Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน
ตอน เนื้อนาบุญหายาก
การดำเนินชีวิต ในสังสารวัฏให้รอดและปลอดภัยได้นั้น เราจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท เพราะชีวิตในสังสารวัฏนั้นเต็มไปด้วยทุกข์ภัยต่างๆมากมาย ทั้งทุกข์ที่เกิดจากสังขาร ร่างกาย ตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า ล้วนแต่เป็นรังแห่งโรค แต่ขึ้นอยู่กับใจที่สงบนิ่ง อยู่กับธรรมะภายใน ไม่ยินดียินร้านในโลกธรรม สันโดษ ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อนทั้งกายและใจ
นี่คือความสุขเบื้องต้นที่ใครๆก็ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงินทองความสุขที่ยิ่งไปกว่านั้นคือสุขที่เข้าถึงพระธรรมกาย โดยใจของเรามาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของความสุขและความสำเร็จ ผู้ฉลาดในการสั่งสมบุญ มีการให้ทานเป็นต้น
เมื่อตั้งใจว่าจะสละการตระหนี่ออกจากใจ โดยการขนทรัพย์หยาบๆที่ตนเองมีอยู่ออกให้ทาน ท่านมักจะพิจารณาถึงคุณสมบัติของปฏิคาหก ว่าใครที่สามารถจะมาเป็นบุญเขตอันยอดเยี่ยมได้ มาเป็นทักขิไนยบุคคล ซึ่งเป็นผู้ควรรับทายธรรมที่หามาได้ด้วยความยากลำบากนี้
ไม่ใช่เพียงคิดอยากจะให้ก็ให้ แต่ต้องรู้จักเลือกเนื้อนาบุญด้วย การจะให้ทานที่ถูกหลักวิชาแต่ละครั้งนั้น ต้องมีโยนิโสมนสิการ คือ คำนึงถึงเนื้อนาบุญผู้มีความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ เป็นอันดับแรก เพราเมื่อเราทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ผลบุญที่ได้ก็เกิดขึ้นเกินควรเกินคาด จะส่งผลทั้งในชาตินี้ ชาติหน้า และชาติต่อๆไป ทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน
แต่บางครั้ง การจะได้ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งคุณ ตามที่เราปรารถนานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะผู้ที่อุดมไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เป็นบัณฑิต นักปราชญ์ ไม่ใช่จะมีโอกาสพบเจอและทำบุญกับท่านได้ง่ายๆ ในบางยุคบางสมัย จะหาเนื้อนาบุญที่เอาแค่เพียงรักษาศีล ๕ ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ก็ยังหาได้ยาก เพราะผู้ที่แสดงว่าเป็นเนื้อนาบุญนั้นไม่ค่อยจะมี เหมือนเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในสมัยก่อนโน้น
พระเจ้าโกรัพยะ เสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครอินปัตต์ อำมาตย์ของพระองค์นามว่าวิธูระคอยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ ทำให้พสกนิกร ไพรฟ้าประชาราช อยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข พระราชาทรงรักในการบริจาคทานเป็นชีวิตจิตใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ในบรรดาคนที่มารับทานของพระองค์ จะหาสักคนที่รักษาศีล ๕ ก็ไม่มีเลย ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ทุศีลทั้งนั้น พระเจ้าโกรัพยะตระหนักดีว่า การทำบุญถูกเนื้อนาบุญ จะทำให้ได้ผลมาก จึงมีพระประสงค์จะให้ทานแก่ผู้มีศีล
จึงปรึกษารกับวิธูระบัณฑิตว่า ทำอย่างไรจะได้ทำทานกับพราหมณ์ผู้มีศีล เป็นพหูสูตรงดเว้นจากเมถุนธรรม วิธูระบัณฑิตเห็นว่ายุคนี้เป็นช่วงที่ว่างเว้นจากการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้า จะหาเนื้อนาบุญคงหาได้ยาก เพราะพราหมณ์ผู้ลอยบาปได้แล้วมีศีลบริสุทธิ์ มีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น
จึงได้แต่ทูลให้คำปรึกษาเกี่ยวกับพราหมณ์หลายๆประเภทว่า บางพวกถือกระสอบที่เต็มไปด้วยรากไม้ ติดสลากบอกสรรพคุณยาไว้ คอยรดน้ำมนต์และร่ายมนต์ แล้วแสดงตนว่าเป็นพราหมณ์ บางพวกถือเต้าน้ำและไม้สีฟันคอยแสวงหาอาหารจากทายกผู้ในบุญ บางพวกปล่อยเล็บมือเล็บเท้ายาวไม่สะอาด มีธุลีบนศีรษะเกรอะกรังไปด้วยฝุ่นละอองคล้ายพวกยาจก
