนหลังช้างกลับสู่เทวโลกตามเดิม

 

 

DhammaPP_125_11.jpg

                    เห็นไหมจ๊ะว่าการทำบุญบ่อยๆ เป็นสิ่งสำคัญ จะเป็นอาจินกรรมที่มีผลดีต่อตัวเรา ทั้งในปัจจุบันและก่อนที่เราจะละโลก เหมือนเราคุ้นเคยกับสิ่งใด ใจก็จะน้อมไปในสิ่งนั้น คุ้นกับการทำบุญ ก่อนตายใจก็จะอยู่ในบุญ อยู่กับธรรมะ พระพุทธเจ้าท่านทรงรู้เห็นด้วยญาณทัศนะอันบริสุทธิ์ ทรงแทงทะลุปรุโปร่งเรื่องปรโลก ทั้งนิพพาน ภพ ๓ โลกันตร์ จึงชักชวนพวกเราให้ทำบุญเอาไว้มากๆ และก็ให้ทำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้บาปได้ช่อง เราจะได้ไม่มีวิบัติมีแต่สมบัติติดตัวข้ามภพข้ามชาติ ทั้งสมบัติที่เป็นของมนุษย์และเป็นของทิพย์  

 

 

DhammaPP_125_.12.jpg

                    พระพุทธองค์ทรงอยากให้เราประสบแต่ความสุขความสำเร็จ ไม่อยากให้ใครมีชีวิตที่ลุ่มๆดอนๆ แล้วก็อยากให้เราหลุดพ้นจากอาสวะกิเลส ตามพระองค์ไปด้วย ดังนั้นจึงทรงสอนว่า กยิราเถนํ ปุนปฺปุนํ ควรทำบุญบ่อยๆ ถ้าไม่ทำบุญเดี๋ยวบาปจะเข้ามาแทรก เหมือนไวรัสที่เข้ามาทำให้ระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์รวน หรือเชื้อโรคที่เข้ามาสู่ร่างกาย ทำให้เจ็บป่วยไข้ ดังนั้นน่ะเมื่อตั้งใจทำบุญอะไรแล้ว ก็ต้องทำให้เต็มที่ทำบ่อยๆ ทำแล้วทำอีก ทำให้ปลื้มไปทุกภพทุกชาติ จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมกันเลยนะจ๊ะ

พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) 

      

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล