ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ผิดพลาดเพราะลำเอียง (๒)


ธรรมะเพื่อประชาชน : ผิดพลาดเพราะลำเอียง (๒)

Dhammaforpeople
 ธรรมะเพื่อประชาชน

DhammaPP157_01.jpg

ผิดพลาดเพราะลำเอียง ตอน ๒
 

                    เราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีสิ่งที่จะต้องศึกษาควบคู่กันไปอยู่ ๒ ประการคือ การศึกษาวิชาความรู้ในทางโลกและการศึกษาวิชาในทางธรรม การศึกษาความรู้ทางโลก มีเป้าหมายก็เพื่อให้เรารู้จักวิธีการแสวงหาปัจจัย ๔ มาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ทำให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขในระดับหนึ่ง ส่วนการศึกษาความรู้ในทางธรรม มีเป้าหมายเพื่อฝึกฝนอบรมจิตใจของเรา ให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อจะได้เข้าถึงแหล่งของความรู้ที่สมบูรณ์ เป็นความรู้เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง ให้เข้าถึงความสุขอันแท้จริงที่มีอยู่ภายใน 

 

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในภัตตุเทสกสูตรว่า

               ชนเหล่าใดไม่สำรวมในกามทั้งหลาย 
    
           เป็นผู้ไม่ประกอบไปด้วยธรรม ไม่เคารพในธรรม 
    
           สําเอียงเพราะชอบกัน เพราะชังกันและเพราะกลัว
    
           นั่นน่ะเราเรียกว่าผู้เป็นดุจอยากเยื่อในบริษัท 

               ส่วนชนเหล่าใดตั้งอยู่ในธรรม ไม่ทำความชั่ว
               ไม่ลำเอียงเพราะชอบกันชังกัน และไม่ลำเอียงเพราะความกลัว
               ชนเหล่านั้นเป็นสัตบุรุษ ผู้ควรสรรเสริญ
               เราเรียกว่าเป็นผู้ผุดผ่องในบริษัท พระสมณผู้รู้ ตรัสไว้อย่างนี้แล

                 

                    การสังเกตตัวของเราเองหรือบุคคลรอบข้างว่า เป็นผู้ควรได้รับการยกย่องสรรเสริญ ทั้งจากมนุษย์และเทวาหรือไม่ ผู้รู้ท่านสอนให้ดูที่มีอคติความลำเอียงอยู่ในใจหรือเปล่า ถ้าใจไม่ลำเอียงเพราะความรักความชัง ความหลงหรือความกลัว มีความยุติธรรมฝั่งแน่นอยู่ในใจ เห็นความชอบธรรมสำคัญกว่าความชอบใจ แสดงว่าเป็นผู้ที่น่าเคารพยกย่อง สมควรแก่การบูชา เมื่อใจไม่ลำเอียง เวลาฝึกสมาธิคุณธรรมข้อนี้ก็จะส่งผล ให้ใจของเราเที่ยงตรงต่อหนทางสายกลาง เป็นเหตุให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยไม่ยาก สำหรับวันนี้เราก็มารับฟังเรื่องราวกันต่อนะจ๊ะ 

 

                 ครั้งที่แล้วหลวงพ่อได้เล่าถึงตอนที่ ธรรมธัชบัณฑิตบริษัท กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เพราะถูกเสนาบดีชื่อกาฬกะเพ็ดทูลยุยงพระราชาให้เห็นว่า ธรรมธัชกำลังจะแย่งชิงราชบัลลังก์  พระราชาจึงรับสั่งให้ธรรมธัชบัณฑิตไปสร้างอุทยานแห่งใหม่ ให้สำเร็จภายในวันเดียว ถ้าหากไม่สำเร็จก็จะถูกประหารชีวิต เมื่อธรรมธัชรับราชองค์การแล้ว ก็กลับมานั่งพิจารณาใคร่ครวญถึงต้นสายปลายเหตุ ของราชบัญชาในครั้งนี้  

 