บางพวกคอยทำหน้าที่จัดงานอาวาหมงคล และวิวาหมงคลให้กับหนุ่มสาว คอยตรวจตราดูฤกษ์ยามที่สมมติเป็นมงคล และฤกษ์ยามงามดีหรืองามร้าย และได้กล่าวถึงพราหมณ์ประเภทต่างๆ ซึ่งมีข้อวรรคปฏิบัติที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อการแสวงหาหนทางพระนิพพานให้กับตน ซ้ำร้ายกว่านั้น พราหมณ์บางจำพวก ยังปฏิบัติสวนทางพระนิพพาน นำมหาชนออกไปสูอบายภูมิก็มี วิธูระบัณฑิตได้กราบทูลแถลงถึงพวกพราหมณ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นเพียงการบัญญัติเรียกตัวเองขึ้นมา
พระเจ้าโกรัพยะก็ทรงพิจารณาด้วยสติปัญญาของพระองค์เอง แล้วตรัสว่า ชนเหล่านั้นปราศจากคุณเครื่องความเป็นพราหมณ์ จะเรียกว่าเป็นพราหมณ์ไม่ได้ เพราะพราหมณ์เป็นผู้ลอยบาปได้แล้ว ท่านจึงแสวงหาพราหมณ์เหล่าอื่น ผู้มีศีลเป็นพหุสูตร งดเว้นจากเมถุนธรรม ซึ่งสมควรบริโภคโภชนาอาหารของเรา แล้วปรารถนาของเราจะให้ทักษิณาทานในพวกพราหมณ์ที่ให้ทานแล้วจักมีผลมาก
วิธูระบัณฑิตได้กราบทูลลักษณะของพราหมณ์ผู้ที่สมควรว่าเป็นเนื้อนาบุญว่า “ข้าแต่องค์ผู้สมมติเทพ พราหมณ์ทั้งหลายผู้มีศีล เป็นพหูสูต งดเว้นจากเมถุนธรรม ซึ่งสมควรบริโภคโภชนาหารของพระองค์ทรงมีอยู่ แต่ตอนนี้ท่านอยู่ที่เงื้อมเขานันทมูลกะ ในหิมวันตประเทศ”
พระราชาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีพระทัย ที่จะได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญ จึงรับสั่งกับบัณฑิตว่า “ถ้าเช่นนั้นเธอช่วยทูลอาราธนาท่านพราหมณ์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐเหล่านั้นแก่เรา ด้วยปัญญาของท่านเถิด”
วิธูระบัณฑิตผู้มีปัญญาเฉียบแหลม ทูลว่า “มหาราชเจ้า เช่นนั้นขอพระองค์ชักชวนชาวพระนครทุกคน อธิษฐานอุโบสถ และรักษาศีลกันให้หมด แม้พระองค์ก็ทรงสมาทานอุโบสถศีลให้บริสุทธิ์ และตระเตรียมหาทานเพื่อถวายตลอด ๗ วัน ส่วนเรื่องการเชื้อเชิญพราหมณ์เป็นหน้าที่ของข้าพระองค์เอง”
เมื่อพระราชาและเหล่าพสกนิกรพากันประพฤติธรรม วิธูระบัณฑิตก็นั่งระลึกถึงคุณพระปัจเจกพระพุทธเจ้า กราบนิมนต์ท่านด้วยใจว่า ขอพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ประมาณ๕๐๐ พระองค์ ผู้สถิตอยู่เงื้อมเขานันทมูลกะในหิมวันตประเทศจงรับภิกษาของข้าพเจ้าทั้งหลาย ในวันรุ่งขึ้นด้วยเถิด
ว่าแล้วก็โยนดอกไม้ ๘ กำไปในอากาศ ด้วยอานุภาพบารมีของพระโพธิสัตว์ พวงดอกไม้นั้นก็ได้ล่องลอยไปจนกระทั่งถึงที่อยู่ของพระปัจเจกพระพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ องค์ ท่านได้เห็นดอกไม้ลอยมาตกลงในบริเวณที่พำนัก ก็ทราบด้วยปัจเจกพุทธยานว่า วิธูระบัณฑิตผู้เป็นหน่อเนื้อแห่งพุทธางกูร ได้กราบนิมนต์เพื่อฉันภัตราหารในวันรุ่งขึ้น ทุกรูปจึงตั้งใจที่จะทำการสงเคราะห์พระโพธิสัตว์ให้ท่านสมความปรารถนาที่จะได้ถวายมหาทานบารมี
วันรุ่งขึ้นพระราชาทรงจัดแจง สักการะใหญ่โต ให้ตกแต่งอาสนะให้ท้องพระโรงหลวง ด้วยใจจดใจจ่อว่า จะได้ทำบุญใหญ่กับเนื้อนาบุญอันเลิศ
ฝ่ายพระปัจเจกของพระพุทธเจ้าทั้ง๕๐๐องค์ ได้สรงสนานในสระอโนดาต ครองผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เหาะมาทางอากาศ ลงที่ท้องพระลานหลวง พระราชาและโพธิสัตว์มีใจเลื่อมใจ ได้อัญเชิญพระองค์ท่านเหล่านั้นขึ้นบนปราสาท ช่วยกันถวายภัตราหารอันประณีต เป็นเวลาถึง๗วัน วันสุดท้ายก็ได้ถวายไตรจีวร พร้อมด้วยเครื่องอัฐบริขารทุกอย่าง ด้วยอานิสงค์แห่งการถวายมหาทาน ถูกทักขิไณยบุคคลในทั้งนั้น ทำให้พระราชาและชาวเมืองได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสุคติโลกสวรรค์
โอกาสในการได้ทำบุญถูกเนื้อนาบุญนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องอาศัยกำลังบุญ อาศัยจังหวะช่วงที่เหมาะสม ถึงจะได้ทำบุญ กับทักขิไณยบุคคลอันเลิศ ซึ่งขณะนี้ลูกทุกคน นับว่าได้โอกาสอันเลิศอย่างนั้นแล้วคือเรายังมีพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นเนื้อนาบุญให้กับเรา