                   เมื่อทราบว่า นี่เป็นกลอุบายของกาฬกะเสนาบดี จึงนึกถึงบุญกุศลและความประพฤติอันดีงาม ที่ตนได้กระทำมาตลอดชีวิต ไม่เคยคิดแย่งชิงราชสมบัติหรืออยากได้ของของใคร โดยไม่ได้รับอนุญาตเลย ด้วยบุญญานุภาพที่ท่านทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเรื่อยมา เป็นเหตุให้ทิพยาอาจของท้าวสักกะแสดงอาการร้อน ท้าวสักกะตรวจดูก็รู้ว่า พระโพธิสัตว์ถูกกลั่นแกล้ง จึงเสด็จลงจากเทวโลก ประทับยืนอยู่บนอากาศ เปล่งรัศมีกายสว่างไสว ตรัสถามว่าบัณฑิตท่านกำลังคิดอะไรอยู่ พระโพธิสัตว์เห็นพระอินทร์มาปรากฏให้เห็นก็ดีใจ จึงทูลว่าพระราชาให้ข้าพระองค์สร้างอุทยานใหม่ ถึงข้าพระองค์จะคิดวิธีการปลูกสร้างอย่างไร ก็คงไม่เสร็จทันตามพระราชประสงค์เป็นแน่ เมื่อทำไม่ได้ก็คงต้องถูกประหารอย่างแน่นอน เท้าสักกะตรัสว่า บัณฑิตท่านอย่าคิดมากเลย เราจะเนรมิตอุทยาน เช่นกับสวนนันทวันและจิตรลดาให้ท่านเอง ว่าแต่ท่านจะให้สร้างที่ไหนดีล่ะ 

 

                    เมื่อพระโพธิสัตว์ทูลบอกสถานที่สำหรับสร้างอุทยาน ท้าวสักกะก็เนรมิตสวนประดุจดั่งอุทยานในเมืองสวรรค์ให้ธรรมธัชได้ชมเป็นขวัญตา จากนั้นก็เสด็จกลับเทพนคร พระโพธิสัตว์ เห็นอานุภาพของพระอินเช่นนั้นก็ปีติดีใจ รุ่งเช้าจึงเข้าไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบ ครั้นพระราชาเสด็จประพาสอุทยาน ก็ทรงเห็นอุทยานซึ่งแวดล้อมไปด้วยกำแพง ที่มีสีเหมือนมโนสิลาสูง ๑๘ ศอก มีประตูหน้าต่างครบครัน ประดับด้วยรุกขชาตินาๆ พันธุ์ผลิตดอกออกผลบานสะพรั่ง ก็ทรงชื่นชมโสมนัส ทรงสนทนากับกาฬกะเสนาบดีด้วยความเบิกบาน แทนที่เสนาบดีจะยกย่องหรือเกิดความอัศจรรย์ใจในความสามารถของธรรมธัช กลับเพ็ดทูลให้พระราชาทรงระแวงหนักยิ่งขึ้นไปอีกว่า  ข้าแต่มหาราชท่านปุโรหิตสามารถสร้างอุทยานได้ในคืนเดียว นี่ถ้าหากปรารถนาจะชิงราชสมบัติของพระองค์ จะไม่สามารถทำได้เฉียวหรือ 

 

                    พระราชาทรงหวั่นพระทัยจึงตรัสถามว่า จะให้เราทำอย่างไรดีล่ะ เมื่อได้โอกาสก็กราบทูลว่า ขอพระองค์รับสั่งให้ธรรมธัชบัณฑิต สร้างสระโบกขรณี ที่สำเร็จด้วยแก้วเจ็ดประการภายใน ๗ วันเถิด พระราชาผู้ทรงหูเบา ก็มีพระราชบัญชาให้ปุโรหิตโพธิสัตว์ ทำตามที่ท่านเสนาบดีแนะนำทุกประการ พระโพธิสัตว์รู้ว่า ลำพังความสามารถของตัวเองน่ะคงเอาตัวไม่รอด จากราชภัยคราวนี้อย่างแน่นอน จึงนึกถึงศีลของตัวเอง และก็นึกถึงท้าวสักกะเทวราช ให้ลงมาช่วยแก้วิกฤตในคราวนี้อีกครั้ง คืนวันนั้นท้าวสักกะก็ได้เสด็จลงมาเนรมิต สระโบกขรณีอันงดงาม มีท่าสงสนานเป็นอย่างดี ดารดาษไปด้วยดอกปทุม ๕ สี งดงามประดุจสระโบกขรณีนันทา จากนั้นก็เสด็จกลับไปเทวโลกตามเดิม

 

                    ฝ่ายพระราชาเมื่อเสด็จทอดพระเนตรสระโบกขรณีตามคำกราบทูลของปุโรหิตก็ทรงตื่นเต้นอัศจรรย์ใจ ในความสามารถของปุโรหิต แต่ก็เพราะถูกกาฬกะเสนาบดียุยงอยู่ตลอดเวลา จึงทรงไขว้เขวพระทัย

 

                    วันต่อมาจึงรับสั่งให้สร้างคฤหาสน์ ที่คู่ควรแก่อุทยานและสระโบกขรณี ซึ่งสำเร็จไปด้วยงาช้าง พระโพธิสัตว์เมื่อได้รับราชบัญชาแล้ว ก็กลับมาใคร่ครวญถึงศีลและความบริสุทธิ์ ทางกาย วาจาและใจของตัวเอง ว่าไม่เคยคิดที่จะประทุษร้ายพระราชาเลย ด้วยบุญนี้ขอให้เทวดาได้มาช่วยเนรมิตคฤหาสน์อันวิจิตรพิสดารด้วยเถิด ท้าวสักกะก็เสด็จลงมาเนรมิตคฤหาสน์ให้แก่พระโพธิสัตว์สมดังใจปรารถนา 

 

                    รุ่งขึ้นพระโพธิสัตว์ก็ไปกราบทูลแด่พระราชา ด้วยจิตใจที่เบิกบาน พระราชาทอดพระเนตรเห็นคฤหาสน์นั้นแล้วก็ปลื้มพระทัย ที่จะได้ครองคฤหาสน์ที่สวยงามประดุจทิพยวิมานในสวรรค์ แต่กาฬกะเสนาบดีก็ทูลยุยงอีกว่า ปุโรหิตสร้างคฤหาสน์เหล่านี้ขึ้นมาเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อพระองค์เลย เพราะฉะนั้นจะต้องรีบกำจัดให้เร็วที่สุด ว่าแล้วก็กราบทูลกลอุบายว่า ข้าแต่มหาราชขอพระองค์จงรับสั่งให้สร้างแก้วมณีอันสมควรแก่คฤหาสน์นั้นเถิดพระเจ้าข้า พระอาจารย์รับสั่งให้พระโพธิสัตว์ทำตามที่เสนาบดีแนะนำ ธรรมธัชโพธิสัตว์รับราชบัญชาแล้ว ก็อธิษฐานจิตนึกถึงบุญและท้าวสักกะ ให้เสด็จลงมาช่วยเหมือนเดิม ท้าวสักกะก็เนรมิตแก้วมณีให้พระโพธิสัตว์สมดังปรารถนา 

 

                    รุ่งขึ้นเมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นแก้วมณีที่รับสั่งเอาไว้ ก็ทรงตื่นตาตื่นใจหนักยิ่งขึ้นไปอีก ฝ่ายกาลกะเสนาบดีก็ไม่ลดละความเพียรได้เพ็ดทูลว่า ข้าแต่มหาราชเห็นทีจะมีเทวดาคอยเนรมิตสิ่งต่างๆ ให้กับปุโรหิตธรรมธัชเป็นแน่ คราวนี้สิ่งใดที่เทวดาไม่สามารถเนรมิตได้ ขอพระองค์จงรับสั่งให้สร้างสิ่งนั้นเถิด ว่าแล้วก็แนะกลอุบายที่จะกำจัดธรรมธัชโพธิสัตว์ให้พระราชาทรงทราบ ส่วนว่าจะเป็นราชบัญชาโดยไม่ชอบทำอย่างไรนั้น และธรรมธัชจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ ที่เริ่มจะเลวร้ายหนักขึ้นทุกขณะได้อย่างไร เอาไว้วันพรุ่งนี้เราค่อยมารับฟังกันต่อนะจ๊ะ 

 

                    ข้อคิดสำหรับวันนี้ก็คือว่า คนเราถ้าหากถูกโมหะเข้าครอบงำจิตใจเสียแล้ว ก็มักจะทำอะไรที่ผิดพลาดได้ง่าย เหมือนคนที่เดินอยู่ท่ามกลางความมืด ไม่สามารถที่จะมองเห็นสิ่งใดๆ จะไปทางไหนก็ทุลักทุเล ภยันตรายก็พร้อมที่จะบังเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นชีวิตจะปลอดภัยก็ต่อเมื่อ เอาความมืดคือโมหะออกจากใจให้ได้ ผู้รู้ทั้งหลายท่านจึงสอนให้ฝึกฝนใจให้สงบ ให้หยุดให้นิ่ง ทำใจให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ เมื่อพิจารณาสิ่งใดด้วยจิตที่บริสุทธิ์ก็รู้เห็นไปตามความเป็นจริงและเมื่อใจตั้งมั่นไม่หวั่นไหว ใครๆ ก็ไม่สามารถมาทำให้ไขว้เขวได้ง่ายๆ เหมือนบุคคลเดินอยู่ท่ามกลางความสว่างในยามกลางวัน ดังนั้นให้ลูกๆ ทุกคนหมั่นฝึกสนใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใสอยู่เสมอ ตามที่ผู้รู้ทั้งหลายท่านได้แนะนำกันนะจ๊ะ ชีวิตเราก็จะได้ปลอดภัยและก็มีชัยชนะไปทุกภพทุกชาติจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง 

 

พระธรรมเทศนา โดย พระราชภาวนาวิสุทธิ์

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล